Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ใส่เฝือกฟัน แก้นอนกรน
ทางเลือกที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ

ใส่เฝือกฟัน แก้นอนกรน

ทางเลือกที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ
Table of Contents

หากใครจะคิดว่าแค่การกรนระหว่างนอนหลับจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าที่คิด? หลายคนอาจจะมองว่าเสียงกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะพูดกันถึงวิธีการแก้ไขด้วย “เฝือกฟันแก้นอนกรน” ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยลดเสียงกรน แต่ยังช่วยฟื้นฟูสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้นได้ด้วย

อาการนอนกรน ปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองข้าม

เสียงนอนกรนไม่เพียงสร้างความรำคาญให้กับคนใกล้ตัว แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น

  1. อาการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) เกิดจากทางเดินหายใจที่แคบลงจนเกิดการอุดกั้นชั่วคราว ทำให้คุณตื่นบ่อยในตอนกลางดึก
  2. คุณภาพการนอนหลับลดลง อาการกรนทำให้นอนหลับไม่ลึก ตื่นมาแล้วรู้สึกเพลีย ง่วงระหว่างวัน
  3. ผลกระทบต่อจิตใจ การพักผ่อนไม่เพียงพออาจนำไปสู่ความเครียดและภาวะซึมเศร้า

สาเหตุหลักของอาการนอนกรน

เสียงกรนมาจากอะไร? ส่วนใหญ่เกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อในทางเดินหายใจที่แคบลง ซึ่งมีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด เช่น

  • อายุที่เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณลำคอเริ่มหย่อนคล้อย
  • โรคอ้วนหรือไขมันส่วนเกิน มากดทับทางเดินหายใจ
  • ลักษณะโครงสร้างร่างกาย เช่น เพดานปากหนา ลิ้นไก่ยาว

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการค้นหาสาเหตุและวางแผนการรักษา

วิธีการทำงานของเฝือกฟันสำหรับแก้อาการนอนกรน

เฝือกฟันที่ใช้ในการรักษาอาการนอนกรน ทำงานด้วยการปรับตำแหน่งของขากรรไกรและฟัน ให้เหมาะสมระหว่างการนอนหลับ จะช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น ลดการอุดกั้นที่เกิดจากเนื้อเยื่อในลำคอที่สั่นเมื่อหายใจ ลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิธีการทำงานดังนี้:

  1. การยืดขากรรไกร

การใส่เฝือกฟันจะช่วยดันขากรรไกรล่างให้ไปข้างหน้าหรือขึ้นด้านบนเล็กน้อยในขณะที่สวมใส่ ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนเปิดกว้างขึ้น ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอและทางเดินหายใจในตอนกลางคืน ป้องกันการเกิดการอุดกั้นที่เป็นสาเหตุสำคัญของอาการกรน

  1. การลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอ

การปรับขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยให้อากาศผ่านช่องทางเดินหายใจเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่สะดุด ซึ่งการที่เนื้อเยื่อในลำคอไม่สั่นสะเทือนจะช่วยลดเสียงกรนที่เกิดขึ้นได้

  1. ช่วยลดอาการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)

นอกจากจะช่วยลดเสียงกรนได้แล้ว การใส่เฝือกฟันยังสามารถช่วยบรรเทาอาการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ในระดับน้อยจนถึงปานกลางได้ โดยการทำให้ช่องทางเดินหายใจไม่ถูกอุดกั้น จึงช่วยลดการขาดออกซิเจนในระหว่างการนอนหลับ

  1. เสริมสร้างการหายใจที่ดีขึ้น

การปรับขากรรไกรและฟันจะช่วยให้การหายใจในระหว่างการนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น การที่ทางเดินหายใจเปิดกว้างและไม่มีการอุดกั้น ให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ทำให้การนอนหลับยาวนานขึ้นและมีคุณภาพที่ดีขึ้น

