• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
นอนกรน
หยุดหายใจขณะหลับ
โรคร้ายที่อาจพรากชีวิตโดยไม่รู้ตัว

นอนกรน

หยุดหายใจขณะหลับ
โรคร้ายที่อาจพรากชีวิตโดยไม่รู้ตัว
Table of Contents

นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยไม่รู้ตัว หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการ นอนกรนร่วมกับหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) มันไม่ใช่แค่เรื่องของเสียงรบกวนระหว่างหลับเท่านั้น แต่เป็นโรคร้ายที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตอย่างเงียบ ๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

ภาวะนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร?

นอนกรนเกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอ อากาศที่ผ่านช่องทางเดินหายใจที่ตีบแคบในระหว่างหลับ อาจเกิดจากเพดานอ่อน โคนลิ้น หรือกล้ามเนื้อคอที่หย่อนคล้อยมาขวางลม การหายใจอาจหยุดลงชั่วขณะ และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตลอดคืน เรียกว่า “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น” ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง สมองและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว

| บทความที่เกี่ยวข้อง นอนกรนเกิดจากอะไร? ใครเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ?

นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ ทำไมถึงอันตราย?

การหยุดหายใจซ้ำตลอดทั้งคืน จาก The University of Queensland บอกว่า ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นระยะ ส่งผลเสียร้ายแรงหลายด้าน เช่น

– ทำให้นอนหลับไม่เต็มที่ ตื่นกลางดึก และรู้สึกไม่สดชื่นแม้จะนอนนาน

– เพิ่มความเสี่ยงของ โรคร้ายแทรกซ้อน เช่น

  • หัวใจล้มเหลว (เสี่ยงมากขึ้นถึง 140%)
  • หลอดเลือดสมองตีบ (เสี่ยงเพิ่ม 30%)
  • โรคหลอดเลือดหัวใจ (เพิ่มความเสี่ยง 60%)
  • เบาหวานชนิดที่ 2 (เพิ่มความเสี่ยง 6 เท่า)
  • ภาวะซึมเศร้า (พบในผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ2%)
  • สมองเสื่อม (ความจำเสื่อมเร็วจากขาดออกซิเจนในสมอง)

ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดได้กับทุกคน แต่มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้บางคนมีแนวโน้มมากกว่าคนอื่น เช่น

  1. น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

ไขมันรอบคออาจกดทับทางเดินหายใจ ขัดขวางการหายใจขณะหลับ (น้ำหนักขึ้นเพียง 10% เพิ่มความเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับถึง 32%)

  1. อายุที่มากขึ้น

อายุมากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อในลำคอและใบหน้าหย่อนตัว เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจ

  1. เพศชาย

มีแนวโน้มหยุดหายใจขณะหลับ มากกว่าเพศหญิงถึง 5-6 เท่า เนื่องจากโครงสร้างทางกายภาพและฮอร์โมนที่แตกต่างกัน

  1. โครงสร้างใบหน้าผิดปกติ

คนที่มีคางเล็ก คางถอย หรือคางสั้น มีพื้นที่ช่องคอน้อยลง เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจได้มากขึ้น

  1. โรคประจำตัว

คนที่เป็นเบาหวาน ความดัน หลอดเลือดหัวใจ หรือสมองเสื่อม มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเผชิญภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?

อาการที่พบบ่อยและควรสังเกต ได้แก่

  • นอนกรนเสียงดังเป็นประจำ
  • หายใจติดขัดหรือหยุดหายใจขณะหลับ (สังเกตได้จากคนข้าง ๆ)
  • ตื่นกลางดึกบ่อย มีอาการหายใจแรงหรือสะดุ้ง
  • ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน
  • ปวดหัวตอนเช้า ไม่สดชื่นแม้นอนนาน
  • หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน หรือมีปัญหาความจำ

อย่ารอให้อันตรายมาเยือนโดยไม่รู้ตัว

การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรงในอนาคต โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา

การเข้ารับ การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีที่แม่นยำและปลอดภัยในการวินิจฉัยโรคนี้ และถ้าพบว่ามีปัญหา ก็สามารถเริ่มรักษาได้อย่างตรงจุดตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่อง CPAP, Oral Appliance, การฝึกหายใจหรือปรับพฤติกรรมการนอน และการบำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ

