Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
Sex เสื่อมเพราะนอนกรน
เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

Sex เสื่อมเพราะนอนกรน

เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
Table of Contents

Sex เสื่อมเพราะนอนกรน หลายคนอาจเคยเจอกับปัญหาคู่รักนอนกรน มักจะถูกมองข้าม เพราะหลายคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่น่ามีผลกระทบที่สำคัญต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการนอนกรนสามารถเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และสามารถส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศได้ การหาวิธีรักษาการนอนกรนจึงไม่ใช่แค่เพื่อคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยรักษาความสัมพันธ์และสุขภาพทางเพศของคู่รักได้อีกด้วย

การนอนกรนในผู้ชายและผู้หญิง

หลายคนอาจเข้าใจว่าผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีอาการนอนกรนที่มากกว่าผู้หญิง แต่งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เหมือนผู้ชายเช่นเดียวกัน

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sleep Medicine ในปี 2008 ที่ศึกษาการนอนกรนในประชากรวัยทำงานของประเทศสวีเดน พบว่า 24.5% ของผู้หญิงมีอาการนอนกรน มีอัตราที่ใกล้เคียงกับผู้ชาย ที่มีอัตราการนอนกรนอยู่ที่ 30.3% อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้การนอนกรนแตกต่างกันไป อาจเกี่ยวข้องกับลักษณะทางร่างกาย ฮอร์โมน และการใช้ชีวิต

อ่านเพิ่มเติม

นอนกรน มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศหรือไม่

การนอนกรนมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศหรือไม่?

มีงานวิจัยที่ว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางเพศ โดยเฉพาะภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ในผู้ชาย การหยุดหายใจขณะหลับอาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง การผลิตไนตริกออกไซด์ลดลง การไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณอวัยวะเพศบกพร่อง ผลมาจากการขาดออกซิเจนระหว่างการนอนหลับ นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าและง่วงนอนในระหว่างวัน ซึ่งทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงไม่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบถึงเพศหญิงได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก

สาเหตุของการนอนกรน

การนอนกรนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้วิธีการรักษาอาการนอนกรนในผู้ชายและผู้หญิงอาจแตกต่างกันไปหลายปัจจัย ได้แก่

  • โครงสร้างทางกายภาพ
    เช่น ทางเดินหายใจแคบ ต่อมทอนซิลขยายใหญ่ มีลิ้นไก่ยาว ทั้งหมดนี้สามารถเพิ่มโอกาสการนอนกรนได้
  • น้ำหนักตัวเกิน
    โดยเฉพาะบริเวณลำคอที่กดทับทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการนอนกรนได้มากขึ้น
  • ท่านอนหงาย
    ท่านี้ทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่ออ่อนยุบตัวไปด้านหลัง อาจเกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจได้
  • การดื่มแอลกอฮอล์หรือยาระงับประสาท
    การใช้สิ่งเหล่านี้ในช่วงก่อนนอนอาจทำให้เกิดการนอนกรนได้
  • อาการคัดจมูกจากโรคภูมิแพ้หรือหวัด
    การอุดกั้นทางเดินหายใจจากสาเหตุเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการกรนได้
  • อายุที่มากขึ้น
    กล้ามเนื้อในลำคอจะอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่ออาการนอนกรนมากขึ้น
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    เป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องขณะนอนหลับ
แก้ปัญหานอนกรนด้วยตัวเอง

วิธีแก้ปัญหานอนกรนด้วยตนเอง

แม้ว่าจะไม่มีวิธีที่สามารถรักษาอาการนอนกรนได้ด้วยตัวเองแบบรับประกัน 100% ว่าจะหายนอนกรนได้ แต่ก็มีวิธีการปรับเปลี่ยนวิธีการชีวิตที่สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการนอนกรนได้

  • ปรับเปลี่ยนท่านอน ลองเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงแทนการนอนหงาย
  • ลดน้ำหนักตัว เพื่อให้ทางเดินหายใจส่วนต้นกว้างขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือยาระงับประสาทก่อนนอน
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้นอยู่ตลอด
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ที่ทำให้เนื้อเยื่อในลำคอระคายเคือง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อในลำคอ

วิธีการรักษานอนกรนที่ VitalSleep Clinic

มีวิธีการรักษาทั้งแบบไม่ต้องผ่าตัดและการผ่าตัด โดยวิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่ การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) การใช้เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) การใช้คลื่นความถี่ความถี่สูง (Radiofrequency) และการใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก (CPAP)

สำหรับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่รุนแรงมาก การผ่าตัดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อขยายทางเดินหายใจ การผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular advancement, MMA) เคลื่อนขากรรไกรไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจ

สิ่งสำคัญคือต้องรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละคน เพราะการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณในระยะยาว การได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณและคนที่คุณรักสามารถนอนหลับได้ดี

สรุป

การนอนกรนไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กน้อยที่รบกวนการนอนหลับของคุณหรือคู่รักเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย สมรรถภาพทางเพศ และสุขภาพจิตได้ด้วย อาการนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่าที่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Related Blogs and Articles
CPAP แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง

อาการนอนกรน ถือเป็นปัญหาสุขภาพของใครหลาย ๆ คน ในเฉพาะคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ไม่เพียงแต่ทำให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม แต่ยังเป็นสาเหตุของความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง หนึ่งในวิธีการรักษาที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำ คือ การใช้เครื่องช่วยหายใจที่เรียกว่า CPAP ซึ่งย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เครื่อง CPAP เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดรักษาคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ด้วยการส่งแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่องผ่านทางหน้ากาก เพื่อเปิดทางเดินหายใจของคุณให้กว้างขึ้น ช่วยลดอาการนอนกรนและป้องกันการหยุดหายใจซ้ำ ๆ ในขณะหลับ ทำให้การนอนหลับทุกคืนของคุณกลับมาเป็นปกติ เครื่อง CPAP ทำงานอย่างไร? เครื่อง CPAP ทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศไปยังทางเดินหายใจผ่านหน้ากากที่สวมใส่ขณะนอนหลับ ช่วยป้องกันการปิดตัวของทางเดินหายใจในขณะที่กำลังหายใจเข้า โดยทั่วไปเครื่อง CPAP จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ใครบ้างที่ควรใช้เครื่อง CPAP? เครื่อง CPAP มักจะถูกแนะนำหรือมาใช้รักษาให้กับคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่รุนแรงหรือเพียงเล็กน้อยก็ตาม การใช้ CPAP ช่วยทำให้คนไข้กลับมามีการนอนหลับที่ต่อเนื่องขึ้น ลดเสียงกรน และป้องกันภาวะการหยุดหายใจซ้ำ ๆ โดยรวมแล้ว การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจแก้กรนเป็นทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการหายใจระหว่างการนอนหลับ และสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณข้อมูลจาก เครื่อง CPAP มีกี่ประเภท? แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ก็ยังมีเครื่องประเภทอื่น ๆ ที่ทำงานคล้ายกันและมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนี้ ความแตกต่างของเครื่อง CPAP แต่ละยี่ห้อ ข้อดีและข้อเสียของเครื่อง CPAP การเลือกใช้เครื่อง CPAP มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ป่วยควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้ ข้อดี ข้อเสีย การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP ที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราให้บริการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ด้วย เครื่อง CPAP เป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้นขณะนอนหลับ ทำงานโดยการส่งแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ป้องกันการอุดกั้น ลดการหยุดหายใจและเสียงกรน ทำให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอตลอดคืน ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดสมอง ทำไมต้องเลือก CPAP กับ VitalSleep Clinic? หากคุณมีอาการ นอนกรน ง่วงนอนตอนกลางวัน หรือหายใจติดขัดขณะหลับ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาเรื้อรัง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ VitalSleep Clinic เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ 7 วิธีแก้นอนกรน อันตรายแค่ไหนก็รักษาได้

