Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
เครื่องช่วยหายใจนอนกรน เเก้ไขอาการกรน
คืออะไร?

เครื่องช่วยหายใจนอนกรน เเก้ไขอาการกรน

คืออะไร?
Table of Contents

มีใครเคยประสบปัญหาเสียงกรนดังรบกวนจากคนรอบข้างเวลานอนหลับกันบ้างไหม? อาการนอนกรนไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ แต่ยังสามารถส่งผลกระทบที่อันตรายถึงชีวิตจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย ยังทำให้คุณภาพการนอนลดลง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อคนที่นอนกรน แต่ยังส่งผลให้คู่กรนตื่นตัวในตอนกลางคืน ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางวัน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน และมีผลต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของทั้งสองฝ่าย

หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินถึงวิธีการรักษาอาการนอนกรนที่มีหลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรน วิธีที่ช่วยรักษาอาการนอนกรนรวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอกจากนี้ เรายังจะเปรียบเทียบวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดลดนอนกรนและการรักษาด้วยเลเซอร์ รวมถึงวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด

นอนกรนรักษาได้ง่าย ๆ เริ่มที่ทำความเข้าใจ

เริ่มแรกเลย ก่อนจะเข้าใจวิธีการรักษา อยากให้ทุกคนมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “เสียงกรน” เกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุที่ทำให้เรานอนกรนคืออะไร อาการนอนกรนเกิดจากการที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลงในขณะนอนหลับ

สาเหตุที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจเกิดการตีบแคบลง มาจากการที่กล้ามเนื้อภายในช่องปาก เช่น เพดานอ่อนและลิ้น หย่อนคล้อยหรือคลายตัวลงจนทำให้ปิดกั้นทางเดินหายใจ

เมื่อทางเดินหายใจแคบลง เวลาหายใจเข้าเพื่อให้อากาศเข้าสู่ร่างกาย ลมจะเดินทางผ่านช่องทางที่ตีบแคบ ซึ่งทำให้เกิดเสียงกรนจากการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อในช่องปาก ในบางรายอาจเกิดการถูกปิดกั้นทางเดินหายใจทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ทำความรู้จัก เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน

จากเนื้อหาข้างต้น เราได้กล่าวถึงสาเหตุของการนอนกรน โดยสรุปได้ว่า สาเหตุเกิดจากการที่ทางเดินหายใจตีบแคบจากการถูกอุดกั้นจากกล้ามเนื้อภายในช่องปาก เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน หรือที่เรารู้จักกันดีว่า CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) และ iNAP จะช่วยรักษาอาการนอนกรนได้อย่างไร? มาดูกันเถอะ

1. เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)

CPAP เป็นวิธีรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีผลลัพธ์ดีมาก ในการแก้ไขอาการนอนกรน ตัวเครื่อง CPAP จะเชื่อมต่อกับหน้ากากผ่านท่ออากาศ ซึ่งมีหน้าที่ส่งแรงดันอากาศ โดยตัวเครื่องจะผลิตแรงดันอากาศแรงดันบวกออกมา ส่งอากาศผ่านเข้าสู่ท่ออากาศที่ครอบอยู่เหนือบริเวณปากและจมูกของผู้ใช้

แรงดันลมที่ออกมาจากตัวเครื่องจะช่วยขยายทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ทำให้ลมหายใจสามารถเดินทางไปถึงปอดได้อย่างสะดวก ช่วยแก้ไขอาการนอนกรนและป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

2. เครื่องอัดอากาศแรงดันลบ (iNAP)

iNAP เป็นอุปกรณ์อีกประเภทหนึ่งที่ช่วยแก้ไขอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจในขณะหลับ โดยมีหน้าที่สร้างแรงดันลม เพื่อช่วยให้บริเวณเพดานอ่อนและโคนลิ้นเคลื่อนตัวไปด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจขยายกว้างมากขึ้น

รูปแบบการทำงานของเครื่องมีความคล้ายกับ CPAP แต่จะมีความแตกต่างในส่วนของหน้ากากที่ใช้ส่งผ่านอากาศ รวมถึงขนาดตัวอุปกรณ์ที่เล็กกะทัดรัดมากกว่า จึงเหมาะสำหรับการพกพาและมีเสียงเงียบ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนในขณะเปิดใช้งาน

เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน เหมาะสำหรับใคร?

เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรนเหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่า มีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือมีอาการกรนในระดับปานกลางถึงรุนแรงซึ่งอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต ผู้ที่มีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับเพียงเล็กน้อยแต่มีอาการนอนกรนเสียงดัง ตื่นมาหอบหรือสำลักในขณะหลับ ตื่นขึ้นจากการนอนหลับแล้วเกิดอาการอ่อนเพลีย

ต้องเลือกแบบไหนถึงเหมาะสมกับตัวเอง?

