• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ทำไมต้อง "ตรวจการนอนหลับ"
นอนหลับทุกวัน มาทั้งชีวิต มีอะไรผิดปกติ
ใครบ้างจำเป็นต้องตรวจ

ทำไมต้อง "ตรวจการนอนหลับ"

นอนหลับทุกวัน มาทั้งชีวิต มีอะไรผิดปกติ
ใครบ้างจำเป็นต้องตรวจ
Table of Contents

ตรวจการนอนหลับ ต้องตรวจทำไม? เคยสงสัยไหมว่า ทำไมในบางคืนเราถึงนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อย หรือบางคนอาจตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกนอนไม่พอ การตรวจการนอนหลับอาจทำให้เจอคำตอบที่กำลังหาอยู่

การตรวจการนอนหลับเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ใช้ในการวินิจฉัยปัญหาการนอนหลับ เช่น การนอนหลับไม่สนิท การนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งการที่เรานอนไม่เพียงพอหรือมีคุณภาพการนอนที่ไม่ดี อาจส่งผลทำให้สุขภาพโดยรวมของเราไม่ดี มาทำความรู้จักกันว่าการตรวจการนอนหลับทำอย่างไร และทำไมถึงสำคัญ

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) คืออะไร?

การตรวจการนอนหลับ หรือที่เรียกว่า Polysomnography (PSG) คือการตรวจแบบละเอียดที่ใช้เครื่องมือเฉพาะในการติดตามและบันทึกการทำงานของร่างกายในขณะหลับ โดยแพทย์จะนำผลที่ได้มาใช้ในการวินิจฉัยปัญหา เช่น การนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) และปัญหาการนอนอื่น ๆ การตรวจนี้จะมีการติดเครื่อง Sensor ตรวจการทำงานของสมอง การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาการนอนของเราได้อย่างถูกต้อง

ใครบ้างที่ควรทำการตรวจการนอนหลับ?

การตรวจการนอนหลับเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น

1. อาการนอนกรน อาจเป็นสัญญาณถึงปัญหาที่ร้ายแรง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

2. การตื่นบ่อย ๆ ขณะนอนหลับ ถ้าคุณตื่นบ่อยในตอนกลางคืน รู้สึกว่าหลับไม่สนิท นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีปัญหาด้านการนอน

3. รู้สึกเหนื่อยล้าแม้นอนเยอะแล้ว หากนอนครบ 7-8 ชั่วโมง แต่ตื่นมาแล้วยังรู้สึกไม่สดชื่นหรือง่วงระหว่างวัน นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาการนอน

4. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากมีคนบอกว่าคุณหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ขณะนอนหลับ อาจจะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ

ขั้นตอนการตรวจการนอนหลับมีอะไรบ้าง?

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่โรงพยาบาลจะเริ่มต้นด้วยการที่ให้คุณนอนในห้องพิเศษ และติดตั้งอุปกรณ์เพื่อตรวจจับการทำงานของร่างกายขณะหลับ หลังตรวจเสร็จแพทย์จะนำข้อมูลที่เก็บได้มาวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุของปัญหาและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ถ้าตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) กับ VitalSleep Clinic จะง่าย ประหยัดเวลา และสะดวกมากกว่า เพราะเราสามารถตรวจการนอนหลับที่บ้านได้ พอถึงวันนัดหมายที่จองคิวไว้ก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำแนะนำการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ให้ถึงที่บ้านเลย

ผลตรวจการนอนหลับ

ผลของการตรวจการนอนหลับบอกอะไรได้บ้าง?

หลังจากการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) คุณจะได้รับรายงานผลที่บอกถึงคุณภาพการนอนหลับของคุณ ข้อมูลนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ ได้ เช่น

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ผลการตรวจจะบอกว่า คุณหยุดหายใจบ่อยแค่ไหนในช่วงเวลานอนหลับ และมีความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับขนาดไหน

ระดับออกซิเจนในเลือด ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดต่ำเกินไป อาจบอกถึงปัญหาการหายใจหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้

การรักษาปัญหาการนอนหลับที่พบได้บ่อย

เมื่อทราบปัญหาของการนอนหลับแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เช่น

การใช้เครื่อง CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เครื่อง CPAP จะช่วยให้การหายใจเป็นไปอย่างปกติในขณะหลับตอนกลางคืน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การเลิกดื่มคาเฟอีนก่อนนอน การตั้งเวลาเข้านอนให้เป็นปกติ

การรักษาด้วยยา ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำการใช้ยาที่ช่วยลดอาการนอนกรนหรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ

การตรวจการนอนหลับส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณในระยะยาวอย่างไร?

การนอนหลับที่มีคุณภาพดี เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ช่วยให้เข้าใจและหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม หากปล่อยให้ปัญหาการนอนไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น

– โรคหัวใจและหลอดเลือด การนอนหลับที่ไม่ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้

– โรคเบาหวาน มีวิจัยที่บ่งชี้ว่าการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้

– ความดันโลหิตสูง การนอนหลับที่ไม่ดีสามารถทำให้ระดับความดันโลหิตเพิ่มขึ้น

การตรวจการนอนหลับควรทำตอนไหน?

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ แต่ถ้าคุณมีอาการที่เสี่ยงถึงปัญหาการนอนหลับ เช่น อาการนอนกรนหนัก มีปัญหาการหายใจในขณะหลับ รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดระหว่างวัน การเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) อาจช่วยให้คุณได้รับผลการวินิจฉัยและการรักษาได้อย่างถูกต้อง

อย่าลืมว่า สุขภาพการนอนหลับที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราอาจจะมองข้ามปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรงมของเราในระยะยาวได้

ทำไมการตรวจการนอนหลับจึงเป็นเรื่องสำคัญ?

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่มีความสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาปัญหาการนอนหลับที่เราอาจจะมองข้ามไป การที่เรามีปัญหาในการนอนหลับอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย

ดังนั้น หากคุณหรือครอบครัวคนใกล้ชิดมีปัญหาการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นอาการนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ ตื่นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อยไม่สดชื่น ง่วงนอนระหว่างวัน การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล และสามารถฟื้นฟูคุณภาพโดยรวมได้อย่างดี

ทำไมต้องตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่ VitalSleep Clinic?

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจการนอนหลับ VitalSleep Clinic คือทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ครอบคลุมและเป็นมืออาชีพ ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่นี่เข้าใจถึงความสำคัญของคุณภาพการนอนหลับ เรามีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการตรวจการนอนหลับและอุปกรณ์ตรวจเฉพาะทางอื่นๆ ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ

Q1: การตรวจการนอนหลับใช้เวลานานแค่ไหน?

การตรวจการนอนหลับทั่วไปจะใช้เวลาทั้งคืน ประมาณ 6-8 ชั่วโมง ในการเก็บข้อมูล

Q2: ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการตรวจการนอนหลับ?

ก่อนการตรวจการนอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เข้านอนหลับตามเวลาปกติของคุณ.om6d8no

Q3: การตรวจการนอนหลับมีความเสี่ยงไหม?

การตรวจการนอนหลับเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ เพียงแค่ต้องสวมใส่อุปกรณ์ติดตามระหว่างที่นอนหลับอยู่เท่านั้น

สรุป

ในปัจจุบันนี้ การนอนหลับมีความสำคัญมากกว่าที่เราคิด การเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงปัญหาการนอนของตัวเอง และหาแนวทางในการแก้ไขอย่างถูกต้องเฉพาะบุคคล ไม่ควรปล่อยให้การนอนหลับที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันของคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าการนอนหลับของคุณไม่เป็นไปอย่างที่ควร ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญได้ที่ VitalSleep Clinic การดูแลตัวเองเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการให้ความสำคัญกับคุณภาพการนอนหลับที่ดี

Related Blogs and Articles
ภาวะเด็กนอนกรน

สำหรับเด็ก เสียงกรนที่เกิดขึ้นระหว่างการหลับอาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

splint

หลายคนอาจจะมองว่าเสียงกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะพูดกันถึงวิธีการแก้ไขด้วย “เฝือกฟันแก้นอนกรน”

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

Sleep Test เพื่อการนอนหลับที่สุขภาพดี

Sleep Test ถูกที่สุด ตรวจการนอนเพื่อหาสาเหตุการนอนกรน ง่วง เพลีย หรือหยุดหายใจขณะหลับ วางแผนรักษาตรงจุด เพื่อคุณภาพการนอนและสุขภาพที่ดีขึ้น

ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอนกรน เสี่ยง โรคใหลตาย

อาการนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่สร้างความรำคาญใจให้กับคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิต

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)