  1. ความสะดวกในการใช้งาน

เฝือกฟันถูกออกแบบให้มีขนาดพอดีกับปากของแต่ละคน ใส่และถอดได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อใช้งาน สะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการลดอาการกรนโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจขนาดใหญ่หรือวิธีการที่มีความซับซ้อน

ประเภทของเฝือกฟันที่ใช้ในการรักษานอนกรน

เฝือกฟันมีให้เลือกที่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. เฝือกฟันสำเร็จรูป (Stock Oral Appliance)
    • ราคาไม่แพง
    • ใช้ได้ทันที แต่อาจจะไม่ได้พอดีกับปาก 100%
  2. เฝือกฟันเฉพาะบุคคล (Custom-made Oral Appliance)
    • ทำขึ้นจากแบบพิมพ์ฟันของแต่ละคน
    • สวมใส่สบายและมีประสิทธิภาพสูงกว่า
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะยาว
ใส่เฝือกฟัน แก้นอนกรน ทางเลือกที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการใส่เฝือกฟันแก้นอนกรน

ทำไม? เฝือกฟันถึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการแก้อาการนอนกรน

  1. สะดวกต่อการพกพา เฝือกฟันมีขนาดเล็ก ใช้งานง่ายกว่าการพกเครื่อง CPAP
  2. ไม่มีเสียงรบกวน ต่างจากเครื่องช่วยหายใจ CPAP ที่มีเสียงขณะใช้งาน
  3. ราคาเข้าถึงได้ แม้เฝือกฟันเฉพาะบุคคลจะมีราคาสูงกว่า แต่ก็ยังคุ้มค่าในระยะยาว

ใครบ้าง? ที่ควรใช้เฝือกฟันสำหรับแก้อาการนอนกรน

ใครเหมาะสำหรับใส่เฝือกฟัน

  • คนที่มีอาการกรนระดับน้อยถึงปานกลาง
  • คนที่ไม่สะดวกใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP
  • คนที่มีปัญหาการนอนกัดฟัน (Bruxism) ร่วมด้วย

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าเฝือกฟันเหมาะกับตัวเองไหม ลองเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ VitalSleep Clinic

ขั้นตอนการปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใส่เฝือกฟัน

การปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้เฝือกฟันเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะช่วยให้การรักษาอาการนอนกรนได้ผลดีและปลอดภัย ช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ขั้นตอนการปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใส่เฝือกฟัน มีดังนี้

1. การประเมินอาการและประวัติการนอนหลับ

ขั้นตอนแรกในการปรึกษา คือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการนอนกรนและประวัติการนอนหลับของคุณ เช่น ความถี่และความรุนแรงของอาการกรน, การตื่นกลางดึก, ความรู้สึกอ่อนเพลียในตอนเช้า, และหากมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) หรือไม่

แพทย์จะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือการใช้ยาต่าง ๆ ที่อาจมีผลต่อการนอนหลับ เพื่อประเมินได้ว่าเฝือกฟันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

2. การตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test)

หากแพทย์เห็นว่าคุณอาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับหรืออาการกรนมีความรุนแรง อาจแนะนำให้ทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ก่อน โดยการตรวจนี้จะช่วยให้ทราบว่าอาการกรนของคุณเกิดจากสาเหตุอะไรและมีผลกระทบต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) สามารถทำได้ที่บ้าน จะช่วยให้การวางแผนการรักษามีความแม่นยำยิ่งขึ้น

3. การเลือกและออกแบบเฝือกฟันที่เหมาะสม

เมื่อได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้ว แพทย์จะช่วยคุณเลือกเฝือกฟัน ที่เหมาะสมกับปัญหาการนอนกรนและช่องปากของคุณ เฝือกฟันที่ใช้จะมีการออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล เช่น การยืดขากรรไกร หรือการเปิดทางเดินหายใจที่ถูกต้อง

