• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
นอนกรน ไม่ขำ อย่าปล่อยไว้ เสี่ยงตุย
อันตรายถึงชีวิต
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จากการ "นอนกรน"

นอนกรน ไม่ขำ อย่าปล่อยไว้ เสี่ยงตุย

อันตรายถึงชีวิต
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จากการ "นอนกรน"
Table of Contents

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สาเหตุหลักของอาการกรนมักเกิดจากการที่ทางเดินหายใจส่วนต้นถูกอุดกั้น ส่งผลให้ลมหายใจไม่สามารถผ่านไปยังปอดได้สะดวก เสียงกรนที่ได้ยินคือการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอที่เกิดจากลมหายใจไหลผ่านช่องแคบอย่างไม่ราบรื่น

ในบางกรณี การนอนกรนอาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA ซึ่งเป็นภาวะที่คนที่เป็นอาจหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างที่นอนหลับอยู่ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกับการนอนกรน (OSA)

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกี่ยวข้องโดยตรงกับการนอนกรน เนื่องจากการนอนกรนเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ เช่น โคนลิ้นหรือเพดานอ่อนที่หย่อนคล้อย ส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจแคบลงจนลมหายใจไม่สามารถผ่านได้สะดวก

ภาวะนี้พบได้บ่อยในคนที่มีปัญหาการนอนกรน โดยเฉพาะในคนที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้การหายใจติดขัดแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองขาดออกซิเจนในขณะหลับด้วย

คำแนะนำ: หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการนอนกรน ควรรีบเข้ารับการตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของปัญหา พร้อมรับคำแนะนำสำหรับแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ประเภทของการนอนกรน

การนอนกรนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • การนอนกรนทั่วไป
    • ไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย
    • ส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เช่น การสร้างความรำคาญหรือปัญหาในชีวิตคู่
  • การนอนกรนที่เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย (OSA)
    • เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างรุนแรง
    • ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง หัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต

ระดับความรุนแรงของการนอนกรน

การนอนกรนแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามความรุนแรง

  1. ระดับที่ 1
    • กรนไม่บ่อย เสียงเบา ไม่ส่งผลต่อสุขภาพร้ายแรง
  2. ระดับที่ 2
    • กรนบ่อยครั้ง มีโอกาสเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
    • อาจรู้สึกนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ง่วงเพลียในเวลากลางวัน
  3. ระดับที่ 3
    • กรนเป็นประจำทุกคืน เสียงดังมาก
    • เสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจรุนแรง อาจเกิดอาการสมองขาดออกซิเจน

ข้อมูลเพิ่มเติม: ความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถวัดได้จากดัชนี Apnea-Hypopnea Index (AHI) โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับน้อย (5-14 ครั้ง/ชั่วโมง), ระดับปานกลาง (15-29 ครั้ง/ชั่วโมง) และระดับรุนแรง (มากกว่า 30 ครั้ง/ชั่วโมง)

ทำไมนอนกรนต้องรักษาที่ VitalSleep Clinic?

ที่ VitalSleep Clinic เรามีแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Dental Sleep Medicine พร้อมเทคโนโลยีและการรักษาที่หลากหลาย เช่น:

การใช้อุปกรณ์ทันตกรรม (Oral Appliance)

การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า (Myofunctional Therapy)

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับวัดได้อย่างไร?

ในทางการแพทย์ เราสามารถวัดระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยค่า Apnea-Hypopnea Index (AHI) โดยแบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น

  • ระดับน้อย (Mild): 5-14 ครั้ง/ชั่วโมง
  • ระดับปานกลาง (Moderate): 15-29 ครั้ง/ชั่วโมง
  • ระดับรุนแรง (Severe): มากกว่า 30 ครั้ง/ชั่วโมง

ค่า AHI ใช้ร่วมกับการวัดระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ

การตรวจ Sleep Test สำคัญอย่างไร?

