“การหายใจทางปาก” คือภาวะที่เด็กไม่สามารถหายใจผ่านจมูกได้ตามปกติ จึงต้องอ้าปากเพื่อรับอากาศแทน โดยเฉพาะเวลานอน เด็กที่มีพฤติกรรมนี้มักจะ นอนอ้าปาก น้ำลายไหล เสียงกรนเบา ๆ หรือดูดกลืนอากาศขณะหลับโดยไม่รู้ตัว
การหายใจทางปากในระยะยาวจะส่งผลให้ โครงหน้าผิดรูป ฟันยื่น เพดานแคบ และมีโอกาสเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ได้
สาเหตุที่ทำให้ลูกหายใจทางปาก
สาเหตุของการหายใจทางปากมีได้หลายประการ เช่น
- จมูกอุดตัน จากภูมิแพ้ หรือต่อมอะดีนอยด์โต
- โครงสร้างใบหน้าและขากรรไกรแคบ ทำให้ทางเดินหายใจเล็ก
- พฤติกรรมตั้งแต่ทารก เช่น การดูดนมขวดแทนเต้า ซึ่งลิ้นไม่ได้ออกแรงเต็มที่
- ลิ้นติด (Tongue-tie) ทำให้ลิ้นไม่สามารถปิดเพดานได้
- นิสัยนอนอ้าปาก จากการคัดจมูกบ่อย
อันตรายจากการหายใจทางปาก
เด็กที่หายใจทางปากจะได้รับอากาศที่ไม่มีการกรองหรือปรับอุณหภูมิจากจมูก ส่งผลต่อสุขภาพหลายด้าน ได้แก่
- โครงหน้าผิดรูป (Long face syndrome) หน้ายาว จมูกแบน คางร่น
- ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันสบไม่พอดี เพราะลิ้นไม่กดเพดานอย่างถูกตำแหน่ง
- นอนหลับไม่ลึก ทำให้สมองไม่ได้พัก
- มีปัญหาสมาธิสั้น หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย
- พูดไม่ชัด เสียงขึ้นจมูก หรือเสียงแหบ
งานวิจัยจาก MDPI ศึกษาโดยใช้ fMRI พบว่าการหายใจทางปากมีผลต่อการเปิดใช้งานสมองในงานความจำ (Working Memory) แตกต่างจากการหายใจทางจมูก และเชื่อมโยงระหว่างปัญหาการนอนกับอาการสมาธิสั้นในเด็กที่หายใจทางปาก
ผลกระทบระยะยาวต่อพัฒนาการของเด็ก
ภาวะหายใจทางปากมีผลลึกถึงระดับสมองและพฤติกรรม เช่น
- สมองขาดออกซิเจนเรื้อรัง → สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย
- นอนหลับไม่ลึก → การเรียนรู้และความจำลดลง
- กล้ามเนื้อใบหน้าและปากพัฒนาไม่สมดุล → พูดไม่ชัด
- ขาดความมั่นใจทางสังคมจากรูปลักษณ์ใบหน้า
วิธีสังเกตว่าลูกหายใจทางปากหรือไม่
ลองเช็กได้ง่าย ๆ จากพฤติกรรมต่อไปนี้
- นอนอ้าปาก น้ำลายไหลขณะนอน
- ปากแห้งตอนตื่น
- เสียงกรนเบา ๆ หรือเสียงหายใจดัง
- หน้ายาว คางร่น จมูกแบน
- ฟันบนยื่นมากกว่าปกติ
- หายใจเสียงฟืดฟาดเวลานอน
หากลูกมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องเกิน 1 เดือน ควรรีบพาไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับหรือโครงสร้างใบหน้า
วิธีรักษาและแก้ไขอาการลูกที่หายใจทางปาก
| วิธีการรักษา | รายละเอียด | เหมาะกับกรณี | ผลลัพธ์ที่คาดหวัง |
|---|---|---|---|
| 1. รักษาภูมิแพ้และคัดจมูก | ใช้ยาพ่นจมูก ยาแก้แพ้ หรือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ให้หายใจโล่งขึ้น | เด็กที่มีอาการจมูกอุดตันจากภูมิแพ้ หรือต่อมอะดีนอยด์โต | หายใจผ่านจมูกได้ดีขึ้น ลดการอ้าปากขณะนอน |
