• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ก้าวแรกสู่การนอนที่ดี
การตรวจการนอนหลับ
ง่ายกว่าที่คิด

ก้าวแรกสู่การนอนที่ดี

การตรวจการนอนหลับ
ง่ายกว่าที่คิด
Table of Contents

การตรวจการนอนหลับ คือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจคุณภาพการนอนของตัวเองได้ลึกขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพส่งผลโดยตรงต่อร่างกายและสมอง ทั้งความสดชื่น ระบบภูมิคุ้มกัน และการลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน

การตรวจการนอนหลับ ช่วยให้เห็นถึงปัญหาการนอนที่อาจซ่อนอยู่ เช่น กรน เสียงหายใจสะดุด หยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือการตื่นกลางดึก ปัจจุบันการตรวจการนอนหลับสามารถตรวจได้ที่บ้านด้วยอุปกรณ์ที่แม่นยำ ผลที่ได้ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรม หรือการเทคโนโลยีรักษาการนอนกรนที่ทันสมัย เพียงก้าวเล็ก ๆ นี้ ก็ช่วยให้คุณนอนหลับสบายขึ้น สุขภาพดี และมีพลังในทุก ๆ วัน

ทำไมการนอนหลับที่ดีถึงสำคัญ ?

การนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ใช่แค่เรื่องการพักผ่อน แต่เป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพทั้งร่างกายและสมอง การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ การนอนดีช่วยให้ สมองทำงานเต็มประสิทธิภาพ ลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ

ด้านสุขภาพนอนเพียงพอ (7–9 ชม.)นอนน้อย (<6 ชม.)
สมอง ความคิดสมาธิดี ความจำดีสมาธิลดลง ความจำสั้นลง
ระบบหัวใจหลอดเลือดความดันปกติ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจความดันสูง เสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต้านเชื้อโรคได้ดีภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อง่าย
น้ำหนัก / เมตาบอลิซึมควบคุมน้ำหนักได้ดีน้ำหนักเพิ่มง่าย เสี่ยงเบาหวาน
อารมณ์ / ความเครียดอารมณ์ดี เครียดน้อยอารมณ์แปรปรวน เครียดสูง
ฟื้นฟูร่างกายร่างกายซ่อมแซมดีร่างกายฟื้นตัวช้า

การตรวจการนอนหลับคืออะไร ?

Sleep Test คือการตรวจคุณภาพการนอนหลับโดยวัดหลายปัจจัยพร้อมกัน เช่น คลื่นสมอง ระดับออกซิเจน การเต้นของหัวใจ การหายใจ การเคลื่อนไหวของดวงตาและร่างกาย เพื่อหาความผิดปกติของการนอน เช่น นอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงได้

ที่ VitalSleep Clinic มีบริการตรวจที่บ้าน เพื่อให้ได้ผลใกล้เคียงกับการนอนจริงมากที่สุด การตรวจนี้ถือเป็น มาตรฐานสูงสุด (Gold Standard) ในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ

สัญญาณเตือนว่าคุณควรตรวจการนอนหลับ

  1. กรนเสียงดังหรือหยุดหายใจขณะหลับ
    การกรนเป็นเรื่องปกติสำหรับบางคน แต่ถ้าเสียงกรนดังมาก หรือมีช่วงหยุดหายใจสั้นๆ ระหว่างนอน นั่นอาจเป็นสัญญาณของ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งอาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  2. ตื่นกลางดึกหลายครั้ง หรือตื่นมาไม่สดชื่น
    การตื่นบ่อยในตอนกลางคืนทำให้คุณภาพการนอนลดลง ร่างกายและสมองไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ แม้จะนอนครบชั่วโมงที่แนะนำ ก็อาจรู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนล้าในวันถัดไป
  3. ง่วงระหว่างวันบ่อย หรือสมาธิลดลง
    นี่คือสัญญาณว่าการนอนหลับไม่ต่อเนื่อง การง่วงนอนระหว่างวันอาจส่งผลต่อการทำงาน การเรียน หรือความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากนี้ยังบ่งบอกว่าร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่ขณะหลับ
  4. ปวดหัวตอนเช้า หรือมีความดันโลหิตสูง
    ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(OSA) ทำให้สมองและร่างกายขาดออกซิเจนชั่วคราว การตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวหรือมีความดันโลหิตสูงอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรตรวจการนอนหลับ
  5. เหนื่อยง่ายแม้พักผ่อนเพียงพอ
    ถ้าคุณนอนครบ 7–8 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังรู้สึกอ่อนล้า นั่นอาจหมายถึงคุณภาพการนอนไม่ดี การตรวจการนอนหลับสามารถช่วยวิเคราะห์ว่าเกิดจากการหยุดหายใจ การกรน หรือปัจจัยอื่นที่ทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่

สัญญาณเหล่านี้แม้ดูเล็กน้อย แต่หากเกิดขึ้นบ่อย อาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งควรได้รับการตรวจเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว

การตรวจการนอนหลับ

การตรวจนอนหลับที่ VitalSleep Clinic สะดวกสบาย ตรวจง่ายที่บ้าน

ที่ VitalSleep Clinic เรามีบริการ Home Sleep Test ที่ช่วยให้คุณตรวจคุณภาพการนอนหลับได้ง่าย ๆ ผู้เชี่ยวชาญจะเตรียมอุปกรณ์และสอนการใช้งานให้ครบถ้วน จากนั้นคุณสามารถนอนหลับตามปกติที่บ้านของตัวเอง เพื่อให้ผลการตรวจสะท้อนพฤติกรรมการนอนจริงอย่างใกล้เคียงที่สุด