การตรวจ Sleep Test หรือการตรวจวิเคราะห์การนอนหลับ (Polysomnography) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ โดยเฉพาะการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ การตรวจ Sleep Test ช่วยให้แพทย์สามารถระบุสาเหตุและระดับความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ขั้นตอนในการตรวจ Sleep Test

การตรวจ Sleep Test จะมีการติดตั้งอุปกรณ์วัดสัญญาณทางร่างกายระหว่างที่คุณนอนหลับ เช่น

  1. วัดการทำงานของสมอง (EEG): เพื่อตรวจสอบการทำงานของสมองในระหว่างการนอนหลับ
  2. วัดการหายใจ: ตรวจดูการไหลของลมหายใจและภาวะการหยุดหายใจ
  3. วัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (EMG): เพื่อประเมินภาวะเกร็งหรือการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ
  4. วัดระดับออกซิเจนในเลือด: เพื่อตรวจว่ามีการลดลงของระดับออกซิเจนระหว่างนอนหลับหรือไม่
  5. วัดการเต้นของหัวใจ (ECG): เพื่อตรวจสอบว่าการหยุดหายใจมีผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดหรือไม่

ประโยชน์ของการตรวจ Sleep Test

  1. ช่วยวินิจฉัยความผิดปกติ: สามารถระบุได้ว่าการนอนกรนของคุณมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วยหรือไม่ และปัญหาดังกล่าวมีระดับความรุนแรงเพียงใด
  2. วางแผนการรักษา: การตรวจนี้ช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้อุปกรณ์ CPAP การรักษาด้วยอุปกรณ์ทางทันตกรรม (Oral Appliance) หรือการผ่าตัด
  3. ป้องกันโรคร้ายแรง: การตรวจ Sleep Test ช่วยป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และอาการสมองขาดออกซิเจน
  4. เพิ่มคุณภาพชีวิต: เมื่อปัญหานอนกรนและการหยุดหายใจได้รับการรักษา จะช่วยให้คุณมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น ลดความง่วงในตอนกลางวัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ผลกระทบของการละเลยการรักษาการนอนกรน

การปล่อยให้อาการนอนกรนเรื้อรังโดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น

  • การเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ความเครียดและซึมเศร้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • คุณภาพชีวิตที่ลดลงจากความเหนื่อยล้าและปัญหาสุขภาพเรื้อรัง

สรุป

การนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเสียงรบกวน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางเดินหายใจที่อาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งมีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ สมองขาดออกซิเจน และความดันโลหิตสูง อาการกรนสามารถเกิดได้จากการอุดกั้นทางเดินหายใจและแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การกรนธรรมดา และการกรนที่มีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีปัญหานอนกรน ควรเข้ารับการตรวจ Sleep Test เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม (Oral Appliance) หรือการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) การปล่อยให้อาการเรื้อรังโดยไม่รักษา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

Related Blogs and Articles
อดนอน ทุกวัน

โดยปกติเราควรนอนประมาณ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน แต่หลายคนกลับนอนน้อยกว่านั้นเพราะงาน ไลฟ์สไตล์ หรือแม้กระทั่งติดเล่นโทรศัพท์มือถือ

อุปกรณ์รักษานอนกรน

พามาเจาะลึกอุปกรณ์รักษานอนกรน จาก VitalSleep Clinic ว่ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง เพื่อให้คุณกลับมามีการนอนที่เงียบสงบ

ข้อต่อขากรรไกรมีเสียง

เคยไหม? เวลาหาว อ้าปาก หรือเคี้ยวของแข็งแล้วได้ยินเสียง “คลิก” หรือ “กรอบแกรบ” จากบริเวณขากรรไกร อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรค

วิธีทำให้นอนหลับ

หลายคนกำลังมีปัญหานอนไม่หลับ หลับยาก หรือหลับไม่ลึก ส่งผลให้ตื่นมาแล้วรู้สึกเพลีย หงุดหงิด และทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบหรือที่เรียกกันว่า Temporomandibular joint disorder (TMD) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อต่อขากรรไกร ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างขากรรไกรล่างและฐานของกระโหลกศีรษะ ภาวะนี้ทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกร ปวดกราม อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อได้ สาเหตุของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ (TMD) การเกิดข้อต่อขากรรไกรอักเสบนั้นมีหลายสาเหตุร่วมที่ส่งผล ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่อาการมักจะเกิดจากการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ อาการของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ อาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ได้แก่ วิธีรักษาข้อต่อขากรรไกรอักเสบด้วยเครื่องมือ Myosa® หนึ่งในวิธีการรักษาข้อต่อขากรรไกรที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือการใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Myosa® ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการและลดแรงกระแทกจากข้อต่อขากรรไกร รวมถึงช่วยปรับตำแหน่งของขากรรไกรให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของการรักษาด้วย Myosa® การรักษาด้วย Myosa® มีหลายข้อดีหลายข้อ ที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ การทำงานของ Myosa® เครื่องมือ Myosa® จะทำงานโดยการลดแรงกระแทกที่เกิดจากข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เมื่อใส่เครื่องมือนี้เข้าไป จะช่วยป้องกันการนอนกัดฟัน ปวดฟัน รวมถึงลดแรงกระแทกที่ข้อต่อต้องเผชิญในระหว่างการบดเคี้ยว นอกจากนี้ยังช่วยจัดขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดอาการปวดได้ทันทีหลังจากเริ่มใช้ แล้วยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว การใช้งาน Myosa® ในการรักษา เครื่องมือ Myosa® ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระหว่างการนอนหลับเป็นหลัก ในกรณีที่คนไข้มีปัญหากัดฟันหรือขากรรไกรในระหว่างวัน ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในช่วงกลางวันได้เหมือนกัน การใส่เครื่องมือ Myosa® ในระหว่างวันจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบดเคี้ยวและใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อขากรรไกรได้รับการบรรเทาและกลับมาทำงานอย่างสมดุล นอกจากนี้ Myosa® ยังเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ โดยการฝึกการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาปัญหาข้อต่อขากรรไกรและการนอนกัดฟันมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น สรุป ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ หรือ TMD เป็นภาวะที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนอนกัดฟัน ฟันไม่สบกัน หรือการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อขากรรไกร การรักษาด้วยเครื่องมือ Myosa® เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดแรงกระแทกและอาการปวดได้ดี สามารถใช้ได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนเพื่อลดอาการและป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดขากรรไกร เสียงคลิกขณะอ้าปาก มีปัญหาอาการนอนกัดฟัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