เครื่องช่วยหายใจมีความแตกต่างกันตามแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อ เช่น

  • ขนาดและรูปร่าง ในบางรุ่นมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการพกพา ในขณะที่บางรุ่นมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่และหนักกว่า
  • เสียงรบกวน ในบางรุ่นตัวเครื่องจะมีเสียงรบกวนที่เงียบและเบากว่ารุ่นอื่น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการนอนหลับยากหรือไวต่อเสียงรบกวน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน เครื่องช่วยหายใจในแต่ละรุ่นมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น การลดหรือเพิ่มแรงดันลมขณะหายใจเข้าและออก การทำความชื้น และการบันทึกข้อมูล ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้แตกต่างกัน
  • มีระบบติดตามผลการใช้งานเครื่องผ่านระบบออนไลน์ (Cloud) เพื่อง่ายการต่อการปรับตั้งค่าแรงดัน

การเลือกเครื่องช่วยหายใจให้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกในการใช้งาน สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือคลินิกนอนกรนที่มีแพทย์เฉพาะทางให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้เครื่องช่วยหายใจสามารถรักษาปัญหาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เปรียบเทียบกับวิธีการรักษานอนกรนวิธีต่างๆ

ในส่วนสุดท้ายของบทความ เราจะเสนอวิธีการรักษาการนอนกรนในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจในการเลือกรับวิธีการรักษา ที่ Vital Sleep Clinic เป็นคลินิกนอนกรนที่รักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการนอนหลับ รวมไปถึงการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่มีรูปแบบการรักษาที่ครบวงจร

นอนกรนรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

การรักษาปัญหาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยหลักๆ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการรักษาโดยการผ่าตัด

1. การรักษานอนกรนแบบไม่ผ่าตัด (ต่อ)

  • รักษาด้วยเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)

เครื่องครอบฟันเป็นอุปกรณ์ทันตกรรมที่ใช้สวมใส่ในช่องปากขณะหลับ มีหน้าที่ในการปรับตำแหน่งของลิ้นและขากรรไกรให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เพื่อป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการกรนเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการใช้เครื่อง CPAP

  • การบำบัดด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน เช่น การลดน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน การนอนตะแคงแทนการนอนหงาย และการตั้งเวลาเข้านอนให้เป็นระเบียบสามารถช่วยลดอาการกรนได้ในหลายๆ กรณี

  • การทำกายภาพบำบัด

ในบางกรณี การทำกายภาพบำบัดที่เน้นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อในช่องปากและลำคอ หรือเรียกว่า Myofunctional Therapy สามารถช่วยปรับปรุงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านั้นได้ ซึ่งส่งผลให้ลดอาการกรนตั้งแต่ต้นสาเหตุได้

2. การรักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด

  • การผ่าตัดลดขนาดเพดานอ่อน (Uvulopalatopharyngoplasty หรือ UPPP)

การผ่าตัดชนิดนี้จะทำการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินในช่องปาก เช่น เพดานอ่อน ลิ้น ส่วนที่อุดกั้นทางเดินหายใจเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนกรนในระดับรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ

  • การผ่าตัดเลเซอร์

การใช้เลเซอร์ในการรักษาเป็นวิธีที่มีความก้าวหน้าและใช้เวลาในการฟื้นตัวน้อยกว่า โดยเลเซอร์จะช่วยตัดหรือขัดเนื้อเยื่อส่วนเกินในช่องปากเพื่อลดการกรน

  • การผ่าตัดเปิดทางเดินหายใจ (Genioglossus Advancement)

วิธีนี้จะทำการผ่าตัดเพื่อเคลื่อนตำแหน่งของกล้ามเนื้อในลิ้นหรือโคนลิ้นไปด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น ลดความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ

  • การผ่าตัดนอนกรนแบบ MMA (Maxillomandibular Advancement)

เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้แก้ไขภาวะนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ในกรณีที่รุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น ๆ โดยการเลื่อนขากรรไกรบนและล่างไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจ ทำให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น ลดการอุดตันที่ทำให้เกิดการนอนกรนได้

สรุป

เสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่หลายคนไม่ควรมองข้าม การหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพในระยะยาว เครื่องช่วยหายใจนอนกรนอย่าง CPAP และ iNAP เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการนอนกรนที่มีสาเหตุจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้ ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการผ่าตัด ซึ่งผู้ที่มีปัญหานอนกรนควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ก่อนที่จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดกับตนเอง

Vital Sleep Clinic ยินดีให้คำปรึกษาและรักษาอย่างครบวงจรเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และกลับไปนอนหลับได้อย่างสงบสุขและปลอดภัยจากอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องช่วยหายใจและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ดังนั้นหากคุณหรือคนใกล้ชิดมีปัญหาเหล่านี้ อย่ามัวรอช้า รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกัน

Related Blogs and Articles
เครื่อง BiPAP คืออะไร BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

CPAP แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง

อาการนอนกรน ถือเป็นปัญหาสุขภาพของใครหลาย ๆ คน ในเฉพาะคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ไม่เพียงแต่ทำให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม แต่ยังเป็นสาเหตุของความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง หนึ่งในวิธีการรักษาที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำ คือ การใช้เครื่องช่วยหายใจที่เรียกว่า CPAP ซึ่งย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เครื่อง CPAP เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดรักษาคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ด้วยการส่งแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่องผ่านทางหน้ากาก เพื่อเปิดทางเดินหายใจของคุณให้กว้างขึ้น ช่วยลดอาการนอนกรนและป้องกันการหยุดหายใจซ้ำ ๆ ในขณะหลับ ทำให้การนอนหลับทุกคืนของคุณกลับมาเป็นปกติ เครื่อง CPAP ทำงานอย่างไร? เครื่อง CPAP ทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศไปยังทางเดินหายใจผ่านหน้ากากที่สวมใส่ขณะนอนหลับ ช่วยป้องกันการปิดตัวของทางเดินหายใจในขณะที่กำลังหายใจเข้า โดยทั่วไปเครื่อง CPAP จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ใครบ้างที่ควรใช้เครื่อง CPAP? เครื่อง CPAP มักจะถูกแนะนำหรือมาใช้รักษาให้กับคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่รุนแรงหรือเพียงเล็กน้อยก็ตาม การใช้ CPAP ช่วยทำให้คนไข้กลับมามีการนอนหลับที่ต่อเนื่องขึ้น ลดเสียงกรน และป้องกันภาวะการหยุดหายใจซ้ำ ๆ โดยรวมแล้ว การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจแก้กรนเป็นทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการหายใจระหว่างการนอนหลับ และสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณข้อมูลจาก เครื่อง CPAP มีกี่ประเภท? แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ก็ยังมีเครื่องประเภทอื่น ๆ ที่ทำงานคล้ายกันและมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนี้ ความแตกต่างของเครื่อง CPAP แต่ละยี่ห้อ ข้อดีและข้อเสียของเครื่อง CPAP การเลือกใช้เครื่อง CPAP มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ป่วยควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้ ข้อดี ข้อเสีย การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP ที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราให้บริการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ด้วย เครื่อง CPAP เป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้นขณะนอนหลับ ทำงานโดยการส่งแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ป้องกันการอุดกั้น ลดการหยุดหายใจและเสียงกรน ทำให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอตลอดคืน ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดสมอง ทำไมต้องเลือก CPAP กับ VitalSleep Clinic? หากคุณมีอาการ นอนกรน ง่วงนอนตอนกลางวัน หรือหายใจติดขัดขณะหลับ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาเรื้อรัง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ VitalSleep Clinic เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด

หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนไม่พอ เราขอแนะนำตรวจ Sleep Test

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

แก้นอนกรน ด้วย Myofunctional Therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ แถมตื่นมาปวดหัว ควรตรวจ Sleep Test ที่ไหนดี