4. การปรับตัวและการติดตามผล

หลังจากการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการเลือกเฝือกฟันที่เหมาะสมแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการติดตั้งเฝือกฟันในช่องปากของคุณ แพทย์จะทำการปรับแต่งใส่เฝือกฟันให้พอดีกับขากรรไกรและฟันของคุณเพื่อให้มีการปรับตำแหน่งที่ถูกต้องและจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการใส่เฝือกฟันในช่วงแรก เช่น วิธีการใช้และวิธีการดูแลรักษา ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามผลลัพธ์ในการใส่เฝือกฟัน เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาได้ผลตามแผนการรักษา

5. การติดตามผลหลังการรักษา

หลังจากที่เริ่มใส่เฝือกฟัน ก็จะนัดหมายให้เข้ามาตรวจและติดตามผลการรักษา บางครั้งอาจมีการปรับเฝือกฟันเพื่อให้มีประสิทธิภาพขึ้น ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอนหลับหรือรู้สึกไม่สบายในขณะใส่เฝือกฟัน ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยปรับแต่งหรือตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานได้ตามที่ควร

วิธีการเลือกใส่เฝือกฟันที่เหมาะสม

สิ่งที่ควรคำนึงถึงการเลือกใส่เฝือกฟัน คือ

  • เลือกวัสดุคุณภาพสูง เพื่อความปลอดภัยและความทนทานกับการใช้งาน
  • ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้เฝือกฟันที่เหมาะสมมากที่สุด
  • รับบริการจากสถานที่เชื่อถือได้ เช่น VitalSleep Clinic ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการวางแผนการรักษา

การปรับตัวเมื่อเริ่มใส่เฝือกฟัน

ช่วงแรกที่ใส่เฝือกฟัน อาจมีความรู้สึกไม่ชิน เช่น มีน้ำลายเยอะหรือปวดเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป

เคล็ดลับ

  • ใส่เฝือกฟันวันละ 1-2 ชั่วโมงในช่วงแรก
  • ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด

การดูแลรักษาเฝือกฟันเพื่อความยั่งยืน

การดูแลเฝือกฟันอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

  • ล้างด้วยน้ำอุ่นหลังใช้ทุกครั้ง เพื่อขจัดเศษอาหารหรือคราบพลัคที่อาจติดอยู่
  • หลีกเลี่ยงน้ำร้อนและสารเคมีรุนแรง
  • เก็บในกล่องที่สะอาดเพื่อป้องกันแบคทีเรีย

การเปรียบเทียบเฝือกฟันกับวิธีการรักษาอื่น

การรักษา ข้อดี ข้อเสีย
เฝือกฟัน พกพาสะดวก ราคาย่อมเยา ไม่เหมาะกับอาการนอนกรนรุนแรง
เครื่องช่วยหายใจ CPAP ประสิทธิภาพสูงสำหรับกรนรุนแรง ขนาดใหญ่ มีเสียงรบกวน
การผ่าตัด แก้ปัญหาได้ถาวร มีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง

ผลการวิจัยที่สนับสนุนการใช้เฝือกฟันแก้นอนกรน

งานวิจัยชิ้นยืนยันว่า เฝือกฟันมีประสิทธิภาพในการช่วยลดอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับในผู้ที่มีอาการระดับน้อยถึงปานกลาง เช่น

  • งานวิจัยในปี 2022 จาก American Academy of Dental Sleep Medicine พบว่าผู้ใช้อุปกรณ์เฝือกฟันกว่า 85% มีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นภายใน 1 เดือนแรก
  • การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นปี 2021 ชี้ว่าเฝือกฟันช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีปัญหาหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ

ผลการวิจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การใส่เฝือกฟันไม่เพียงแต่ช่วยลดเสียงกรนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เช่น การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

สรุป

การแก้ปัญหาอาการนอนกรนในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีให้เลือก ตั้งแต่การใช้ ฟัน ยาง กัดฟัน ราคาประหยัด เป็นทางเลือกการใช้งานที่สะดวก ไปจนถึงการใช้เครื่องช่วยหายใจนอนกรน ราคาสูงที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารุนแรง เครื่องช่วยหายใจ แก้กรน ราคาสูงที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดอาการอุดกั้นทางเดินหายใจโดยเฉพาะ ทั้งนี้ การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมควรพิจารณาจากความรุนแรงของอาการและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว

หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหาอาการกรนที่สะดวก ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ “เฝือกฟัน” คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด นอกจากจะช่วยลดเสียงกรนแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเริ่มต้นปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ VitalSleep Clinic จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง พร้อมอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคุณ เพราะสุขภาพการนอนที่ดีเริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่การดูแลที่ใส่ใจ

 

Related Blogs and Articles
นอนกรนเกิดจากอะไร เช็คด่วน ใครเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับบ้าง

นอนกรนเกิดจากอะไร? เกิดจากการหายใจผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบลงขณะนอนหลับ จากการอุดกั้นของกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในช่องปาก ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณคอ เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ และทอนซิล สั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงกรนในขณะที่นอนหลับอยู่ ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจแคบลง ได้แก่ ระดับความรุนแรงของการนอนกรน อาการนอนกรนสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงของอาการและผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก: ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ? ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากในกลุ่มต่อไปนี้ อันตรายจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic กุญแจสู่การนอนหลับที่ดีขึ้น ข้อดีของการตรวจการนอนหลับกับ VitalSleep Clinic อ่านเพิ่มเติม: วิธีการรักษาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ จาก VitalSleep Clinic ได้แก่ สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) เป็นภาวะที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ที่ VitalSleep Clinic เรามีแนวทางการรักษาที่ทันสมัยและหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ลดอาการนอนกรน เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ และลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

