Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
เครื่องช่วยหายใจนอนกรน เเก้ไขอาการกรน
คืออะไร?

เครื่องช่วยหายใจนอนกรน เเก้ไขอาการกรน

คืออะไร?
Table of Contents

มีใครเคยประสบปัญหาเสียงกรนดังรบกวนจากคนรอบข้างเวลานอนหลับกันบ้างไหม? อาการนอนกรนไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ แต่ยังสามารถส่งผลกระทบที่อันตรายถึงชีวิตจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย ยังทำให้คุณภาพการนอนลดลง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อคนที่นอนกรน แต่ยังส่งผลให้คู่กรนตื่นตัวในตอนกลางคืน ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางวัน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน และมีผลต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของทั้งสองฝ่าย

หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินถึงวิธีการรักษาอาการนอนกรนที่มีหลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรน วิธีที่ช่วยรักษาอาการนอนกรนรวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอกจากนี้ เรายังจะเปรียบเทียบวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดลดนอนกรนและการรักษาด้วยเลเซอร์ รวมถึงวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด

นอนกรนรักษาได้ง่าย ๆ เริ่มที่ทำความเข้าใจ

เริ่มแรกเลย ก่อนจะเข้าใจวิธีการรักษา อยากให้ทุกคนมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “เสียงกรน” เกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุที่ทำให้เรานอนกรนคืออะไร อาการนอนกรนเกิดจากการที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลงในขณะนอนหลับ

สาเหตุที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจเกิดการตีบแคบลง มาจากการที่กล้ามเนื้อภายในช่องปาก เช่น เพดานอ่อนและลิ้น หย่อนคล้อยหรือคลายตัวลงจนทำให้ปิดกั้นทางเดินหายใจ

เมื่อทางเดินหายใจแคบลง เวลาหายใจเข้าเพื่อให้อากาศเข้าสู่ร่างกาย ลมจะเดินทางผ่านช่องทางที่ตีบแคบ ซึ่งทำให้เกิดเสียงกรนจากการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อในช่องปาก ในบางรายอาจเกิดการถูกปิดกั้นทางเดินหายใจทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ทำความรู้จัก เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน

จากเนื้อหาข้างต้น เราได้กล่าวถึงสาเหตุของการนอนกรน โดยสรุปได้ว่า สาเหตุเกิดจากการที่ทางเดินหายใจตีบแคบจากการถูกอุดกั้นจากกล้ามเนื้อภายในช่องปาก เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน หรือที่เรารู้จักกันดีว่า CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) และ iNAP จะช่วยรักษาอาการนอนกรนได้อย่างไร? มาดูกันเถอะ

1. เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)

CPAP เป็นวิธีรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีผลลัพธ์ดีมาก ในการแก้ไขอาการนอนกรน ตัวเครื่อง CPAP จะเชื่อมต่อกับหน้ากากผ่านท่ออากาศ ซึ่งมีหน้าที่ส่งแรงดันอากาศ โดยตัวเครื่องจะผลิตแรงดันอากาศแรงดันบวกออกมา ส่งอากาศผ่านเข้าสู่ท่ออากาศที่ครอบอยู่เหนือบริเวณปากและจมูกของผู้ใช้

แรงดันลมที่ออกมาจากตัวเครื่องจะช่วยขยายทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ทำให้ลมหายใจสามารถเดินทางไปถึงปอดได้อย่างสะดวก ช่วยแก้ไขอาการนอนกรนและป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

2. เครื่องอัดอากาศแรงดันลบ (iNAP)

iNAP เป็นอุปกรณ์อีกประเภทหนึ่งที่ช่วยแก้ไขอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจในขณะหลับ โดยมีหน้าที่สร้างแรงดันลม เพื่อช่วยให้บริเวณเพดานอ่อนและโคนลิ้นเคลื่อนตัวไปด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจขยายกว้างมากขึ้น

รูปแบบการทำงานของเครื่องมีความคล้ายกับ CPAP แต่จะมีความแตกต่างในส่วนของหน้ากากที่ใช้ส่งผ่านอากาศ รวมถึงขนาดตัวอุปกรณ์ที่เล็กกะทัดรัดมากกว่า จึงเหมาะสำหรับการพกพาและมีเสียงเงียบ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนในขณะเปิดใช้งาน

เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรน เหมาะสำหรับใคร?