| 2. Myofunctional Therapy (MFT) | การฝึกกล้ามเนื้อใบหน้า ลิ้น และปาก โดยนักบำบัดเฉพาะทาง | เด็กที่มีนิสัยการนอนอ้าปาก หรือวางลิ้นผิดตำแหน่ง | กลับมาหายใจทางจมูกได้ ลิ้นอยู่ในตำแหน่งถูกต้อง ฟันเรียงสวยขึ้น |
| 3. การขยายเพดาน (RPE/TPA) | ใช้อุปกรณ์ทันตกรรมช่วยขยายเพดานปากให้กว้างขึ้น | เด็กที่มีโครงหน้าแคบ หรือฟันซ้อนเก | ทางเดินอากาศกว้างขึ้น ลดการกรน การหายใจทางปาก |
| 4. การตัดพังผืดใต้ลิ้น (Tongue-tie Release) | ผ่าตัดเล็กเพื่อปลดพังผืดใต้ลิ้นที่รั้งการเคลื่อนไหว | เด็กที่มีภาวะลิ้นติด | ลิ้นเคลื่อนไหวอิสระขึ้น ช่วยให้หายใจทางจมูกได้ดี |
| 5. การฝึกหายใจทางจมูกที่บ้าน | ฝึกให้ลูกหายใจเข้า-ออกทางจมูกช้า ๆ ทุกวัน วันละ 10 นาที | เด็กที่เริ่มฟื้นพฤติกรรมหายใจทางจมูก | กล้ามเนื้อทางเดินหายใจแข็งแรงขึ้น |
| 6. การปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอน | ใช้เครื่องทำความชื้น กำจัดฝุ่น ปรับอุณหภูมิไม่ให้แห้งเกินไป | เด็กที่มีปัญหาคัดจมูกตอนกลางคืน | จมูกโล่งขึ้น ลดอาการกรนและการหายใจทางปาก |
| 7. การติดตามผลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ | ตรวจการนอน (Sleep Test) เพื่อประเมินการหยุดหายใจและผลลัพธ์ของการรักษา | เด็กที่มีภาวะกรน หรือสงสัยหยุดหายใจขณะนอน | วางแผนการรักษาได้แม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น |
สรุป
แม้ “ลูกหายใจทางปาก” จะดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่แท้จริงแล้วเป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่า ระบบทางเดินหายใจหรือโครงสร้างใบหน้ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต การนอนหลับ และพัฒนาการด้านสมองของเด็กได้โดยไม่รู้ตัว
ข่าวดีคือ ภาวะนี้ สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ การประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ ทันตกรรม และนักบำบัดกล้ามเนื้อช่องปาก จะช่วยให้ทราบต้นเหตุที่แท้จริง ว่าลูกหายใจทางปากเพราะอะไร?
FAQs คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาลูกหายใจทางปาก
- ลูกหายใจทางปากเป็นเรื่องปกติไหม?
ไม่ปกติ เป็นสัญญาณของปัญหาทางเดินหายใจหรือโครงสร้างช่องปาก
- ลูกหายใจทางปากต้องรีบพบแพทย์ไหม?
ควรรีบพบ หากมีอาการต่อเนื่องเกิน 1 เดือน โดยเฉพาะถ้ามีเสียงกรนหรือหยุดหายใจขณะนอน - ถ้าลูกยังเล็กจะรักษาได้ไหม?
ได้ การรักษาตั้งแต่อายุน้อยจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพราะโครงสร้างใบหน้ายังพัฒนาได้ - เด็กที่หายใจทางปากจะหายเองได้ไหม?
ส่วนใหญ่ไม่หายเอง ต้องได้รับการประเมินและฝึกหายใจอย่างถูกวิธี - Myofunctional Therapy ต้องทำบ่อยไหม?
โดยทั่วไปควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และฝึกต่อเนื่องที่บ้าน - การหายใจทางปากเกี่ยวข้องกับการนอนกรนไหม?
เกี่ยวข้องโดยตรง เด็กที่หายใจทางปากมักมีภาวะกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย


