Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
Update! ใหม่ล่าสุด วิธีรักษานอนกรน
บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า
และทางเดินหายใจส่วนต้น

Update! ใหม่ล่าสุด วิธีรักษานอนกรน

บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า
และทางเดินหายใจส่วนต้น
Table of Contents

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง อาการกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในทางเดินหายใจ ซึ่งมักเกิดมาจากการหย่อนของกล้ามเนื้อบริเวณลำคอขณะหลับ แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy หรือการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจส่วนต้น กำลังเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจ เพราะสามารถช่วยรักษาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการของการบำบัดนี้ รวมถึงศักยภาพในการรักษาอาการนอนกรนและการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับอย่างครบถ้วน

ทำความรู้จักกับ Myofunctional Therapy

Myofunctional Therapy เป็นการบำบัดที่เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้า ปาก และลำคอ เป้าหมายของการบำบัดคือการแก้ไขปัญหาการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่เหมาะสม เช่น การเคลื่อนไหวของลิ้น การกลืน หรือการหายใจ ที่เป็นสาเหตุของอาการกรน ซึ่งการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจนี้จะช่วยปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณปาก ลำคอ และการหายใจ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการนอนกรน

วิธีการบำบัดนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการทำงานที่ดีของกล้ามเนื้อใบหน้า โดยมีผลต่อการเคี้ยว การกลืน และการพูด ที่สำคัญยังช่วยปรับปรุงการหายใจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานอนกรนได้ในระยะยาว

หลักการบำบัด Myofunctional Therapy ในการรักษานอนอาการกรน

การบำบัดด้วย Myofunctional Therapy จะเน้นการฝึกกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ การกลืน การทำงานอื่น ๆ ในช่องปากและทางเดินหายใจส่วนต้น ในกรณีของการนอนกรน การฝึกกล้ามเนื้อดังกล่าวจะช่วยลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในคอและเปิดทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการกรน

  1. การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
    การฝึกกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ เป็นส่วนสำคัญของการบำบัด Myofunctional Therapy โดยมีการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านี้ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ ทำให้ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในคอที่ทำให้เกิดเสียงกรนได้
  2. การแก้ไขท่าทางในช่องปาก
    อาการนอนกรน อาจมีสาเหตุมาจากการวางตำแหน่งของลิ้นที่ไม่ถูกต้อง ลิ้นที่ตกไปด้านหลังมากเกินไป การบำบัดนี้จะเน้นการปรับท่าทางของลิ้น ริมฝีปาก และกรามให้เหมาะสม เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้นและลดการกีดขวางของลมหายใจขณะหลับ ซึ่งสามารถช่วยแก้อาการนอนกรนได้
  3. การฝึกการกลืน
    บางคนอาจมีปัญหาการกลืนที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุของอาการกรน การฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องสามารถช่วยลดโอกาสเกิดการนอนกรนได้
  4. ฝึกเทคนิคการหายใจ
    การหายใจที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการกรน การบำบัด Myofunctional Therapy จะสอนให้ผู้ที่มีปัญหานอนกรนฝึกการหายใจที่ถูกต้อง เช่น การหายใจทางจมูกและการหายใจด้วยกระบังลม ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดโอกาสของการหายใจทางปากซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกรนได้
  5. การออกกำลังกายลิ้น
    กล้ามเนื้อลิ้นมีบทบาทสำคัญในการหายใจและการนอนกรน การฝึกออกกำลังกายลิ้นเป็นอีกส่วนหนึ่งของ Myofunctional Therapy ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของลิ้น ช่วยปรับท่าทางของลิ้นและลดการสั่นสะเทือนที่เป็นสาเหตุของอาการนอนกรน

การบำบัด Myofunctional Therapy ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญ

เพราะสามารถประเมินสาเหตุที่แท้จริงของอาการนอนกรนได้แม่นยำ มาพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการนอนกรนเรื้อรัง

อาการนอนกรน อาจดูเหมือนเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ การนอนกรนเป็นสัญญาณที่อาจบอกถึงปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น