เครื่องช่วยหายใจรักษานอนกรนเหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่า มีปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือมีอาการกรนในระดับปานกลางถึงรุนแรงซึ่งอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต ผู้ที่มีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับเพียงเล็กน้อยแต่มีอาการนอนกรนเสียงดัง ตื่นมาหอบหรือสำลักในขณะหลับ ตื่นขึ้นจากการนอนหลับแล้วเกิดอาการอ่อนเพลีย

ต้องเลือกแบบไหนถึงเหมาะสมกับตัวเอง?

เครื่องช่วยหายใจมีความแตกต่างกันตามแต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อ เช่น

  • ขนาดและรูปร่าง ในบางรุ่นมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการพกพา ในขณะที่บางรุ่นมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่และหนักกว่า
  • เสียงรบกวน ในบางรุ่นตัวเครื่องจะมีเสียงรบกวนที่เงียบและเบากว่ารุ่นอื่น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการนอนหลับยากหรือไวต่อเสียงรบกวน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน เครื่องช่วยหายใจในแต่ละรุ่นมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น การลดหรือเพิ่มแรงดันลมขณะหายใจเข้าและออก การทำความชื้น และการบันทึกข้อมูล ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้แตกต่างกัน
  • มีระบบติดตามผลการใช้งานเครื่องผ่านระบบออนไลน์ (Cloud) เพื่อง่ายการต่อการปรับตั้งค่าแรงดัน

การเลือกเครื่องช่วยหายใจให้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกในการใช้งาน สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือคลินิกนอนกรนที่มีแพทย์เฉพาะทางให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้เครื่องช่วยหายใจสามารถรักษาปัญหาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เปรียบเทียบกับวิธีการรักษานอนกรนวิธีต่างๆ

ในส่วนสุดท้ายของบทความ เราจะเสนอวิธีการรักษาการนอนกรนในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจในการเลือกรับวิธีการรักษา ที่ Vital Sleep Clinic เป็นคลินิกนอนกรนที่รักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการนอนหลับ รวมไปถึงการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่มีรูปแบบการรักษาที่ครบวงจร

นอนกรนรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

การรักษาปัญหาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยหลักๆ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการรักษาโดยการผ่าตัด

1. การรักษานอนกรนแบบไม่ผ่าตัด (ต่อ)

  • รักษาด้วยเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)

เครื่องครอบฟันเป็นอุปกรณ์ทันตกรรมที่ใช้สวมใส่ในช่องปากขณะหลับ มีหน้าที่ในการปรับตำแหน่งของลิ้นและขากรรไกรให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เพื่อป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการกรนเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการใช้เครื่อง CPAP

  • การบำบัดด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน เช่น การลดน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน การนอนตะแคงแทนการนอนหงาย และการตั้งเวลาเข้านอนให้เป็นระเบียบสามารถช่วยลดอาการกรนได้ในหลายๆ กรณี

  • การทำกายภาพบำบัด

ในบางกรณี การทำกายภาพบำบัดที่เน้นการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อในช่องปากและลำคอ หรือเรียกว่า Myofunctional Therapy สามารถช่วยปรับปรุงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านั้นได้ ซึ่งส่งผลให้ลดอาการกรนตั้งแต่ต้นสาเหตุได้

2. การรักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด

  • การผ่าตัดลดขนาดเพดานอ่อน (Uvulopalatopharyngoplasty หรือ UPPP)

การผ่าตัดชนิดนี้จะทำการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินในช่องปาก เช่น เพดานอ่อน ลิ้น ส่วนที่อุดกั้นทางเดินหายใจเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนกรนในระดับรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ

  • การผ่าตัดเลเซอร์

การใช้เลเซอร์ในการรักษาเป็นวิธีที่มีความก้าวหน้าและใช้เวลาในการฟื้นตัวน้อยกว่า โดยเลเซอร์จะช่วยตัดหรือขัดเนื้อเยื่อส่วนเกินในช่องปากเพื่อลดการกรน

  • การผ่าตัดเปิดทางเดินหายใจ (Genioglossus Advancement)

วิธีนี้จะทำการผ่าตัดเพื่อเคลื่อนตำแหน่งของกล้ามเนื้อในลิ้นหรือโคนลิ้นไปด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น ลดความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ

  • การผ่าตัดนอนกรนแบบ MMA (Maxillomandibular Advancement)

เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้แก้ไขภาวะนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ในกรณีที่รุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น ๆ โดยการเลื่อนขากรรไกรบนและล่างไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจ ทำให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น ลดการอุดตันที่ทำให้เกิดการนอนกรนได้

สรุป

เสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่หลายคนไม่ควรมองข้าม การหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพในระยะยาว เครื่องช่วยหายใจนอนกรนอย่าง CPAP และ iNAP เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการนอนกรนที่มีสาเหตุจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้ ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการผ่าตัด ซึ่งผู้ที่มีปัญหานอนกรนควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ก่อนที่จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดกับตนเอง

Vital Sleep Clinic ยินดีให้คำปรึกษาและรักษาอย่างครบวงจรเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และกลับไปนอนหลับได้อย่างสงบสุขและปลอดภัยจากอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องช่วยหายใจและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ดังนั้นหากคุณหรือคนใกล้ชิดมีปัญหาเหล่านี้ อย่ามัวรอช้า รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกัน

Related Blogs and Articles
หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนไม่พอ เราขอแนะนำตรวจ Sleep Test

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เครื่อง BiPAP คืออะไร BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตรวจการนอนหลับ Sleep Test ราคาประหยัด ตรวจได้แม้งบน้อย

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน

นอนกรนเกิดจากอะไร เช็คด่วน ใครเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับบ้าง

นอนกรนเกิดจากอะไร? เกิดจากการหายใจผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบลงขณะนอนหลับ จากการอุดกั้นของกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในช่องปาก ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณคอ เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ และทอนซิล สั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงกรนในขณะที่นอนหลับอยู่ ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจแคบลง ได้แก่ ระดับความรุนแรงของการนอนกรน อาการนอนกรนสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงของอาการและผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก: ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ? ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากในกลุ่มต่อไปนี้ อันตรายจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic กุญแจสู่การนอนหลับที่ดีขึ้น ข้อดีของการตรวจการนอนหลับกับ VitalSleep Clinic อ่านเพิ่มเติม: วิธีการรักษาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ จาก VitalSleep Clinic ได้แก่ สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) เป็นภาวะที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ที่ VitalSleep Clinic เรามีแนวทางการรักษาที่ทันสมัยและหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ลดอาการนอนกรน เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ และลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ โรคร้ายที่อาจพรากชีวิตโดยไม่รู้ตัว

นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยไม่รู้ตัว หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการ นอนกรนร่วมกับหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) มันไม่ใช่แค่เรื่องของเสียงรบกวนระหว่างหลับเท่านั้น แต่เป็นโรคร้ายที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตอย่างเงียบ ๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัวhttps://www.youtube.com/watch?v=O6cvnSTn7lA ภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร? นอนกรนเกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอ อากาศที่ผ่านช่องทางเดินหายใจที่ตีบแคบในระหว่างหลับ อาจเกิดจากเพดานอ่อน โคนลิ้น หรือกล้ามเนื้อคอที่หย่อนคล้อยมาขวางลม การหายใจอาจหยุดลงชั่วขณะ และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตลอดคืน เรียกว่า "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น" ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง สมองและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัวบทความที่เกี่ยวข้อง นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ ทำไมถึงอันตราย? การหยุดหายใจซ้ำ ๆ ตลอดทั้งคืน ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นระยะ ส่งผลเสียร้ายแรงหลายด้าน เช่น- ทำให้นอนหลับไม่เต็มที่ ตื่นกลางดึก และรู้สึกไม่สดชื่นแม้จะนอนนาน- เพิ่มความเสี่ยงของ โรคร้ายแทรกซ้อน เช่นหัวใจล้มเหลว (เสี่ยงมากขึ้นถึง 140%)หลอดเลือดสมองตีบ (เสี่ยงเพิ่ม 30%)โรคหลอดเลือดหัวใจ (เพิ่มความเสี่ยง 60%)เบาหวานชนิดที่ 2 (เพิ่มความเสี่ยง 6 เท่า)ภาวะซึมเศร้า (พบในผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ2%)สมองเสื่อม (ความจำเสื่อมเร็วจากขาดออกซิเจนในสมอง)ขอบคุณข้อมูลจาก https://shorturl.asia/24zEk, https://shorturl.asia/7vtOc, https://shorturl.asia/6ICHZ, https://shorturl.asia/JGftQ, https://shorturl.asia/6T2yV, https://shorturl.asia/JGftQ ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ? ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดได้กับทุกคน แต่มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้บางคนมีแนวโน้มมากกว่าคนอื่น เช่นน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนไขมันรอบคออาจกดทับทางเดินหายใจ ขัดขวางการหายใจขณะหลับ (น้ำหนักขึ้นเพียง 10% เพิ่มความเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับถึง 32%)อายุที่มากขึ้นอายุมากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อในลำคอและใบหน้าหย่อนตัว เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจเพศชายมีแนวโน้มหยุดหายใจขณะหลับ มากกว่าเพศหญิงถึง 5-6 เท่า เนื่องจากโครงสร้างทางกายภาพและฮอร์โมนที่แตกต่างกันโครงสร้างใบหน้าผิดปกติคนที่มีคางเล็ก คางถอย หรือคางสั้น มีพื้นที่ช่องคอน้อยลง เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจได้มากขึ้นโรคประจำตัวคนที่เป็นเบาหวาน ความดัน หลอดเลือดหัวใจ หรือสมองเสื่อม มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเผชิญภาวะหยุดหายใจขณะหลับ? อาการที่พบบ่อยและควรสังเกต ได้แก่นอนกรนเสียงดังเป็นประจำหายใจติดขัดหรือหยุดหายใจขณะหลับ (สังเกตได้จากคนข้าง ๆ)ตื่นกลางดึกบ่อย มีอาการหายใจแรงหรือสะดุ้งง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวันปวดหัวตอนเช้า ไม่สดชื่นแม้นอนนานหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน หรือมีปัญหาความจำ รับคำปรึกษา ฟรี! อย่ารอให้อันตรายมาเยือนโดยไม่รู้ตัว การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรงในอนาคต โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาการเข้ารับ การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีที่แม่นยำและปลอดภัยในการวินิจฉัยโรคนี้ และถ้าพบว่ามีปัญหา ก็สามารถเริ่มรักษาได้อย่างตรงจุดตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่อง CPAP, Oral Appliance, การฝึกหายใจหรือปรับพฤติกรรมการนอน และการบำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย สรุป "นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ" ไม่ใช่แค่ปัญหาเสียงน่ารำคาญตอนกลางคืน แต่คือภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพโดยรวมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ สมอง หรือคุณภาพชีวิต การใส่ใจและรับการวินิจฉัยตั้งแต่ต้น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยรักษาชีวิตและอนาคตของคุณไว้