สรุป

“นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ” ไม่ใช่แค่ปัญหาเสียงน่ารำคาญตอนกลางคืน แต่คือภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพโดยรวมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ สมอง หรือคุณภาพชีวิต การใส่ใจและรับการวินิจฉัยตั้งแต่ต้น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยรักษาชีวิตและอนาคตของคุณไว้

Related Blogs and Articles
นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ นอนนานแค่ไหนก็ยังไม่สดชื่น? แถมตื่นมาแล้วยังปวดหัวอีก? ปัญหาแบบนี้พบได้บ่อยและอาจมากกว่าการนอนไม่พอ บางครั้งอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ หรือความผิดปกติอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องรับการตรวจ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหลังตื่นนอน การตื่นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือการนอนกรนรุนแรง ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงระหว่างหลับภาวะขาดน้ำ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมอง อาจทำให้คุณปวดหัวในช่วงเช้าได้สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม หมอนที่ไม่พอดี แสงหรือเสียงรบกวน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ อาจทำให้คุณปวดหัวในตอนเช้าได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีผลต่อวงจรการนอนหลับ อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหรือปวดหัวในตอนตื่นไมเกรน โดยเฉพาะในคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาจมีอาการกำเริบในช่วงเช้า ทำไมการนอนไม่พอถึงทำให้ปวดหัวได้? อาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ "การนอนไม่พอ" ก็เป็นตัวการสำคัญที่หลายคนมองข้ามบทความที่เกี่ยวข้อง : สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่ 1. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สมองจะปรับสมดุลสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่ช่วยลดความไวของระบบประสาทต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อนอนน้อย ระดับสารเหล่านี้จะเสียสมดุล 2. เพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด การอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้อาจไปทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง 3. กล้ามเนื้อตึงและการกดทับของเส้นประสาท ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะ "ตึงเครียด" ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และศีรษะที่ไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลให้เส้นประสาทในบริเวณศีรษะถูกกดทับจนเกิดอาการปวดศีรษะตอนตื่นนอนได้ 4. การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ช่วงเวลานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต แต่หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนเลือดในสมองจะลดลงหรือไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว มึนศีรษะ หรือปวดหัวหลังตื่นนอนได้ 5. เชื่อมโยงกับโรคไมเกรน มีงานวิจัยจาก Susan Bernstein พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจรุนแรงและยาวนานมากากขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่ “นอนไม่พอเฉย ๆ” ทั้งที่จริงแล้วกำลังเข้าสู่วงจรของไมเกรนเรื้อรัง​ อยากรู้ว่านอนพอไหม? ตรวจการนอนหลับด้วย Belun Ring ได้ที่ VitalSleep Clinic https://www.youtube.com/shorts/yF3sZhOaXGg หากคุณมักตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเช็กคุณภาพการนอนของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น การตรวจการนอนหลับจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่า “เรานอนพอจริงไหม?” และ “ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า?” สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย https://www.youtube.com/shorts/VHwrvaJPK08 โปรแกรม mHBOT (Mild Hyperbaric Oxygen Therapy) คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนสู่สมอง ฟื้นฟูระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึก และลดอาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอหลับลึก หลับสนิทขึ้นลดการตื่นกลางดึกฟื้นฟูระบบสมอง ลดอาการปวดหัวที่เรื้อรังจากการนอนเพิ่มพลังระหว่างวัน ตื่นมาสดชื่น สมองโล่งกว่าเดิม ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! ผลเสียจากการนอนไม่พอที่คุณอาจคาดไม่ถึง การนอนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น:สมาธิลดลง ตัดสินใจช้าอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่ายอยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงอ้วนเพิ่มโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ? ผู้ใหญ่ ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมงวัยรุ่น ควรนอน 8–10 ชั่วโมงเด็กเล็ก–ทารก อาจต้องการนอนมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวันนอกจากปริมาณแล้ว “คุณภาพของการนอน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ก็อาจยังรู้สึกง่วงเพลียและปวดหัวในตอนเช้าได้

การรักษานอนกรน ด้วยเครื่องCPAP

ปัญหาอาการนอนกรนเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนจำนวนมาก โดยบางคนอาจมองว่าอาการนอนกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องให้ความสนใจมากนัก แต่ในความเป็นจริงภาวะนอนกรนนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวนเวลานอนหลับเท่านั้น มันยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ภาวะการนอนกรนมักเกี่ยวข้องกับปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) อาจทำให้เกิดอาการหยุดหายใจชั่วขณะในระหว่างการนอนหลับ ภาวะนี้ส่งผลต่อการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต แม้แต่ความเสี่ยงในการเสียชีวิตเฉียบพลันในปัจจุบัน วิธีการรักษาภาวะนอนกรนมีอยู่หลายวิธี หนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือการใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) โดยเครื่อง CPAP นี้ทำหน้าที่ส่งแรงดันลมเข้าไปเปิดทางเดินหายใจในขณะหลับ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจได้อย่างราบรื่น แต่หลายคนอาจพบปัญหาว่าเครื่อง CPAP นั้นมีราคาที่สูง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงความยุ่งยากในการใช้งานที่อาจทำให้รู้สึกไม่สะดวก แล้วจะทำอย่างไร หากการรักษาด้วยเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไป บทความนี้จะแนะนำวิธีการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับในทางเลือกอื่น ๆ ที่สามารถทดแทนเครื่อง CPAP ได้ นอนกรนเกิดขึ้นได้อย่างไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจถูกอุดกั้นบางส่วนในขณะหลับ เมื่อเรานอนหลับ กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกายจะคลายตัวลง รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณคอ เพดานอ่อน และโคนลิ้น เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนคล้อยลง อาจไปขัดขวางทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ซึ่งทำให้เกิดเสียงกรนขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรนคืออายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้เกิดการหย่อนคล้อยและปิดกั้นการหายใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ภาวะนอนกรนยังสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! ทำไมการนอนกรนจึงควรรักษา? แม้ว่าการนอนกรนอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การอานอนกรนที่เกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับถือว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง การหยุดหายใจขณะหลับทำให้ร่างกายและสมองขาดออกซิเจนในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้คุณภาพการนอนหลับลดลง ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าในระหว่างวัน รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคสมองเสื่อมนอกจากนี้ การขาดออกซิเจนยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองโดยตรง ทำให้การประมวลผลข้อมูล การคิดวิเคราะห์ และความจำเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาด้านความจำและสมาธิ รวมถึงมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นและอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ นอนกรนต้องการปรึกษา ฟรี! เครื่อง CPAP ช่วยรักษาภาวะนอนกรนอย่างไร? เครื่อง CPAP เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ โดยหลักการทำงานของเครื่องคือการส่งแรงดันลมเข้าไปในทางเดินหายใจเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถหายใจได้สะดวกในขณะหลับ เครื่อง CPAP มักใช้ร่วมกับหน้ากากที่สวมใส่บริเวณจมูกหรือปากเพื่อส่งแรงดันลมเข้าสู่ร่างกายแม้ว่าเครื่อง CPAP จะมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาภาวะนอนกรน แต่เครื่องนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาที่สูง ค่าเครื่อง CPAP บางรุ่นอาจมีราคาสูงถึงหลักแสนบาท เครื่องก็ยังมีขนาดใหญ่ ต้องใช้ไฟฟ้า อาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกอึดอัดหรือไม่สะดวกสบายในขณะหลับ การรักษานอนกรนแบบไม่ต้องพึ่ง CPAP หากเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไปและไม่สะดวกในการใช้งาน ยังมีวิธีการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับในทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน ดังนี้1. อุปกรณ์ทางทันตกรรม (Oral Appliance)อุปกรณ์ทางทันตกรรมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ในปากในระหว่างการนอนหลับ โดยมีลักษณะคล้ายกับเครื่องครอบฟัน อุปกรณ์นี้ช่วยขยับกรามหรือโคนลิ้นไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นขณะหลับข้อดีของอุปกรณ์ทางทันตกรรม คือ มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ อุปกรณ์ยังถูกออกแบบเฉพาะบุคคลตามขนาดช่องปากของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้งานได้ง่ายและไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อเทียบกับเครื่อง CPAP อุปกรณ์ทางทันตกรรมยังเป็นวิธีการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าและสะดวกสบายกว่าการใช้เครื่อง CPAP2. การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF)การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ การรักษานี้ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการทำให้เนื้อเยื่อบริเวณโคนลิ้น เพดานอ่อน และเนื้อเยื่อในลำคอหดตัวแล้วก็กระชับขึ้น ลดการหย่อนคล้อยที่อาจปิดกั้นทางเดินหายใจวิธีการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เวลานาน เพียงครั้งละประมาณ 15 นาที ไม่เจ็บปวดมากเหมือนการผ่าตัด ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุสามารถเห็นได้ชัดเจน มีความคงทนเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ ยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในขณะหลับ3. การบำบัดด้วยกล้ามเนื้อ (Myofunctional Therapy)การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอเป็นวิธีการรักษาที่เน้นไปที่การฝึกกล้ามเนื้อบริเวณลิ้น เพดานอ่อน และลำคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านี้ทำงานได้อย่างถูกต้อง มีความกระชับยิ่งขึ้น การฝึกบำบัดนี้สามารถช่วยลดการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจและลดอาการนอนกรนได้การบำบัดกล้ามเนื้อนั้นอาจรวมถึงการฝึกกล้ามเนื้อลิ้นให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ฝึกการหายใจที่ถูกต้อง การออกกำลังกายกล้ามเนื้อเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจข้อดีของการบำบัดด้วยกล้ามเนื้อ คือ เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ นอกจากนี้ การฝึกฝนสามารถทำได้เองที่บ้านหลังจากได้รับคำแนะนำจากนักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม การบำบัดกล้ามเนื้ออาจต้องใช้เวลาและความอดทนในการฝึกฝน แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพในระยะยาว รับคำปรึกษา ฟรี! 4. การลดน้ำหนักการมีน้ำหนักตัวที่เกินเกณฑ์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากไขมันสะสมบริเวณลำคออาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลง การลดน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือน้ำหนักตัวมากนอกจากการลดน้ำหนักจะช่วยลดอาการนอนกรนแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การควบคุมน้ำหนักทำได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย5. การผ่าตัด (Surgical Treatment)ในกรณีที่ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับมีความรุนแรงและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ การผ่าตัดจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงโครงสร้างของทางเดินหายใจ เช่น การตัดเนื้อเยื่อเพดานอ่อน การตัดต่อมทอนซิล ลดขนาดของโคนลิ้น เพื่อเพิ่มความกว้างของทางเดินหายใจและลดการอุดกั้นการผ่าตัดมักเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางกายภาพ เช่น มีเนื้อเยื่อเพดานอ่อนที่หย่อนคล้อยมากเกินไป มีโครงสร้างทางเดินหายใจที่แคบตั้งแต่กำเนิด อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดมีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น ๆ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น การเจ็บคอหรือการอักเสบหลังการผ่าตัด ปรับพฤติกรรมการนอน นอกจากการใช้วิธีการรักษาต่าง ๆ การปรับพฤติกรรมการนอน ก็สามารถช่วยลดอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับได้ เช่นการนอนในท่านอนตะแคง การนอนหงายอาจทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกไปขัดขวางทางเดินหายใจ การนอนในท่านอนตะแคงสามารถช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้นและลดอาการนอนกรนการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจหย่อนคล้อยลง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองในทางเดินหายใจ การเลิกบุหรี่สามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ บทสรุป ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมันสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของราคา ความสะดวกในการใช้งาน หากเครื่อง CPAP มีราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องการรักษา ยังมีทางเลือกอื่น ๆ อีกที่สามารถช่วยบรรเทาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ การบำบัดกล้ามเนื้อ แม้แต่การปรับพฤติกรรมการนอนการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคนอาจมีสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนที่แตกต่างกัน การรักษาภาวะนอนกรนไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงและทำให้ชีวิตมีความสุข สุขภาพโดยรวมดีมากขึ้น ปรึกษาปัญหากับแพทย์เฉพาะทาง!