World Sleep Day 2025

World Sleep Day หรือ วันนอนหลับโลก เกิดขึ้นภายใต้สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (World Association of Sleep Medicine: WASM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพ และตระหนักรู้ถึงความอันตรายของปัญหาการนอนหลับ เป็นการสื่อสารไปสู่ผู้คนในวงกว้างด้วยความพยายามที่จะป้องกันและบรรเทาปัญหาการนอนของคนทั้งโลก และรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการหลับที่มีคุณภาพ ถูกจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 หลังจากนั้นมีการจัดกิจกรรมขึ้นเป็นประจำทุกปี ขณะนี้มีประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม วันนอนหลับโลก แล้วมากกว่า 67 ประเทศทั่วโลก เปิดสถิติ คนไทยประสบปัญหาการนอนหนัก การนอนหลับ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดของการฟื้นฟูร่างกาย แท้จริงแล้ว การนอนหลับไม่ใช่เพียงแค่เป็นการพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น มนุษย์ใช้เวลามากถึง 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน เพื่อเติมพลังให้ชีวิตสามารถใช้ชีวิตอีก 2 ใน 3 ที่เหลือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากของชีวิตมนุษย์ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่การนอนหลับที่มีคุณภาพ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนไทยมากมึง 19 ล้านคน กำลังประสบปัญหาการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนอนหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ ตื่นกลางดึกบ่อยเพื่อเข้าห้องน้ำ นอนกรน หรือรุนแรงถึงหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบปัญหาเหล่านี้ได้ในคนอายุน้อยลงมากขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพ เป็นอย่างไร การนอนหลับที่มีคุณภาพ หรือ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงในการนอนหลับเพียงอย่างเดียว ความลึกของการนอนหลับกับเวลาเข้านอนที่เหมาะสมก็มีความสำคัญอย่างมาก หากหลับลึกไม่พอ หรือความผิดปกติระหว่างการนอนบางอย่าง อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอนในช่วงเช้า (Unrested Sleep) อาจส่งผลกระทบกับระบบความจำ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ กระทบการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน โดยทั่วไป ระยะเวลาที่เหมาะสมในการนอนแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สามารถอ้างอิงเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ล่วงวัยได้ ดังนี้ เด็กแรกเกิด (อายุ 0-3 เดือน) = 14-17 ชั่วโมงต่อวัน เด็กทารก (อายุ 4-11 เดือน) = 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เด็กเล็ก (อายุ 1-2 ปี) = 11-14 ชั่วโมงต่อวัน วัยอนุบาล (3-5 ปี) = 10-13 ชั่วโมงต่อวัน วัยประถม (6-13 ปี) = 9-11 ชั่วโมงต่อวัน วัยมัธยม (14-17 ปี) = 8-10 ชั่วโมงต่อวัน วัยรุ่น (18-25 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยทำงาน (26-64 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) = 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เช็คลิสต์ อาการนอนหลับผิดปกติ ตื่นมาปัสสาวะบ่อยกลางดึก (Nocturnal Urination)อาจเป็นการตอบสนองของร่างกาย เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้นหลังเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Bradycardia-tachycardia) เลือดไปเลี้ยงที่ไตเพิ่มขึ้น มีผลทำให้มีน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นขณะนอนหลับ ในขณะเดียวกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำให้นอนหลับไม่ค่อยลึก จึงทำให้สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกปวดปัสสาวะได้ง่ายมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness)เป็นความผิดปกติที่ต้องรีบหาสาเหตุและรักษา อาจะส่งผลอันตรายในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ในขณะปฏิบัติงาน และอาจนำไปสู่โรคเกี่ยวกับการนอนอื่น ๆ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ ไหลตาย Insomnia หรือ Narcolepsy และอื่นๆขาขยุกขยิก (Restless Legs)เป็นอาการที่ทำให้ต้องขยับขาไปมา เพราะรู้สึกมีความผิดปกติที่บริเวณขา จึงต้องขยับบ่อย ๆ เพื่อทำให้ความรู้สึกผิดปกติที่ขาลดลง อาการนี้มักพบได้ในช่วงเวลาค่ำ อาจพบในรายที่มีอาการโลหิตจาง (Iron deficiency) ในช่วงขณะตั้งครรภ์ (pregnancy) คนไข้โรคไตวาย (chronic renal failure) และโรคอื่น ๆปวดศีรษะหลังเพิ่งตื่นนอนตอนเช้า (Morning Headache)อาจเป็นผลมาจากที่ขณะนอนหลับไม่สามารถขับถ่าย Carbon Dioxide ออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม มีผลทำให้เส้นเลือดแดงในสมองขยายตัวจาก Respiratory Acidosis จึงทำให้รู้สึกปวดศีรษะ และอาการนี้จะรุ้สึกได้มากในช่วงเวลาเช้าหลังเพิ่งตื่นนอนนอนกรน (Snoring)มีเสียงหายใจดังมาก หรือ เสียงกรนดังขณะนอนหลับ ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพของตนเอง และอาจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วย เป็นอาการอันตราย ต้องรีบหาสาเหตุและรักษาอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะมีผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว เช่น Cardiovascular Problems Metabolic Syndrome ความจำเสื่อม ความดันสูง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอื่น ๆหยุดหายใจในขณะนอนหลับ (Sleep Apnea)เป็นอาการผิดปกติของการนอนกลับที่อันตรายรุนแรง อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ โรคหยุดหายใจขณะหลับอาจสังเกตได้อย่างหากไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น สำลักขณะนอนหลับ (Waking up Choking) ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างกะทันหันเพื่อหายใจ (Waking up Gasping) Cognitive Dysfunctionsนอนไม่เพียงพอหรือมีปัญหาเรื่องการนอนหลับอาจมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมอง รวมทั้งความทรงจำทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การนอนหลับ ตรวจคุณภาพได้ Sleep Test (Polysomnography) หรือ การตรวจคุณภาพการนอนหลับ คือ การตรวจวัดคลื่นสมอง ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจระหว่างการนอนหลับ นอกจากนั้นยังตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการเคลื่อนไหวร่างกายบางส่วน เพื่อตรวจดูคุณภาพการนอนหลับ ค้นหาความผิดปกติของการนอน หรือ โรคที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนบางอย่าง อาการนอนกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรค สมองเสื่อม...