  1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
    การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ทำให้การหายใจหยุดชะงักขณะหลับ โดยภาวะนี้สัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน
  2. ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
    อาการนอนกรนเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาด้านหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูงและจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อาการนอนกรนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
  3. อาการง่วงนอนและการทำงานของสมองบกพร่อง
    อาการนอนกรนสามารถรบกวนการนอนหลับ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในช่วงกลางวัน และสมองทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจส่งผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
  4. ปัญหาความสัมพันธ์
    อาการนอนกรนที่รุนแรงอาจรบกวนการนอนของคู่สมรสหรือคนรอบข้าง ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์และความเครียดจากการนอนไม่พอ
  5. ความเหนื่อยล้าและปัญหาทางอารมณ์
    อาการนอนกรนอาจส่งผลต่ออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความหงุดหงิด ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล เนื่องจากการนอนไม่พอและคุณภาพการนอนที่แย่
  6. สมาธิและความจำบกพร่อง
    อาการนอนกรนอาจส่งผลกระทบต่อสมาธิ ความจำและความสามารถในการเรียนรู้
  7. ความผิดปกติของการเผาผลาญ
    จากงานวิจัยพบว่า อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคอ้วน

ข้อดีของการบำบัด Myofunctional Therapy

การบำบัด Myofunctional Therapy มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับวิธีการรักษานอนกรนแบบดั้งเดิม

  1. การบำบัดที่ไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือยา
    หนึ่งในข้อดีหลัก ๆ ของ Myofunctional Therapy คือไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือการใช้ยาใด ๆ เลย เป็นการรักษาที่ใช้การออกกำลังกายเฉพาะกล้ามเนื้อเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบหายใจและกล้ามเนื้อใบหน้า จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  2. ปรับปรุงคุณภาพชีวิต
    เมื่ออาการนอนกรนลดลง จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าในระหว่างวัน ทำให้การทำงานและการดำเนินชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่อาจได้รับผลกระทบจากเสียงกรนได้
  3. ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในระยะยาว
    การนอนกรนที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การบำบัดด้วย Myofunctional Therapy สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเหล่านี้ได้ในระยะยาว
  4. การปรับตัวที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทุกวัย
    การบำบัดนี้เหมาะสำหรับทุกคน ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ สามารถปรับใช้ได้ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งจะแตกต่างจากการผ่าตัดหรือการใช้เครื่อง CPAP ที่อาจไม่สะดวกสำหรับในบางคน
  5. ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
    การฝึกกล้ามเนื้อใน Myofunctional Therapy จะให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ได้รับการฝึกและพัฒนาจะสามารถคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้แม้หลังจากการรักษาแล้ว ต่างจากการใช้อุปกรณ์เสริมที่อาจต้องใช้ตลอดชีวิต

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการบำบัด Myofunctional Therapy?

การบำบัด Myofunctional Therapy เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนทั้งที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบเรื้อรัง
  2. ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับไม่รุนแรง
  3. ผู้ที่มีปัญหาการหายใจทางปากมากกว่าการหายใจทางจมูก
  4. ผู้ที่มีปัญหาการกลืนที่ผิดปกติ หรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
  5. เด็กที่มีปัญหาการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนกรนในอนาคต
  6. ผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้หรือต้องการหาวิธีรักษาแบบทางเลือกที่ไม่ซับซ้อน

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการบำบัด Myofunctional Therapy?

การบำบัด Myofunctional Therapy เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนทั้งที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบเรื้อรัง
  2. ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับไม่รุนแรง
  3. ผู้ที่มีปัญหาการหายใจทางปากมากกว่าการหายใจทางจมูก
  4. ผู้ที่มีปัญหาการกลืนที่ผิดปกติ หรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
  5. เด็กที่มีปัญหาการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนกรนในอนาคต
  6. ผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้หรือต้องการหาวิธีรักษาแบบทางเลือกที่ไม่ซับซ้อน

กระบวนการบำบัด Myofunctional Therapy

การเริ่มต้นบำบัด Myofunctional Therapy มักเริ่มจากการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น นักกายภาพบำบัดเฉพาะทางหรือนักบำบัดด้านการหายใจ โดยกระบวนการบำบัดจะแบ่งเป็นขั้นตอน ดังนี้

1. การประเมินเบื้องต้น

แพทย์เฉพาะทางจะประเมินโครงสร้างทางกายวิภาคของกล้ามเนื้อใบหน้า ปาก และลำคอ รวมถึงพฤติกรรมการหายใจ การกลืน และการทำงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุของอาการนอนกรน

2. การออกแบบแผนการบำบัด

เมื่อทราบถึงสาเหตุแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะพัฒนาแผนการบำบัดที่เหมาะสมซึ่งอาจรวมถึงการออกกำลังกายเฉพาะกล้ามเนื้อ การปรับปรุงพฤติกรรมการหายใจและการกลืน ซึ่งการออกกำลังกายจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในลำคอ ลิ้น และทางเดินหายใจ

3. การฝึกฝนและการติดตามผล

ผู้ป่วยจะต้องทำการฝึกฝนการออกกำลังกายตามแผนที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนด การติดตามผลเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้แน่ใจว่าการบำบัดมีประสิทธิภาพ และมีการปรับปรุงแผนการบำบัดให้เหมาะสมกับความก้าวหน้าของผู้ป่วย

สรุป

Myofunctional Therapy เป็นวิธีการรักษาการนอนกรนที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้า ลิ้น และลำคอ เพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบหายใจ ช่วยลดการนอนกรน และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับอย่างมีนัยสำคัญ ข้อดีของการบำบัดนี้คือไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรืออุปกรณ์เสริม ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนที่ไม่รุนแรงและต้องการหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือเครื่อง CPAP

หากคุณมีปัญหาการนอนกรนและต้องการหาทางเลือกในการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน การบำบัด Myofunctional Therapy อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในด้านนี้จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย

Related Blogs and Articles
นอนกัดฟันรักษาได้ รวมวิธีแก้ “นอนกัดฟัน ปวดฟัน” อาการกัดฟันไม่รู้ตัว

ในบางครั้งคนที่นอนกัดฟันเองก็อาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดอาการปวดฟัน ปวดกราม หรือมีคนรอบข้างสังเกตเห็นเสียงกัดฟันในเวลานอนตอนกลางคืน นอนกัดฟันรักษาได้!

การหยุดหายใจขณะหลับ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภาวะผิดปกติที่สามารถนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหานอนกรน

จะทำอย่างไร ถ้าการรักษานอนกรน ด้วยเครื่อง CPAP ราคาแพงเกินไป

ปัญหาอาการนอนกรนเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนจำนวนมาก โดยบางคนอาจมองว่าอาการนอนกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องให้ความสนใจมากนัก แต่ในความเป็นจริงภาวะนอนกรนนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวนเวลานอนหลับเท่านั้น มันยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ภาวะการนอนกรนมักเกี่ยวข้องกับปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) อาจทำให้เกิดอาการหยุดหายใจชั่วขณะในระหว่างการนอนหลับ ภาวะนี้ส่งผลต่อการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต แม้แต่ความเสี่ยงในการเสียชีวิตเฉียบพลันในปัจจุบัน วิธีการรักษาภาวะนอนกรนมีอยู่หลายวิธี หนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือการใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) โดยเครื่อง CPAP นี้ทำหน้าที่ส่งแรงดันลมเข้าไปเปิดทางเดินหายใจในขณะหลับ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจได้อย่างราบรื่น แต่หลายคนอาจพบปัญหาว่าเครื่อง CPAP นั้นมีราคาที่สูง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงความยุ่งยากในการใช้งานที่อาจทำให้รู้สึกไม่สะดวก แล้วจะทำอย่างไร หากการรักษาด้วยเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไป บทความนี้จะแนะนำวิธีการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับในทางเลือกอื่น ๆ ที่สามารถทดแทนเครื่อง CPAP ได้ นอนกรนเกิดขึ้นได้อย่างไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจถูกอุดกั้นบางส่วนในขณะหลับ เมื่อเรานอนหลับ กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกายจะคลายตัวลง รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณคอ เพดานอ่อน และโคนลิ้น เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนคล้อยลง อาจไปขัดขวางทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ซึ่งทำให้เกิดเสียงกรนขึ้นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรนคืออายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้เกิดการหย่อนคล้อยและปิดกั้นการหายใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ภาวะนอนกรนยังสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! ทำไมการนอนกรนจึงควรรักษา? แม้ว่าการนอนกรนอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การอานอนกรนที่เกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง การหยุดหายใจขณะหลับทำให้ร่างกายและสมองขาดออกซิเจนในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้คุณภาพการนอนหลับลดลง ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าในระหว่างวัน รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคสมองเสื่อมนอกจากนี้ การขาดออกซิเจนยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองโดยตรง ทำให้การประมวลผลข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และความจำเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาด้านความจำและสมาธิ รวมถึงมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นและอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ นอนกรนต้องการปรึกษา ฟรี! เครื่อง CPAP ช่วยรักษาภาวะนอนกรนอย่างไร? เครื่อง CPAP เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ โดยหลักการทำงานของเครื่องคือการส่งแรงดันลมเข้าไปในทางเดินหายใจเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจได้สะดวกในขณะหลับ เครื่อง CPAP มักใช้ร่วมกับหน้ากากที่สวมใส่บริเวณจมูกหรือปากเพื่อส่งแรงดันลมเข้าสู่ร่างกายแม้ว่าเครื่อง CPAP จะมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาภาวะนอนกรน แต่เครื่องนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่สูง ค่าเครื่อง CPAP บางรุ่นอาจมีราคาสูงถึงหลักแสนบาท เครื่องก็ยังมีขนาดใหญ่ ต้องใช้ไฟฟ้า อาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกอึดอัดหรือไม่สะดวกสบายในขณะหลับ การรักษานอนกรนแบบไม่ต้องพึ่ง CPAP หากเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไปและไม่สะดวกในการใช้งาน ยังมีวิธีการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับในทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน ดังนี้1. อุปกรณ์ทางทันตกรรม (Oral Appliance)อุปกรณ์ทางทันตกรรมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ในปากในระหว่างการนอนหลับ โดยมีลักษณะคล้ายกับเครื่องครอบฟัน อุปกรณ์นี้ช่วยขยับกรามหรือโคนลิ้นไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นขณะหลับข้อดีของอุปกรณ์ทางทันตกรรม คือ มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปกรณ์ยังถูกออกแบบเฉพาะบุคคลตามขนาดช่องปากของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้งานได้ง่ายและไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อเทียบกับเครื่อง CPAP อุปกรณ์ทางทันตกรรมยังเป็นวิธีการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าและสะดวกสบายกว่าการใช้เครื่อง CPAP2. การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF Bot)การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ การรักษานี้ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการทำให้เนื้อเยื่อบริเวณโคนลิ้น เพดานอ่อน และเนื้อเยื่อในลำคอหดตัวแล้วก็กระชับขึ้น ลดการหย่อนคล้อยที่อาจปิดกั้นทางเดินหายใจวิธีการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เวลานาน เพียงครั้งละประมาณ 15 นาที ไม่เจ็บปวดมากเหมือนการผ่าตัด ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุสามารถเห็นได้ชัดเจน มีความคงทนเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ ยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในขณะหลับ3. การบำบัดด้วยกล้ามเนื้อ (Myofunctional Therapy)การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอเป็นวิธีการรักษาที่เน้นไปที่การฝึกกล้ามเนื้อบริเวณลิ้น เพดานอ่อน และลำคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านี้ทำงานได้อย่างถูกต้อง มีความกระชับยิ่งขึ้น การฝึกบำบัดนี้สามารถช่วยลดการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจและลดอาการนอนกรนได้การบำบัดกล้ามเนื้อนั้นอาจรวมถึงการฝึกกล้ามเนื้อลิ้นให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ฝึกการหายใจที่ถูกต้อง การออกกำลังกายกล้ามเนื้อเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจข้อดีของการบำบัดด้วยกล้ามเนื้อ คือ เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ นอกจากนี้ การฝึกฝนสามารถทำได้เองที่บ้านหลังจากได้รับคำแนะนำจากนักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม การบำบัดกล้ามเนื้ออาจต้องใช้เวลาและความอดทนในการฝึกฝน แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพในระยะยาว รับคำปรึกษา ฟรี! 4. การลดน้ำหนักการมีน้ำหนักตัวที่เกินเกณฑ์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากไขมันสะสมบริเวณลำคออาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลง การลดน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือน้ำหนักตัวมากนอกจากการลดน้ำหนักจะช่วยลดอาการนอนกรนแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การควบคุมน้ำหนักทำได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย5. การผ่าตัด (Surgical Treatment)ในกรณีที่ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับมีความรุนแรงและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ การผ่าตัดจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงโครงสร้างของทางเดินหายใจ เช่น การตัดเนื้อเยื่อเพดานอ่อน การตัดต่อมทอนซิล ลดขนาดของโคนลิ้น เพื่อเพิ่มความกว้างของทางเดินหายใจและลดการอุดกั้นการผ่าตัดมักเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางกายภาพ เช่น มีเนื้อเยื่อเพดานอ่อนที่หย่อนคล้อยมากเกินไป มีโครงสร้างทางเดินหายใจที่แคบตั้งแต่กำเนิด อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดมีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น ๆ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น การเจ็บคอหรือการอักเสบหลังการผ่าตัด ปรับพฤติกรรมการนอน นอกจากการใช้วิธีการรักษาต่าง ๆ การปรับพฤติกรรมการนอน ก็สามารถช่วยลดอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับได้ เช่นการนอนในท่านอนตะแคง การนอนหงายอาจทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกไปขัดขวางทางเดินหายใจ การนอนในท่านอนตะแคงสามารถช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้นและลดอาการนอนกรนการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจหย่อนคล้อยลง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองในทางเดินหายใจ การเลิกบุหรี่สามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ บทสรุป ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมันสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของราคา ความสะดวกในการใช้งาน หากเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องการรักษา ยังมีทางเลือกอื่น ๆ อีกที่สามารถช่วยบรรเทาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ การบำบัดกล้ามเนื้อ แม้แต่การปรับพฤติกรรมการนอนการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคนอาจมีสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนที่แตกต่างกัน การรักษาภาวะนอนกรนไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงและทำให้ชีวิตมีความสุข สุขภาพโดยรวมดีมากขึ้น ปรึกษาปัญหากับแพทย์เฉพาะทาง!

