• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ต่อมอะดีนอยด์โตกับเด็กนอนกรน
ผลต่อการหายใจ
และพัฒนาการในเด็ก

ต่อมอะดีนอยด์โตกับเด็กนอนกรน

ผลต่อการหายใจ
และพัฒนาการในเด็ก
Table of Contents

เด็กนอนกรน เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยคือ ต่อมอะดีนอยด์โต (Adenoid Hypertrophy) ซึ่งทำให้ทางเดินหายใจแคบ เด็กหายใจลำบากและพักผ่อนไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และคุณภาพการนอนลดลง

ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงการเจริญเติบโต สมาธิ พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก หากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม

ต่อมอะดีนอยด์คืออะไร และทำหน้าที่อย่างไร?

ต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid) คือเนื้อเยื่อภูมิคุ้มกันที่อยู่บริเวณด้านหลังโพรงจมูก มีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก เช่น แบคทีเรียและไวรัส ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเหล่านั้น ในวัยเด็ก อะดีนอยด์จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่เพราะต้องทำงานหนักในการปกป้องร่างกาย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังเข้าสู่วัยรุ่น อะดีนอยด์จะค่อย ๆ หดเล็กลงและแทบไม่ทำงานอีกต่อไป

ต่อมอะดีนอยด์โตคืออะไร และเกิดจากอะไร?

ต่อมอะดีนอยด์โต

ภาวะต่อมอะดีนอยด์โต หรือ Adenoid Hypertrophy คือการที่เนื้อเยื่ออะดีนอยด์บริเวณด้านหลังโพรงจมูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติ จนไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้เด็กหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเวลานอนหลับ เมื่ออากาศผ่านได้ยาก เด็กจึงต้องออกแรงหายใจมากขึ้นและเกิดเสียงกรน

เด็กบางคนมีต่อมอะดีนอยด์ขนาดใหญ่ตั้งแต่กำเนิด ขณะที่บางคนโตขึ้นจากการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย ๆ เช่น หวัดหรือไซนัสอักเสบ เมื่อเนื้อเยื่อบวมโตซ้ำ ๆ จะทำให้การอุดกั้นรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการนอนกรนถาวร หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ได้

งานวิจัย Risk factors of obstructive sleep apnea syndrome in children ศึกษาในเด็ก 1,578 คน พบว่า tonsillar hypertrophy และ adenoid hypertrophy เป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระของ OSA ในเด็ก

สาเหตุหลักของอะดีนอยด์โต ได้แก่

  • การติดเชื้อซ้ำๆ, หวัด ไซนัสอักเสบ ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบและโตขึ้น
  • ภูมิแพ้, เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ กระตุ้นให้บวมเรื้อรัง
  • พันธุกรรม, บางครอบครัวพบว่าลูกมีอะดีนอยด์โตหลายราย
  • อายุ, เด็กเล็กมีโอกาสโตมากกว่าวัยรุ่น เพราะทำงานหนักกว่าตามวัย

อะดีนอยด์โตกับอาการเด็กนอนกรน

เมื่ออะดีนอยด์มีขนาดโตจนไปขวางช่องจมูก เด็กจะหายใจทางจมูกได้ลำบาก โดยเฉพาะขณะนอนหลับ ร่างกายจึงต้องหายใจทางปากแทน ซึ่งเป็นกลไกชดเชยตามธรรมชาติ  และจากวิจัยของ PubMed ได้บอกไว้ว่า การกรนและการหายใจทางปากเป็นอาการที่สัมพันธ์กับต่อมอะดีนอยด์โตและมีผลในระยะยาวต่อโครงหน้าและฟังก์ชันทางเดินหายใจ และเกิดปัญหาตามมา 

อาการที่มักพบ ได้แก่

  • กรนเสียงดัง
    ได้ยินชัดกว่าผู้ใหญ่ และไม่หายไปเองเวลาผ่านไป
  • หายใจทางปากแทนการหายใจทางจมูก
    เด็กบางคนจะอ้าปากตลอดเวลา ส่งผลให้ปากแห้งและเจ็บคอได้ง่าย
  • หยุดหายใจชั่วคราวตอนหลับ (OSA)
    ซึ่งอาจเห็นว่าลูกนอนแล้วหยุดหายใจไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาหายใจแรงหรือสะดุ้งตื่น
  • นอนกระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก
    บางครั้งต้องนอนในท่าที่ผิดปกติ เช่น เงยคอหรือพลิกตัวบ่อย เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น
  • มีอาการง่วงซึม ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่ายในตอนกลางวัน
    จากการนอนหลับไม่เต็มที่ ร่างกายจะไม่ได้เข้าสู่ช่วงหลับลึกอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การฟื้นฟูสมองและร่างกายลดลง ผลที่ตามมาคือและอาจกระทบต่อผลการเรียนและพัฒนาการโดยรวมได้

อาการเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการนอนหลับที่ถูกรบกวน แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าเด็กอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการเติบโตและการเรียนรู้

การนอนกรนส่งผลกระทบต่อการหายใจและสุขภาพในระยะสั้น

ผลกระทบรายละเอียด
การนอนหลับไม่สนิทเด็กสะดุ้งตื่นบ่อย ทำให้พักผ่อนไม่เต็มที่
ง่วงกลางวัน สมาธิสั้นส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิต
หายใจปากเรื้อรังอาจทำให้คอแห้ง เจ็บคอบ่อย
หูน้ำหนวก/หูอื้อเพราะอะดีนอยด์โตไปอุดท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube)

ผลกระทบต่อพัฒนาการเด็กในระยะยาว

หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะอะดีนอยด์โตอาจส่งผลเสียรุนแรงต่อพัฒนาการ

  • สมองและการเรียนรู้: ขาดออกซิเจนเรื้อรัง ทำให้ความจำและสมาธิลดลง
  • การเจริญเติบโต: นอนหลับไม่สนิท ทำให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งน้อยลง เด็กอาจเตี้ยหรือโตช้า
  • พฤติกรรมและอารมณ์: เด็กอาจหงุดหงิด ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมสมาธิสั้น
  • รูปหน้าและฟัน: หายใจปากเป็นเวลานาน ทำให้โครงหน้าผิดรูป ฟันเก และขากรรไกรยาวขึ้น
  • สุขภาพในอนาคต: เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเรื้อรังและโรคหัวใจในวัยผู้ใหญ่

ตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีที่ใช้เก็บข้อมูลเชิงลึกขณะนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) VitalSleep Clinic มีแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับพร้อมอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถตรวจได้อย่างละเอียด โดยจะบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น การหายใจและระดับออกซิเจนในเลือดการเต้นของหัวใจและคลื่นสมองการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างนอน คุณภาพการนอนหลับแต่ละช่วง (sleep stages) ผลการตรวจเหล่านี้ช่วยใหแพทย์เฉพาะทาง ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า เด็กมีอาการนอนกรนแบบทั่วไปหรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย รวมถึงระดับความรุนแรง เพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมกับเด็กแต่ละคน

รักษาอาการเด็กนอนกรนแบบไม่ผ่าตัดด้วย Myofunctional Therapy

Myofunctional Therapy  คือการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อช่องปากและใบหน้า โดยการฝึกกล้ามเนื้อริมฝีปาก ลิ้น และการกลืนให้ทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งช่วยให้เด็ก หายใจทางจมูกได้ดีขึ้น ลดการพึ่งพาการหายใจทางปาก และบรรเทาอาการนอนกรนที่เกิดจากภาวะต่อมอะดีนอยด์โต

การรักษานี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการนอนกรนจาก กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ร่วมกับหรือแยกจากภาวะต่อมอะดีนอยด์โต โดยมีแบบฝึกเฉพาะ เช่น การออกกำลังกายกล้ามเนื้อลิ้นและริมฝีปาก การฝึกหายใจทางจมูก การฝึกการกลืนอย่างถูกวิธี เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง เด็กจะค่อย ๆ หายใจคล่องขึ้น นอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น ลดการกรน และยังช่วยเสริมพัฒนาการอื่น ๆ เช่น การพูดและการเจริญเติบโตของโครงหน้าไปพร้อมกัน

สรุป

ต่อมอะดีนอยด์โต เป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก และเป็นสาเหตุสำคัญของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจกระทบต่อสุขภาพ พัฒนาการสมอง การเจริญเติบโต และโครงสร้างใบหน้าในระยะยาว ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจสังเกตอาการลูก หากมีสัญญาณผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กนอนหลับสบาย หายใจสะดวก และเติบโตสมวัย

Related Blogs and Articles
โรคแทรกซ้อนจากการนอนกรน

การนอนกรนสามารถเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)

อาการวูบหมดสติ อาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา

เคยไหมที่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด เหมือนโลกหมุน หูอื้อ อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่

ตรวจนอนกรน

ตรวจนอนกรนไม่ได้แค่แก้ปัญหาเสียงดังรบกวนเท่านั้น แต่ยังช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่อาจซ่อนอยู่

อุปกรณ์รักษานอนกรน

พามาเจาะลึกอุปกรณ์รักษานอนกรน จาก VitalSleep Clinic ว่ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง เพื่อให้คุณกลับมามีการนอนที่เงียบสงบ