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ นอนนานแค่ไหนก็ยังไม่สดชื่น? แถมตื่นมาแล้วยังปวดหัวอีก? ปัญหาแบบนี้พบได้บ่อยและอาจมากกว่าการนอนไม่พอ บางครั้งอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ หรือความผิดปกติอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องรับการตรวจ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหลังตื่นนอน การตื่นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือการนอนกรนรุนแรง ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงระหว่างหลับภาวะขาดน้ำ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมอง อาจทำให้คุณปวดหัวในช่วงเช้าได้สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม หมอนที่ไม่พอดี แสงหรือเสียงรบกวน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ อาจทำให้คุณปวดหัวในตอนเช้าได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีผลต่อวงจรการนอนหลับ อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหรือปวดหัวในตอนตื่นไมเกรน โดยเฉพาะในคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาจมีอาการกำเริบในช่วงเช้า ทำไมการนอนไม่พอถึงทำให้ปวดหัวได้? อาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ "การนอนไม่พอ" ก็เป็นตัวการสำคัญที่หลายคนมองข้ามบทความที่เกี่ยวข้อง : สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่ 1. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สมองจะปรับสมดุลสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่ช่วยลดความไวของระบบประสาทต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อนอนน้อย ระดับสารเหล่านี้จะเสียสมดุล 2. เพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด การอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้อาจไปทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง 3. กล้ามเนื้อตึงและการกดทับของเส้นประสาท ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะ "ตึงเครียด" ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และศีรษะที่ไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลให้เส้นประสาทในบริเวณศีรษะถูกกดทับจนเกิดอาการปวดศีรษะตอนตื่นนอนได้ 4. การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ช่วงเวลานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต แต่หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนเลือดในสมองจะลดลงหรือไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว มึนศีรษะ หรือปวดหัวหลังตื่นนอนได้ 5. เชื่อมโยงกับโรคไมเกรน มีงานวิจัยที่พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจรุนแรงและยาวนานมากขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่ “นอนไม่พอเฉย ๆ” ทั้งที่จริงแล้วกำลังเข้าสู่วงจรของไมเกรนเรื้อรังอ่านข้อมูลเพิ่มเติม อยากรู้ว่านอนพอไหม? ตรวจการนอนหลับด้วย Belun Ring ได้ที่ VitalSleep Clinic https://www.youtube.com/shorts/yF3sZhOaXGg หากคุณมักตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเช็กคุณภาพการนอนของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น การตรวจการนอนหลับจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่า “เรานอนพอจริงไหม?” และ “ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า?” สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย https://www.youtube.com/shorts/VHwrvaJPK08 โปรแกรม mHBOT (Mild Hyperbaric Oxygen Therapy) คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนสู่สมอง ฟื้นฟูระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึก และลดอาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอหลับลึก หลับสนิทขึ้นลดการตื่นกลางดึกฟื้นฟูระบบสมอง ลดอาการปวดหัวที่เรื้อรังจากการนอนเพิ่มพลังระหว่างวัน ตื่นมาสดชื่น สมองโล่งกว่าเดิม ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! ผลเสียจากการนอนไม่พอที่คุณอาจคาดไม่ถึง การนอนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น:สมาธิลดลง ตัดสินใจช้าอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่ายอยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงอ้วนเพิ่มโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ? ผู้ใหญ่ ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมงวัยรุ่น ควรนอน 8–10 ชั่วโมงเด็กเล็ก–ทารก อาจต้องการนอนมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวันนอกจากปริมาณแล้ว “คุณภาพของการนอน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ก็อาจยังรู้สึกง่วงเพลียและปวดหัวในตอนเช้าได้

การหยุดหายใจขณะหลับ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภาวะผิดปกติที่สามารถนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหานอนกรน

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ เกิดจากอะไรกันนะ

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบหรือที่เรียกกันว่า Temporomandibular joint disorder (TMD) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อต่อขากรรไกร ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างขากรรไกรล่างและฐานของกระโหลกศีรษะ ภาวะนี้ทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกร ปวดกราม อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อได้ สาเหตุของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ (TMD) การเกิดข้อต่อขากรรไกรอักเสบนั้นมีหลายสาเหตุร่วมที่ส่งผล ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่อาการมักจะเกิดจากการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ อาการของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ อาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ได้แก่ วิธีรักษาข้อต่อขากรรไกรอักเสบด้วยเครื่องมือ Myosa® หนึ่งในวิธีการรักษาข้อต่อขากรรไกรที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือการใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Myosa® ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการและลดแรงกระแทกจากข้อต่อขากรรไกร รวมถึงช่วยปรับตำแหน่งของขากรรไกรให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของการรักษาด้วย Myosa® การรักษาด้วย Myosa® มีหลายข้อดีหลายข้อ ที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ การทำงานของ Myosa® เครื่องมือ Myosa® จะทำงานโดยการลดแรงกระแทกที่เกิดจากข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เมื่อใส่เครื่องมือนี้เข้าไป จะช่วยป้องกันการนอนกัดฟัน ปวดฟัน รวมถึงลดแรงกระแทกที่ข้อต่อต้องเผชิญในระหว่างการบดเคี้ยว นอกจากนี้ยังช่วยจัดขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดอาการปวดได้ทันทีหลังจากเริ่มใช้ แล้วยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว การใช้งาน Myosa® ในการรักษา เครื่องมือ Myosa® ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระหว่างการนอนหลับเป็นหลัก ในกรณีที่คนไข้มีปัญหากัดฟันหรือขากรรไกรในระหว่างวัน ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในช่วงกลางวันได้เหมือนกัน การใส่เครื่องมือ Myosa® ในระหว่างวันจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบดเคี้ยวและใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อขากรรไกรได้รับการบรรเทาและกลับมาทำงานอย่างสมดุล นอกจากนี้ Myosa® ยังเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ โดยการฝึกการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาปัญหาข้อต่อขากรรไกรและการนอนกัดฟันมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น สรุป ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ หรือ TMD เป็นภาวะที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนอนกัดฟัน ฟันไม่สบกัน หรือการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อขากรรไกร การรักษาด้วยเครื่องมือ Myosa® เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดแรงกระแทกและอาการปวดได้ดี สามารถใช้ได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนเพื่อลดอาการและป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดขากรรไกร เสียงคลิกขณะอ้าปาก มีปัญหาอาการนอนกัดฟัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

เสี่ยงตาย! รู้ไหม นอนกรนเกิดจาก ร่างกายหายใจไม่ออก

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)