นอนกัดฟันรักษาได้ รวมวิธีแก้ “นอนกัดฟัน ปวดฟัน” อาการกัดฟันไม่รู้ตัว

ในบางครั้งคนที่นอนกัดฟันเองก็อาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดอาการปวดฟัน ปวดกราม หรือมีคนรอบข้างสังเกตเห็นเสียงกัดฟันในเวลานอนตอนกลางคืน นอนกัดฟันรักษาได้!

splint

หลายคนอาจจะมองว่าเสียงกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะพูดกันถึงวิธีการแก้ไขด้วย “เฝือกฟันแก้นอนกรน”

สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย อย่านิ่งนอนใจ

การนอนสะดุ้งตื่นกลางดึกแม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับ

7 วิธีรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจ

วิธีรักษานอนกรนที่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาวิธีที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เพื่อจะได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นในทุก ๆ เช้า อาการนอนกรนที่เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นปัญหากับคนที่อยู่รอบตัวคุณแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวของคุณเองอีกด้วย ลองมาดู 7 วิธี ที่สามารถช่วยลดอาการนอนกรนได้โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก ทั้ง 7 วิธีที่แนะนำนี้เป็นเพียงวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น แต่หากคุณทำตามแล้วยังมีอาการนอนกรนอยู่ หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจการนอนหลับ Sleep Test และรับการรักษาอย่างถูกวิธี สัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่ควรสังเกต หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ ควรรีบเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อทำการวินิจฉัยและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นอันตรายที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว การรักษาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่ VitalSleep Clinic เรามีวิธีการรักษาอาการนอนกรนโดยไม่ต้องผ่าตัดที่ได้ผลดี 4 วิธี ได้แก่ เป็นนวัตกรรมการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและทางเดินหายใจให้แข็งแรง เป็นวิธีที่แพทย์แนะนำเพราะช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้ อ่านเพิ่มเติม: เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้นในขณะที่นอนหลับ โดยจะช่วยดันขากรรไกรล่างไปข้างหน้าเล็กน้อย ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการลดอาการนอนกรน อ่านเพิ่มเติม: และที่ VitalSleep Clinic คุณมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ เพราะผลิตจากห้องแล็บที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Dental Sleep Medicine จะสำหรับคนที่มีอาการกรนจากการหย่อนของกล้ามเนื้อบริเวณโคนลิ้นหรือเยื่อบุจมูก ทำให้ลมหายใจไหลเวียนได้สะดวกขึ้น โดยการรักษานี้จะต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น อ่านเพิ่มเติม: เครื่องช่วยหายใจนี้ ป้องกันทางเดินหายใจไม่ให้ปิดกั้นในขณะนอนหลับ ทำให้คุณรับออกซิเจนได้อย่างเพียงพอ และเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับอย่างรุนแรง อ่านเพิ่มเติม: อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เดินทางบ่อยหรือไม่สะดวกในการพกพาเครื่อง CPAP แพทย์อาจแนะนำการใช้เครื่องมือทันตกรรมแทนเพื่อความสะดวกกับคนไข้ สรุป วิธีลดอาการนอนกรนและแนวทางรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่แนะนำโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนัก, หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่, นอนหลับให้เพียงพอ, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ เลี่ยงยาที่ทำให้กล้ามเนื้อลำคอหย่อนตัว หากอาการยังคงอยู่ ควรเข้ารับการตรวจและรักษาโดยแพทย์ เช่น การใช้เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance), เครื่องช่วยหายใจ CPAP, การทำ Myofunctional Therapy หรือ การใช้คลื่นวิทยุ RF ซึ่งช่วยแก้ไขต้นเหตุของอาการ ที่ VitalSleep Clinic ยังมีเทคโนโลยีทันสมัยและแพทย์เฉพาะทางที่สามารถให้คำแนะนำและรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว

อาการเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

เครื่อง BiPAP คืออะไร BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอนกรน เสี่ยง โรคใหลตาย ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

อาการนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่สร้างความรำคาญใจให้กับคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิต

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)