Sleep Test มีกี่แบบ

Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน? การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep test เป็นการตรวจทดสอบเพื่อประเมินสภาพการนอนของเรา ตรวจหาปัญหาการนอนหลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยการทดสอบนี้มีหลายแบบ แบ่งตามมาตรฐานของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา (AASM) แต่ละแบบมีความซับซ้อนและวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ป่วยรูปแบบการตรวจ Sleep Testระดับที่ 1 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืนการตรวจนี้เป็นการทดสอบการนอนหลับที่ละเอียดและสมบูรณ์ที่สุด โดยมีการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตาและใต้คาง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดลมหายใจ ขณะทดสอบมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูตลอดทั้งคืน มักจะทำในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีห้องตรวจเฉพาะ การตรวจในระดับนี้มีความละเอียดและแม่นยำมาก เหมาะสำหรับคนที่มีอาการนอนหลับผิดปกติอย่างรุนแรงระดับที่ 2 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าการทดสอบในระดับนี้จะคล้ายกับระดับที่ 1 ในเรื่องความละเอียดในของการวัดข้อมูล แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน สามารถทำการตรวจที่บ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมาติดตั้งอุปกรณ์ในตอนเย็นแล้วปล่อยให้ทดสอบเองในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ข้อดี ของการทดสอบระดับที่ 2 นี้คือ ค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าการตรวจในโรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางหรือเสียเวลารอคิวตรวจเป็นเวลานานระดับที่ 3 การทดสอบแบบจำกัดข้อมูลจะมีความละเอียดน้อยกว่าระดับที่ 1 และ 2 โดยวัดเพียงข้อมูลพื้นฐาน เช่น การวัดการหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดเสียงกรน ในบางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่ซับซ้อนหรือแค่นอนกรนอย่างเดียว เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพการนอนหลับได้เต็มที่ เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง อาจไม่ได้รับข้อมูลที่แม่นยำเท่ากับการตรวจระดับที่ 1 และ 2ระดับที่ 4 การทดสอบวัดออกซิเจนในเลือดและลมหายใจเป็นการตรวจการนอนหลับที่พื้นฐานที่สุด วัดเพียงออกซิเจนในเลือดหรือลมหายใจขณะหลับ ข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจนี้มีจำกัดไม่เพียงพอในการวินิจฉัยอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างแม่นยำอ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกการตรวจที่เหมาะสม การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของปัญหาการนอนหลับของแต่ละคน สำหรับคนที่มีอาการนอนกรนธรรมดา การตรวจในระดับที่ 3 อาจเพียงพอ แต่หากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยไหม ควรพิจารณาการตรวจระดับที่ 1 หรือ 2 ที่มีความละเอียดสูงกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย การเลือกตรวจที่บ้านในระดับที่ 2 เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าทาง VitalSleep Clinic มีให้บริการการตรวจการนอนหลับทั้งระดับที่ 1 และ 2 ซึ่งสามารถทำการตรวจที่บ้านของผู้รับการตรวจได้ โดยให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ปรึกษาการตรวจการนอนหลับฟรี! ขั้นตอนการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ระดับ 1 และ 2 https://www.youtube.com/shorts/dGpk79k46ks เริ่มต้นการทดสอบจะเริ่มในช่วงหัวค่ำ ประมาณ 00 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมของผู้รับการตรวจ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับ กรอกเอกสารความยินยอม หลังจากนั้นจะอธิบายถึงการใช้อุปกรณ์และวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจการใช้ CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจรุนแรงหากพบว่าผู้รับการตรวจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรง เจ้าหน้าที่จะทำการทดลองใส่หน้ากาก CPAP เพื่อช่วยในการรักษาในคืนที่ตรวจเลย เมื่อผู้รับการทดสอบการนอนหลับพร้อมที่จะเข้านอนการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สายวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นกล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจวัดคลื่นหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการวัดลมหายใจและการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดการตรวจวัดระบบหายใจผู้รับการตรวจจะได้รับการวัดการหายใจโดยมีสายวัดติดบริเวณจมูก สายรัดที่หน้าอกและท้อง รวมถึงการวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ในบางกรณีอาจมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ตามความจำเป็นการทดสอบตลอดคืนสำหรับการตรวจระดับที่ 1 จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูในห้องควบคุมเพื่อติดตามการนอนตลอดคืน ในขณะที่การตรวจระดับที่ 2 จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้า แต่ผู้รับการตรวจจะนอนหลับอย่างต่อเนื่องตามปกติ คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตรวจสวมเสื้อผ้าที่สบายเหมือนชุดที่ใส่นอนตามปกติทุกคืนหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ตรวจหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงบ่ายในวันที่ตรวจแจ้งเจ้าหน้าที่หากคุณมีการใช้ยารักษาโรคประจำตัวหลังจากการตรวจเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรวจการนอนหลับที่บ้านกับ VitalSleep Clinic สะดวก ปลอดภัย แม่นยำหากคุณมีปัญหานอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือนอนแล้วไม่สดชื่น การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คือทางเลือกที่สะดวกและง่ายที่สุด!ไม่ต้องเดินทางอยู่ที่ไหนก็ตรวจได้ แม้คุณจะอยู่ต่างจังหวัดใช้งานง่ายอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด แค่ติดตั้งก่อนนอนผลแม่นยำวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลังรู้ผลไวพร้อมให้คำแนะนำแนวทางการรักษาที่ Vital Sleep Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำใกล้เคียงกับสภาวะการนอนหลับในชีวิตจริง นอกจากนี้เรายังมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลในทุกขั้นตอนอ่านเพิ่มเติม สรุป การตรวจการนอนหลับ Sleep Test หรือการตรวจสุขภาพการนอนหลับมีทั้งหมด 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีความซับซ้อนและวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการตรวจระดับที่ 1 และ 2 เป็นการตรวจที่ละเอียดและได้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนหลับผิดปกติรุนแรง ในขณะที่การตรวจระดับที่ 3 และ 4 เป็นการตรวจที่จำกัดข้อมูลมากกว่า เหมาะกับผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่ซับซ้อนการเลือกสถานที่ตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึง หากคุณต้องการความสะดวกสบายและต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ การเลือกทำ Sleep Test ที่บ้านเป็นทางเลือกที่ดี การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สะดวกในการเข้ารับการตรวจที่ Vital Sleep Clinic เราให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้านของคนที่อยากตรวจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและใกล้เคียงกับการนอนในชีวิตประจำวัน หากคุณสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ สามารถติดต่อเราได้ เรายินดีให้บริการและคำแนะนำที่เหมาะสมแก่คุณ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

เสี่ยงตาย! รู้ไหม นอนกรนเกิดจาก ร่างกายหายใจไม่ออก

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย อย่านิ่งนอนใจ

การนอนสะดุ้งตื่นกลางดึกแม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับ

หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนไม่พอ เราขอแนะนำตรวจ Sleep Test

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)