Brain stimulation technology

โปรแกรม EXOMIND เทคโนโลยีกระตุ้นสมอง ที่ช่วยให้หลับง่าย หลับลึก หลับไว คุณเคยไหม?... ที่พยายามเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม แต่ตาแข็งยันตีสอง? หรือแม้จะนอนได้แต่ตื่นมาก็ยังรู้สึกยังไม่สดชื่น เหมือนนอนไม่พอ EXOMIND อาจเป็นคำตอบใหม่สำหรับคนที่กำลังต่อสู้กับปัญหาเหล่านี้ ทำไม? การนอนหลับถึงสำคัญ หลับลึก (Deep Sleep) คืออะไร? Deep Sleep คือช่วงที่สมองของคุณพักผ่อนจริง ๆ เป็นช่วงที่ระบบซ่อมแซมร่างกายเริ่มทำงานเต็มที่ ฮอร์โมนเจริญเติบโตหลั่ง ระบบภูมิคุ้มกันรีเซ็ต และความจำระยะยาวเริ่มเก็บข้อมูล ถ้าคุณไม่มี Deep Sleep คุณจะเหนื่อยง่าย หลงลืม และรู้สึกไม่สดชื่นตลอดวัน ผลกระทบของการนอนไม่พอ ปัญหาการนอนที่คนไทยเจอกันบ่อย เรื่อง “การนอนหลับ” กลับมีคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่กำลังเผชิญกับภาวะนอนไม่มีคุณภาพแบบไม่รู้ตัว ปัญหาการนอนหลับไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ "ง่วงตอนกลางวัน" แต่ยังส่งผลลึกไปถึงสมอง หัวใจ อารมณ์ และประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตทุกด้าน โดยเฉพาะ 2 ปัญหาหลักที่พบบ่อย คือ นอนไม่หลับ และ หลับไม่ลึก นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ถ้าคุณเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หวังจะตื่นมาสดชื่นในวันพรุ่งนี้ แต่ดันนอนพลิกตัวไปมาเหมือนอยู่บนเตียง ตาแข็งจนถึงตีสอง บางคืนหลับได้ก็จริง แต่กลับตื่นขึ้นมาตอนตีสาม ตีสี่ แล้วนอนต่อไม่ได้อีกเลย อาการเหล่านี้เรียกว่า Insomnia หรือ ภาวะนอนไม่หลับ ในระยะสั้น การนอนไม่หลับอาจทำให้เราง่วง สมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวน แต่ถ้านานวันเข้าจะเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ หลับไม่ลึก รู้สึกไม่สดชื่น บางคนหลับง่ายมาก ๆ แต่ตื่นเช้ามาแล้วกลับรู้สึก “เหนื่อยกว่าเดิม” เหมือนไม่ได้นอนเลย นั่นคือสัญญาณของภาวะหลับไม่ลึก (Poor Deep Sleep) ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่คนไทยมักมองข้าม การหลับไม่ลึกคือการที่ร่างกายไม่ได้เข้าสู่ช่วง Deep Sleep ที่เป็นช่วงที่สมองหลั่งโกรทฮอร์โมน ฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ และเคลียร์สารพิษที่สะสมในสมอง EXOMIND คืออะไร? โปรแกรม EXOMIND คือเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็ก (BTL Neurostimulation) โดยใช้หลักการของการกระตุ้นสมองผ่านสนามแม่เหล็กความเข้มต่ำ เพื่อปรับวงจรการนอนให้สมดุลมากขึ้น เทคโนโลยี BTL คือการใช้คลื่นแม่เหล็กระดับต่ำ (Low-Intensity Pulsed Electromagnetic Field หรือ PEMF) ที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยกระตุ้นสมองส่วน Prefrontal Cortex ที่เกี่ยวข้องกับการนอน การผ่อนคลาย และการฟื้นฟูจิตใจ โปรแกรม EXOMIND ช่วยการนอนหลับได้อย่างไร? กระตุ้นสมองส่วนลึกเพื่อปรับวงจรการนอน EXOMIND ช่วยให้สมองปรับคลื่นให้เข้าสู่โหมดพักผ่อนโดยธรรมชาติ โดยไม่ต้องฝืน ไม่ต้องกดดันตัวเองให้นอน ช่วยให้เข้าสู่ Deep Sleep ได้ไวขึ้น คนที่เข้ารับการทำ EXOMIND อย่างต่อเนื่องจะพบว่าใช้เวลาน้อยลงในการเข้าสู่ระยะหลับลึก และตื่นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่นมากขึ้น ใครบ้าง? ควรลองโปรแกรม EXOMIND คนที่มีปัญหาการนอนที่เรื้อรัง หรือเคยลองมาหลายวิธีแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น หากกำลังสงสัยว่า "เราเหมาะกับโปรแกรมนี้ไหม?" มาดูประเภทของคนที่ควรลอง EXOMIND กัน สรุป ไม่ว่าจะเป็น "นอนไม่หลับ" หรือลงนอนแล้ว "หลับไม่ลึก" ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จบที่ความง่วงตอนเช้า แต่มันสะท้อนถึงสมดุลภายในสมอง ระบบประสาท และสุขภาพโดยรวม ซึ่งการหาแนวทางช่วยฟื้นฟูการนอนตั้งแต่รากฐาน เช่น การใช้โปรแกรม EXOMIND จึงกลายเป็นทางเลือกที่คนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น FAQs คำถามที่พบบ่อย

ทำไมการตรวจการนอนหลับ ถึงสำคัญ

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมในบางคืนเราถึงนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อย หรือบางคนอาจตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกนอนไม่พอ

หยุดหายใจขณะหลับ ระวัง

อาการที่ร่างกายหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างการนอนหลับ โดยไม่รู้ตัว ปัญหานี้เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้น

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!