รวม 6 วิธีรักษานอนกรน

ในปัจจุบันมีวิธีแก้อาการนอนกรนที่หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เราขอแนะนำ 6 แนวทางรักษานอนกรนแบบไม่ผ่าตัดที่ได้ผลดี

หลับๆ ตื่นๆ นอนไม่พอ

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

อดนอน ทุกวัน

โดยปกติเราควรนอนประมาณ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน แต่หลายคนกลับนอนน้อยกว่านั้นเพราะงาน ไลฟ์สไตล์ หรือแม้กระทั่งติดเล่นโทรศัพท์มือถือ

3 วิธีแก้ปัญหานอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

หากจะพูดถึงของขวัญที่ดีที่สุด คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง” โดยเฉพาะคุณภาพการนอนหลับที่ดี

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

Sex เสื่อมเพราะนอนกรน

Sex เสื่อมเพราะนอนกรน หลายคนอาจเคยเจอกับปัญหาคู่รักนอนกรน มักจะถูกมองข้าม เพราะหลายคนคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่น่ามีผลกระทบที่สำคัญต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการนอนกรนสามารถเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และสามารถส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศได้ การหาวิธีรักษาการนอนกรนจึงไม่ใช่แค่เพื่อคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยรักษาความสัมพันธ์และสุขภาพทางเพศของคู่รักได้อีกด้วย การนอนกรนในผู้ชายและผู้หญิง หลายคนอาจเข้าใจว่าผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีอาการนอนกรนที่มากกว่าผู้หญิง แต่งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เหมือนผู้ชายเช่นเดียวกัน จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sleep Medicine ในปี 2008 ที่ศึกษาการนอนกรนในประชากรวัยทำงานของประเทศสวีเดน พบว่า 24.5% ของผู้หญิงมีอาการนอนกรน มีอัตราที่ใกล้เคียงกับผู้ชาย ที่มีอัตราการนอนกรนอยู่ที่ 30.3% อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้การนอนกรนแตกต่างกันไป อาจเกี่ยวข้องกับลักษณะทางร่างกาย ฮอร์โมน และการใช้ชีวิต ​การนอนกรนมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศหรือไม่?​ มีงานวิจัย Erectile dysfunction in patient with obstructive sleep apnea ที่ว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางเพศ โดยเฉพาะภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ในผู้ชาย การหยุดหายใจขณะหลับอาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง การผลิตไนตริกออกไซด์ลดลง การไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณอวัยวะเพศบกพร่อง ผลมาจากการขาดออกซิเจนระหว่างการนอนหลับ นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าและง่วงนอนในระหว่างวัน ซึ่งทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงไม่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบถึงเพศหญิงได้เช่นกัน​ สาเหตุของการนอนกรน การนอนกรนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้วิธีการรักษาอาการนอนกรนในผู้ชายและผู้หญิงอาจแตกต่างกันไปหลายปัจจัย ได้แก่ วิธีแก้ปัญหานอนกรนด้วยตนเอง แม้ว่าจะไม่มีวิธีที่สามารถรักษาอาการนอนกรนได้ด้วยตัวเองแบบรับประกัน 100% ว่าจะหายนอนกรนได้ แต่ก็มีวิธีการปรับเปลี่ยนวิธีการชีวิตที่สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการนอนกรนได้ วิธีการรักษานอนกรนที่ VitalSleep Clinic มีวิธีการรักษาทั้งแบบไม่ต้องผ่าตัดและการผ่าตัด โดยวิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่ การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) การใช้เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) การใช้คลื่นความถี่ความถี่สูง (Radiofrequency) และการใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก (CPAP) สำหรับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่รุนแรงมาก การผ่าตัดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อขยายทางเดินหายใจ การผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular advancement, MMA) เคลื่อนขากรรไกรไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจ สิ่งสำคัญคือต้องรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละคน เพราะการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณในระยะยาว การได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณและคนที่คุณรักสามารถนอนหลับได้ดี สรุป การนอนกรนไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กน้อยที่รบกวนการนอนหลับของคุณหรือคู่รักเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย สมรรถภาพทางเพศ และสุขภาพจิตได้ด้วย อาการนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่าที่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)