แก้นอนกัดฟันด้วยยางกัดฟัน

นอนกัดฟันคืออะไร? การนอนกัดฟัน หรือ Sleep Bruxism เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมนอนกัดฟัน เพราะมักเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับและตอนที่ไม่รู้ตัว อาจเป็นเพียงพฤติกรรมที่ไม่ได้ส่งผลเสียใหญ่โตมากนัก แต่อสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ฟันสึกกร่อน ปวดข้อขากรรไกร และอาจมีผลเสียต่อเนื้อเยื่อกระดูกและเหงือกหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม สาเหตุของการนอนกัดฟัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่านอนกัดฟันเกิดจากอะไร แต่ก็สามารถคาดเดาเอาได้จากหลายปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องที่พบได้บ่อย คือความเครียดและความวิตกกังวล เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังเจออยู่ในชีวิตประจำวัน เวลาที่เราเครียดหรือวิตกกังวล อาจกัดฟันหรือกดดันฟันในช่วงเวลาเราที่ไม่รู้ตัวในระหว่างการนอนหลับ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัญหาฟันซ้อนเก ความผิดปกติทางโครงสร้างฟัน ก็อาจทำให้เกิดพฤติกรรมนี้ได้ ขอบคุณข้อมูลจาก การรักษานอนกัดฟันที่ VitalSleep Clinic ปัจจุบันมีวิธีการรักษานอนกัดฟันหลายวิธี คนไข้สามารถปรึกษาทันตแพทย์ แพทย์เฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง การรักษาสามารถทำได้ตั้งแต่การใช้เครื่องมือทันตกรรม เช่น การใช้ยางกัดฟันหรือเฝือกฟัน (Splint) สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเองกำลังมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยกับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยวินิจฉัยและให้แนวทางการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น วิธีการเก็บรักษายางกัดฟัน ยางกัดฟันเหมาะกับใครบ้าง? การใช้ยางกัดฟันเหมาะกับผู้ที่มีพฤติกรรมนอนกัดฟันที่เรื้อรัง คนที่มีอาการเจ็บปวดฟันหรือขากรรไกรเมื่อตอนตื่นนอน โดยเฉพาะคนที่มีเสียงกัดฟันดังหรือรบกวนคนที่นอนข้าง ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีอาการรุนแรง เช่น ฟันสึกมากเกินไป ปวดขากรรไกรอย่างต่อเนื่อง หรือสงสัยว่ามีภาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะนำการรักษาเพิ่มเติม ที่ VitalSleep Clinic เรามีการรักษานอนกัดฟันด้วย “ยางกัดฟันเฉพาะบุคคล” ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับรูปฟันของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ต่างจากยางกัดฟันทั่วไปที่อาจไม่พอดีกับช่องปาก ยางกัดฟันของเราผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นและทนทาน สามารถช่วยลดแรงกดบนฟัน ลดอาการปวดกราม และป้องกันไม่ให้ฟันสึกจากการกัดฟันระหว่างนอนหลับ ข้อดีของยางกัดฟันที่ VitalSleep Clinic อ่านเพิ่มเติม: สรุป การนอนกัดฟันเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปแต่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ยางกัดฟัน (Splint) อุปกรณ์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันถูกทำลายจากการกัดฟันขณะหลับ ช่วยลดความเจ็บปวดและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับฟันและขากรรไกร การใช้ยางกัดฟันเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการนอนกัดฟันที่รุนแรง ควรเข้ามาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ทำไมการตรวจการนอนหลับ ถึงสำคัญต่อสุขภาพของเรา

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมในบางคืนเราถึงนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อย หรือบางคนอาจตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกนอนไม่พอ

นอนกัดฟันรักษาได้ รวมวิธีแก้ “นอนกัดฟัน ปวดฟัน” อาการกัดฟันไม่รู้ตัว

ในบางครั้งคนที่นอนกัดฟันเองก็อาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดอาการปวดฟัน ปวดกราม หรือมีคนรอบข้างสังเกตเห็นเสียงกัดฟันในเวลานอนตอนกลางคืน นอนกัดฟันรักษาได้!