การนอนกรนไม่ใช่แค่ปัญหากวนใจของคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ถึงภาวะอันตรายที่ซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันสูง และการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้https://youtu.be/IiQ1cbbtrOs?si=a2rxjjKPPIQWLdtu ล่าสุดในวิดีโอสัมภาษณ์โดยคุณซีมง ที่ได้เชิญคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจาก VitalSleep Clinic มาให้ความรู้แบบเข้าใจง่าย มาอธิบายถึง 7 วิธีรักษาอาการนอนกรน ที่ได้ผลจริงปลอดภัย วิธีการรักษาทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด สรุปมาไว้ที่นี่แล้ว ก่อนรักษา ต้องเริ่มจากการ “ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)” คุณหมอย้ำว่าก่อนจะรักษาอาการนอนกรน ต้องเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นการนอนกรนแบบธรรมดาหรือมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วยเมื่อได้ผลตรวจการนอนหลับแล้ว แพทย์เฉพาะทางจะอ่านผล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมอ่านข้อมูลเพิ่มเติม สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย 7 วิธีรักษานอนกรน จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 1. CPAP (Continuous Positive Airway Pressure)เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก เป็นมาตรฐานในการรักษาอาการนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)หลักการทำงาน CPAP จะพ่นลมอย่างต่อเนื่องผ่านหน้ากากครอบจมูกหรือทั้งจมูกและปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจไม่ให้ฟีบในขณะที่กำลังหลับ ช่วยลดการสั่นของเพดานปากและการอุดกั้นที่ทำให้เกิดเสียงกรนหรือหยุดหายใจข้อดีรักษานอนกรนตั้งแต่ระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ผลดีลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง หลอดเลือดสมองเหมาะกับใครคนที่มีอาการกรนระดับเบาถึงปานกลาง หรือคนที่มี OSAอ่านเพิ่มเติม2. Oral Appliance (โปรแกรมทันตกรรมรักษานอนกรน)เครื่องมือทันตกรรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ใส่ในปากขณะนอนหลับหลักการทำงาน ดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้า ช่วยเปิดพื้นที่ด้านหลังลิ้น ลดการอุดกั้นทางเดินหายใจข้อดีพกพาสะดวก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าใช้งานง่าย น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ใช้ CPAP แล้วไม่ประสบความสำเร็จเหมาะกับใครคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง หรือมีโรคร่วมที่ต้องการควบคุมอาการให้แน่นอน3. Myofunctional Therapy (กายภาพกล้ามเนื้อช่องปากและใบหน้า)การบำบัดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจและการกลืนหลักการทำงาน ฝึกกล้ามเนื้อลิ้น ริมฝีปาก เพดานอ่อน และใบหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการควบคุมให้กับกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงข้อดีเป็นการรักษาแบบไม่ใช้เครื่อง ไม่ผ่าตัดเสริมประสิทธิภาพการใช้ Oral Appliance หรือหลังผ่าตัดป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้นในอนาคตเหมาะกับใครเด็กที่มีปัญหาหายใจทางปาก มีโครงสร้างใบหน้าผิดปกติ และผู้ใหญ่ที่เริ่มมีภาวะกรนหรือมีภาวะหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อจากอายุ4. Radio Frequency (RF) คลื่นความถี่วิทยุเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความร้อนควบคุมระดับในการกระตุ้นเนื้อเยื่อให้หดตัวหลักการทำงาน กระตุ้นให้เพดานอ่อนและโคนลิ้นหดตัว เพิ่มความกระชับของเนื้อเยื่อ ลดการสั่นของเนื้อเยื่อขณะนอนหลับข้อดีใช้เวลาทำไม่นาน ฟื้นตัวเร็วรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดใช้ร่วมกับ Oral Appliance หรือ CPAP เพื่อเสริมประสิทธิภาพเหมาะกับใครคนที่มีปัญหาเพดานอ่อนหย่อน พลิ้ว สั่นง่าย และมีนอนกรนไม่รุนแรง5. การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นโพรงจมูกคด (Septoplasty)จัดแนวผนังกั้นจมูกให้ตรง เปิดทางเดินหายใจหลักการทำงาน ผ่าตัดปรับโครงสร้างจมูกที่คดหรือมีเนื้องอกกีดขวาง เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้นข้อดีเพิ่มประสิทธิภาพของ CPAP และการหายใจทางจมูกแก้ปัญหาการนอนอ้าปากจากการหายใจทางปากเหมาะกับใครคนที่มีโพรงจมูกตีบ จมูกคด หรือมีปัญหาหายใจทางจมูกลำบากเรื้อรัง6. การผ่าตัดเพดานอ่อนผ่าตัดเปิดทางเดินหายใจบริเวณเพดานอ่อนหลักการทำงาน ตัดหรือเย็บยกเพดานอ่อนให้กระชับขึ้น และเปิดช่องทางให้ลมหายใจผ่านสะดวกข้อดีช่วยลดเสียงกรนเหมาะกับคนที่มีโครงสร้างเพดานอ่อนหย่อนอย่างชัดเจนเหมาะกับใครคนที่แพทย์ตรวจพบว่าเกิดการอุดกั้นจากเพดานอ่อนเป็นหลัก7. การผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement หรือ MMA)ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบน ล่าง และคางไปด้านหน้าหลักการทำงาน ขยายพื้นที่ทางเดินหายใจส่วนบน เพิ่มความตึงของกล้ามเนื้อโดยรอบ ช่วยป้องกันการยุบตัวของทางเดินหายใจขณะหลับข้อดีเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะคนที่มีโครงสร้างใบหน้าผิดปกติให้ผลลัพธ์ของการรักษาที่ยั่งยืนเหมาะกับใครคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อวิธีรักษาอื่น ๆ รวมถึงคนที่มีโครงสร้างใบหน้าร่นเล็กผิดปกติ สรุป ปัญหานอนกรนไม่ใช่แค่เสียงรบกวน แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่อาจซ่อนโรคอันตรายไว้เบื้องหลัง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อารมณ์แปรปรวน ไปจนถึงสมรรถภาพทางเพศถดถอย7 วิธีรักษานอนกรน ที่ VitalSleep Clinic แนะนำ เป็นการดูแลแบบองค์รวม โดยแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการนอนหลับ ที่จะประเมินจากโครงสร้างทางเดินหายใจ พฤติกรรมการนอน ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงผลตรวจการนอนหลับ Sleep Test เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง!

การหยุดหายใจขณะหลับ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภาวะผิดปกติที่สามารถนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหานอนกรน

แก้นอนกรน ด้วย Myofunctional Therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

นอนกรนเรื้อรัง_นอนกรนเรื้อรัง รักษายังไงก็ไม่หาย ต้องลองวิธีนี้!

นอนกรนรักษามาตั้งหลายวิธีก็ไม่เห็นผล สุดท้ายก็ยังนอนกรนเสียงดังอยู่ดี ต้องรักษาด้วยวิธีไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มาหาคำตอบวิธีการรักษา

นอนกัดฟันรักษาได้ รวมวิธีแก้ “นอนกัดฟัน ปวดฟัน” อาการกัดฟันไม่รู้ตัว

ในบางครั้งคนที่นอนกัดฟันเองก็อาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดอาการปวดฟัน ปวดกราม หรือมีคนรอบข้างสังเกตเห็นเสียงกัดฟันในเวลานอนตอนกลางคืน นอนกัดฟันรักษาได้!

เครื่อง BiPAP คืออะไร BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)