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ นอนนานแค่ไหนก็ยังไม่สดชื่น? แถมตื่นมาแล้วยังปวดหัวอีก? ปัญหาแบบนี้พบได้บ่อยและอาจมากกว่าการนอนไม่พอ บางครั้งอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ หรือความผิดปกติอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องรับการตรวจ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหลังตื่นนอน การตื่นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือการนอนกรนรุนแรง ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงระหว่างหลับภาวะขาดน้ำ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมอง อาจทำให้คุณปวดหัวในช่วงเช้าได้สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม หมอนที่ไม่พอดี แสงหรือเสียงรบกวน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ อาจทำให้คุณปวดหัวในตอนเช้าได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีผลต่อวงจรการนอนหลับ อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหรือปวดหัวในตอนตื่นไมเกรน โดยเฉพาะในคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาจมีอาการกำเริบในช่วงเช้า ทำไมการนอนไม่พอถึงทำให้ปวดหัวได้? อาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ "การนอนไม่พอ" ก็เป็นตัวการสำคัญที่หลายคนมองข้ามบทความที่เกี่ยวข้อง : สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่ 1. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สมองจะปรับสมดุลสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่ช่วยลดความไวของระบบประสาทต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อนอนน้อย ระดับสารเหล่านี้จะเสียสมดุล 2. เพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด การอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้อาจไปทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง 3. กล้ามเนื้อตึงและการกดทับของเส้นประสาท ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะ "ตึงเครียด" ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และศีรษะที่ไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลให้เส้นประสาทในบริเวณศีรษะถูกกดทับจนเกิดอาการปวดศีรษะตอนตื่นนอนได้ 4. การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ช่วงเวลานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต แต่หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนเลือดในสมองจะลดลงหรือไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว มึนศีรษะ หรือปวดหัวหลังตื่นนอนได้ 5. เชื่อมโยงกับโรคไมเกรน มีงานวิจัยจาก Susan Bernstein พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจรุนแรงและยาวนานมากากขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่ “นอนไม่พอเฉย ๆ” ทั้งที่จริงแล้วกำลังเข้าสู่วงจรของไมเกรนเรื้อรัง​ อยากรู้ว่านอนพอไหม? ตรวจการนอนหลับด้วย Belun Ring ได้ที่ VitalSleep Clinic https://www.youtube.com/shorts/yF3sZhOaXGg หากคุณมักตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเช็กคุณภาพการนอนของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น การตรวจการนอนหลับจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่า “เรานอนพอจริงไหม?” และ “ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า?” สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย https://www.youtube.com/shorts/VHwrvaJPK08 โปรแกรม mHBOT (Mild Hyperbaric Oxygen Therapy) คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนสู่สมอง ฟื้นฟูระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึก และลดอาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอหลับลึก หลับสนิทขึ้นลดการตื่นกลางดึกฟื้นฟูระบบสมอง ลดอาการปวดหัวที่เรื้อรังจากการนอนเพิ่มพลังระหว่างวัน ตื่นมาสดชื่น สมองโล่งกว่าเดิม ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! ผลเสียจากการนอนไม่พอที่คุณอาจคาดไม่ถึง การนอนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น:สมาธิลดลง ตัดสินใจช้าอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่ายอยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงอ้วนเพิ่มโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ? ผู้ใหญ่ ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมงวัยรุ่น ควรนอน 8–10 ชั่วโมงเด็กเล็ก–ทารก อาจต้องการนอนมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวันนอกจากปริมาณแล้ว “คุณภาพของการนอน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ก็อาจยังรู้สึกง่วงเพลียและปวดหัวในตอนเช้าได้