นอนกรนภัยเงียบที่ควรระวัง

นอนกรน ใครจะคิดว่า “เสียงกรน” ที่ดูเหมือนเรื่องธรรมดา อาจกลายเป็นภัยเงียบที่พรากชีวิตคนที่คุณรักไปอย่างไม่รู้ตัว “ใหลตาย” (Sudden Unexpected Nocturnal Death Syndrome หรือ SUNDS) คือหนึ่งในภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในอาการนอนกรน โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (OSA) เข้าใจ “ใหลตาย” ภัยเงียบที่พรากชีวิตในยามหลับ “ใหลตาย” คือภาวะเสียชีวิตอย่างกะทันหันในขณะนอนหลับ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดภายหลังชันสูตร มักเกิดในคนที่ดูเหมือนสุขภาพแข็งแรงดี ในกลุ่มชายวัยหนุ่มสาวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์สาเหตุของอาการใหลตายยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่มีจุดร่วมสำคัญคือ “การนอนกรน” งานวิจัยที่มีความเชื่อมโยง “ใหลตาย” งานวิจัยในประเทศไทยโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าในกลุ่มผู้ป่วยใหลตายที่รอดชีวิต มีสัดส่วนมากถึง 80% ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับขอบคุณข้อมูลจากในประเทศฟิลิปปินส์ มีรายงานว่าชายหนุ่มวัยทำงานเสียชีวิตจากอาการใหลตาย จำนวนมากมีประวัติ “นอนกรนเสียงดัง” และ “หายใจติดขัดกลางดึก”ขอบคุณข้อมูลจากการศึกษาจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ก็พบว่า OSA เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจอย่างเฉียบพลัน รวมถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงในขณะหลับขอบคุณข้อมูลจาก สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กรนเสียงดังหยุดหายใจเงียบ ๆ ชั่วครู่ แล้วเฮือกสะดุ้งตื่นกลางดึก หายใจไม่ทันตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่นง่วงตอนกลางวัน สมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวนปวดหัวตอนเช้า ความดันสูง เบาหวานหรือโรคหัวใจ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี! https://www.youtube.com/shorts/VQlGzDh6-_Q ทำไมภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ถึงเสี่ยงต่อ “ใหลตาย”? ออกซิเจนต่ำซ้ำซากการหยุดหายใจหลายครั้งต่อคืน ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลต่อหัวใจและสมองอย่างรุนแรงหัวใจเต้นผิดจังหวะภาวะ OSA เพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบventricular fibrillation ที่อาจนำไปสู่หัวใจหยุดเต้นในขณะหลับกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติภาวะออกซิเจนต่ำกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติก ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจผันผวนอย่างรุนแรงสมองขาดออกซิเจนการขาดออกซิเจนในสมองซ้ำซาก อาจทำให้เกิดการชักหรือสูญเสียการควบคุมระบบสำคัญในร่างกาย แนวทางการรักษาอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพื่อป้องกัน “ใหลตาย” การรักษาที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงใหลตายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยแนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก1. การรักษาแบบไม่ใช้เครื่องมือปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก งดแอลกอฮอล์ งดยานอนหลับ นอนตะแคงฝึกการหายใจ และกล้ามเนื้อในช่องปาก (Myofunctional Therapy) ช่วยกระชับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ2. การรักษาด้วยอุปกรณ์CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก ที่ถือเป็นมาตรฐานทองในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับOral Appliance (เครื่องมือทันตกรรม) ช่วยดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้า เปิดทางเดินหายใจ เหมาะกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง3. การรักษาแบบผ่าตัดและหัตถการผ่าตัดช่องทางเดินหายใจ เช่น ตัดต่อมทอนซิล ผ่าตัดเพดานอ่อนผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)รักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency)เลเซอร์ หรือร้อยไหมยกเพดานอ่อน สำหรับกรณีมีอาการนอนกรนที่ไม่ซับซ้อนอย่าปล่อยให้ “กรน” กลายเป็นคำบอกลาสุดท้ายเสียงกรนอาจไม่ใช่แค่เรื่องกวนใจของคนข้างเตียง แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น น้ำหนักเกิน มีคอหนา เป็นเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงการตรวจ Sleep Test คือกุญแจสำคัญ ในการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และวางแผนรักษาได้อย่างแม่นยำบทความที่เกี่ยวข้อง สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)