เด็กนอนกรน เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยคือ ต่อมอะดีนอยด์โต (Adenoid Hypertrophy) ซึ่งทำให้ทางเดินหายใจแคบ เด็กหายใจลำบากและพักผ่อนไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และคุณภาพการนอนลดลง
ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงการเจริญเติบโต สมาธิ พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก หากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม
ต่อมอะดีนอยด์คืออะไร และทำหน้าที่อย่างไร?
ต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid) คือเนื้อเยื่อภูมิคุ้มกันที่อยู่บริเวณด้านหลังโพรงจมูก มีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก เช่น แบคทีเรียและไวรัส ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเหล่านั้น ในวัยเด็ก อะดีนอยด์จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่เพราะต้องทำงานหนักในการปกป้องร่างกาย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังเข้าสู่วัยรุ่น อะดีนอยด์จะค่อย ๆ หดเล็กลงและแทบไม่ทำงานอีกต่อไป
ต่อมอะดีนอยด์โตคืออะไร และเกิดจากอะไร?

ภาวะต่อมอะดีนอยด์โต หรือ Adenoid Hypertrophy คือการที่เนื้อเยื่ออะดีนอยด์บริเวณด้านหลังโพรงจมูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติ จนไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้เด็กหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเวลานอนหลับ เมื่ออากาศผ่านได้ยาก เด็กจึงต้องออกแรงหายใจมากขึ้นและเกิดเสียงกรน
เด็กบางคนมีต่อมอะดีนอยด์ขนาดใหญ่ตั้งแต่กำเนิด ขณะที่บางคนโตขึ้นจากการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย ๆ เช่น หวัดหรือไซนัสอักเสบ เมื่อเนื้อเยื่อบวมโตซ้ำ ๆ จะทำให้การอุดกั้นรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการนอนกรนถาวร หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ได้
งานวิจัย Risk factors of obstructive sleep apnea syndrome in children ศึกษาในเด็ก 1,578 คน พบว่า tonsillar hypertrophy และ adenoid hypertrophy เป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระของ OSA ในเด็ก
สาเหตุหลักของอะดีนอยด์โต ได้แก่
- การติดเชื้อซ้ำๆ, หวัด ไซนัสอักเสบ ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบและโตขึ้น
- ภูมิแพ้, เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ กระตุ้นให้บวมเรื้อรัง
- พันธุกรรม, บางครอบครัวพบว่าลูกมีอะดีนอยด์โตหลายราย
- อายุ, เด็กเล็กมีโอกาสโตมากกว่าวัยรุ่น เพราะทำงานหนักกว่าตามวัย
อะดีนอยด์โตกับอาการเด็กนอนกรน
เมื่ออะดีนอยด์มีขนาดโตจนไปขวางช่องจมูก เด็กจะหายใจทางจมูกได้ลำบาก โดยเฉพาะขณะนอนหลับ ร่างกายจึงต้องหายใจทางปากแทน ซึ่งเป็นกลไกชดเชยตามธรรมชาติ และจากวิจัยของ PubMed ได้บอกไว้ว่า การกรนและการหายใจทางปากเป็นอาการที่สัมพันธ์กับต่อมอะดีนอยด์โตและมีผลในระยะยาวต่อโครงหน้าและฟังก์ชันทางเดินหายใจ และเกิดปัญหาตามมา
อาการที่มักพบ ได้แก่
- กรนเสียงดัง
ได้ยินชัดกว่าผู้ใหญ่ และไม่หายไปเองเวลาผ่านไป - หายใจทางปากแทนการหายใจทางจมูก
เด็กบางคนจะอ้าปากตลอดเวลา ส่งผลให้ปากแห้งและเจ็บคอได้ง่าย - หยุดหายใจชั่วคราวตอนหลับ (OSA)
ซึ่งอาจเห็นว่าลูกนอนแล้วหยุดหายใจไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาหายใจแรงหรือสะดุ้งตื่น - นอนกระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก
บางครั้งต้องนอนในท่าที่ผิดปกติ เช่น เงยคอหรือพลิกตัวบ่อย เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น - มีอาการง่วงซึม ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่ายในตอนกลางวัน
จากการนอนหลับไม่เต็มที่ ร่างกายจะไม่ได้เข้าสู่ช่วงหลับลึกอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การฟื้นฟูสมองและร่างกายลดลง ผลที่ตามมาคือและอาจกระทบต่อผลการเรียนและพัฒนาการโดยรวมได้
อาการเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการนอนหลับที่ถูกรบกวน แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าเด็กอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการเติบโตและการเรียนรู้
การนอนกรนส่งผลกระทบต่อการหายใจและสุขภาพในระยะสั้น
| ผลกระทบ | รายละเอียด |
|---|---|
| การนอนหลับไม่สนิท | เด็กสะดุ้งตื่นบ่อย ทำให้พักผ่อนไม่เต็มที่ |
| ง่วงกลางวัน สมาธิสั้น | ส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิต |
| หายใจปากเรื้อรัง | อาจทำให้คอแห้ง เจ็บคอบ่อย |
| หูน้ำหนวก/หูอื้อ | เพราะอะดีนอยด์โตไปอุดท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) |
ผลกระทบต่อพัฒนาการเด็กในระยะยาว
หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะอะดีนอยด์โตอาจส่งผลเสียรุนแรงต่อพัฒนาการ
- สมองและการเรียนรู้: ขาดออกซิเจนเรื้อรัง ทำให้ความจำและสมาธิลดลง
- การเจริญเติบโต: นอนหลับไม่สนิท ทำให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งน้อยลง เด็กอาจเตี้ยหรือโตช้า
- พฤติกรรมและอารมณ์: เด็กอาจหงุดหงิด ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมสมาธิสั้น
- รูปหน้าและฟัน: หายใจปากเป็นเวลานาน ทำให้โครงหน้าผิดรูป ฟันเก และขากรรไกรยาวขึ้น
- สุขภาพในอนาคต: เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเรื้อรังและโรคหัวใจในวัยผู้ใหญ่
ตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic
การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีที่ใช้เก็บข้อมูลเชิงลึกขณะนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) VitalSleep Clinic มีแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับพร้อมอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถตรวจได้อย่างละเอียด โดยจะบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น การหายใจและระดับออกซิเจนในเลือดการเต้นของหัวใจและคลื่นสมองการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างนอน คุณภาพการนอนหลับแต่ละช่วง (sleep stages) ผลการตรวจเหล่านี้ช่วยใหแพทย์เฉพาะทาง ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า เด็กมีอาการนอนกรนแบบทั่วไปหรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย รวมถึงระดับความรุนแรง เพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
รักษาอาการเด็กนอนกรนแบบไม่ผ่าตัดด้วย Myofunctional Therapy
Myofunctional Therapy คือการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อช่องปากและใบหน้า โดยการฝึกกล้ามเนื้อริมฝีปาก ลิ้น และการกลืนให้ทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งช่วยให้เด็ก หายใจทางจมูกได้ดีขึ้น ลดการพึ่งพาการหายใจทางปาก และบรรเทาอาการนอนกรนที่เกิดจากภาวะต่อมอะดีนอยด์โต
การรักษานี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการนอนกรนจาก กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ร่วมกับหรือแยกจากภาวะต่อมอะดีนอยด์โต โดยมีแบบฝึกเฉพาะ เช่น การออกกำลังกายกล้ามเนื้อลิ้นและริมฝีปาก การฝึกหายใจทางจมูก การฝึกการกลืนอย่างถูกวิธี เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง เด็กจะค่อย ๆ หายใจคล่องขึ้น นอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น ลดการกรน และยังช่วยเสริมพัฒนาการอื่น ๆ เช่น การพูดและการเจริญเติบโตของโครงหน้าไปพร้อมกัน
สรุป
ต่อมอะดีนอยด์โต เป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก และเป็นสาเหตุสำคัญของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจกระทบต่อสุขภาพ พัฒนาการสมอง การเจริญเติบโต และโครงสร้างใบหน้าในระยะยาว ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจสังเกตอาการลูก หากมีสัญญาณผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กนอนหลับสบาย หายใจสะดวก และเติบโตสมวัย