How to treat snoring in women

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่คิดที่จะแก้ไข อาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในผู้หญิงหลายคนอาจจะรู้สึกเขินอาย หรือไม่กล้าบอกว่าตัวเองมีอาการนอนกรน และไม่รู้ว่าจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรให้ได้ผล แต่การนอนกรนในผู้หญิงก็เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ และหากไม่ให้ความสำคัญกับการหาทางแก้ไขอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้ก่อนที่จะหาคำตอบว่า ทำไม? ผู้หญิงถึงนอนกรน เราควรทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายระหว่างการนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบนี้ จะทำให้เนื้อเยื่อในลำคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน หรือลิ้นไก่สั่น จะทำให้เกิดเสียงกรน และยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน เช่น ต่อมทอนซิลโต น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือลิ้นที่โตขึ้น ก็อาจทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร? การนอนกรนไม่ใช่แค่การสร้างเสียงรบกวนระหว่างการนอนหลับ แต่ยังสามารถนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย เมื่อเนื้อเยื่อในลำคอหรือที่ลิ้นหย่อนลงไปปิดทางเดินหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนในขณะที่นอนหลับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะไหลตายได้https://www.youtube.com/shorts/1RcpD_hJKcw สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรน ข้อมูลจาก SnoreMD ว่าปกติผู้ชายจะมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรนมักจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพ น้ำหนักเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เกิดจากอายุหรือการตั้งครรภ์ เช่น​อายุ เมื่อผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ปัญหาการนอนกรนจะเริ่มเพิ่มขึ้นวัยหมดประจำเดือน หลังจากหมดประจำเดือน ในผู้หญิงบางรายอาจมีแนวโน้มทำให้นอนกรนมากขึ้นน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีไขมันสะสมที่หบริเวณลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงได้การตั้งครรภ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ถึงแม้จะพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ยังคงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสนใจ ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! สาเหตุอื่น ๆ ของการนอนกรน ในกรณีทั่วไป การนอนกรนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นคนอ้วน การสะสมของไขมันในบริเวณคอผู้สูงอายุ การเสื่อมของกล้ามเนื้อที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงโรคภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบ ทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร อาจทำให้เกิดอาการนอนกรน วิธีแก้ไขการนอนกรนผู้หญิง การรักษาอาการนอนกรนเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจหาว่าคุณมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หลังจากนั้นสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน?การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการนอนกรน หากคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนที่เป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย สรุป การนอนกรนในผู้หญิงไม่ใช่แค่เรื่องรบกวนคนข้าง ๆ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้าหลายคนอาจไม่รู้ว่าการนอนกรนในผู้หญิงมักไม่มีอาการชัดเจนเหมือนผู้ชาย เช่น อาจไม่มีเสียงกรนดัง แต่จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงกลางวัน ขี้ลืม หงุดหงิดง่าย หรือแม้แต่ปัญหาทางเพศ ทำให้ถูกมองข้ามและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

นอนกัดฟัน อันตรายไหม

แม้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการนอนกัดฟันที่แน่ชัดได้ แต่งานวิจัยพบว่า "ความเครียด" และ "ความวิตกกังวล" เป็นปัจจัยหลักของอาการนี้ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเรื้อรังและการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะการกระตุ้นแกน HPA (Hypothalamic-Pituitary-Adrenal axis) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มระดับคอร์ติซอลในน้ำลาย และอาจทำให้เกิดพฤติกรรมกัดฟันซ้ำๆ ขณะนอนหลับ ข้อมูลงานวิจัยจาก PubMed Central (PMC) นอนกัดฟัน คืออะไร? นอนกัดฟัน (Bruxism) คือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ โดยผู้ป่วยจะขบฟันหรือบดฟันไปมาโดยไม่รู้ตัว อาจมีเสียงกัดฟันดังจนคนข้าง ๆ สะดุ้งตื่นกลางดึก ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และคุณภาพการนอน คนที่นอนกัดฟันมักมีอาการปวดกราม ปวดข้อต่อขากรรไกรหรือปวดศีรษะตอนตื่นนอน บางรายอาจมีพฤติกรรมนอนกัดฟันมากกว่า 100 ครั้งต่อคืนด้วย เช็กอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณนอนกัดฟัน? เพราะอาการมักเกิดขณะนอนหลับโดยที่เราไม่รู้ตัว วิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัย คือ “การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)” สามารถตรวจจับการทำงานของกล้ามเนื้อขณะนอนหลับได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตอาการต่อไปนี้ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ ผลเสียจากการนอนกัดฟัน แม้อาการจะดูไม่รุนแรงมากในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น วิธีรักษาอาการนอนกัดฟันแบบเฉพาะทางที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราใช้แนวทางวินิจฉัยอย่างครอบคลุม พร้อมวิธีรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อหยุดพฤติกรรมกัดฟันขณะหลับอย่างได้ผล 1. ใช้อุปกรณ์ครอบฟันกันกัดฟันเฉพาะบุคคล (Splint) หากพบว่าการนอนกัดฟันไม่ได้เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์เฉพาะทางจะทำ Splint หรือ Night Guard แบบเฉพาะบุคคล ให้พอดีกับฟันและขากรรไกรของผู้ป่วย อ่านเพิ่มเติม 2. Myofunctional Therapy หากการนอนกัดฟันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกลืนผิดปกติหรือลิ้นตกขณะนอน แพทย์เฉพาะทางอาจแนะนำให้บำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจและใบหน้า (Myofunctional Therapy) อ่านเพิ่มเติม สรุป นอนกัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพช่องปาก รูปหน้า ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิต หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการนอนกัดฟัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างตรงจุด ก่อนที่อาการจะลุกลามรุนแรงมากขึ้น

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)