ตรวจการนอนหลับ ก้าวเล็กๆ ที่คุณทำได้วันนี้ที่ VitalSleep Clinic

การตรวจการนอนหลับไม่จำเป็นต้องยากหรือซับซ้อน เพียงเริ่มก้าวเล็ก ๆ ด้วยกาตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic คุณจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้และการตรวจที่เหมาะกับสภาพร่างกายและไลฟ์สไตล์ของคุณ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำแนะนำ ตั้งแต่การตรวจเบื้องต้น การติดตามผล ไปจนถึงแนวทางการรักษาและปรับพฤติกรรมการนอน

สรุป

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการดูแลสุขภาพ เพราะช่วยค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่จากสัญญาณเตือนเล็กๆ เช่น การนอนกรน ง่วงผิดปกติ หรือปวดหัวตอนเช้า ผลการตรวจจะบอกได้ว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หรือปัญหาอื่นๆ ที่กระทบการนอนหรือไม่ การเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้วางแผนการรักษาได้ตรงจุด เพียงก้าวเล็กๆ นี้ อาจเปลี่ยนคุณภาพการนอนและสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ (Faqs)

1. ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนตรวจ ?

ควรนอนหลับตามเวลาปกติ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ

2. ผลตรวจใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะทราบ ?

หลังตรวจประมาณ 1–2 สัปดาห์ แพทย์จะวิเคราะห์ผลและให้คำแนะนำการรักษา

3. การตรวจการนอนหลับเหมาะกับใคร ?

เหมาะกับทุกคนที่อยากปรับปรุงคุณภาพการนอน โดยเฉพาะผู้ที่กรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายแม้พักผ่อนเพียงพอ

4. ผลตรวจการนอนหลับสามารถฟังผลกับทาง VitalSleep อย่างไรได้บ้าง?

ผลตรวจการนอนหลับสามารถฟังผลได้ทั้งกับแพทย์ที่คลินิกหรือผ่าน Telemedicine ตามความสะดวก

Related Blogs and Articles
อาการวูบหมดสติ อาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา

เคยไหมที่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด เหมือนโลกหมุน หูอื้อ อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่

คุณหมอเคลียร์ข้อสงสัย “สาเหตุ อันตราย วิธีรักษาการนอนกรน

สาเหตุ อันตราย และวิธีการรักษาการนอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับ โดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่หลายคนประสบ โดยเฉพาะผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีภาวะดังกล่าว วันนี้เราจะพูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับสาเหตุ อันตราย และวิธีการรักษาการนอนกรน รวมถึงโรคหยุดหายใจขณะหลับ มาฟังกันเลยค่ะ ซีมง: ทำไมบางคนถึงมีอาการกรนแต่บางคนกลับไม่มีอาการกรนคะ?​ คุณหมอ: การกรนมี 2 แบบ สาเหตุของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซีมง: ค่ะคุณหมอ…สรุปแล้ว โรคหยุดหายใจขณะหลับอันตรายยังไงบ้างคะ? คุณหมอ: อันตรายของภาวะหยุดหายใจขณะหลับนะคะ ก็ลองนึกสภาพนะคะว่า แค่ซีมงทำงานหนักๆ หรือว่างานเยอะ นอนตี 3 ตี 4 แล้วต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า ก็จะรู้สึกไม่เฟรชเนอะ เพลียๆ ตื้อๆ ทั้งวัน ง่วงทั้งวัน ซีมง: เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นอยู่ (เสียงหัวเราะ) คุณหมอ: อ้าวจริงเหรอ (เสียงหัวเราะ) ก็คือการนอนหลับนะคะ เป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิต มันเหมือนการ Recharge ถ้าเรานอนไม่ได้ เหมือนเราไม่ได้ Recharge พลังงานชีวิตเราจะลดลง ทีนี้พอคนไข้หายใจเข้าไม่ได้ เหมือนเราไม่มีออกซิเจน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หัวใจจะทำงานหนัก สัญญาณแรกๆที่โผล่มาก็คือ ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจได้ อีกเรื่องนึงคือ เราจะตื่นมาไม่สดชื่น ก็จะเกิดอาการ “Daytime Sleepiness” ก็คือง่วงหงาวหาวนอนตลอดทั้งวันเลย ซีมง: เอาละค่ะ… วันนี้เราก็ได้รู้สาเหตุและอันตรายของการกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับไปแล้วนะคะ คุณหมอมีอะไรจะทิ้งท้ายกับคนที่ดูอยู่ไหมคะ คุณหมอ: ก่อนจบวันนี้นะคะ ขอฝากไว้ว่า ใครมีคนใกล้ชิดที่มีอาการนอนกรนเสียงดัง แล้วก็มีอาการหยุดหายใจไปแล้ว “เฮือกกก” กลับมาแบบนี้ ให้สันนิษฐานว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็พามาเลย ที่ Vital Sleep Clinic นะคะ ซีมง: ค่ะ วันนี้เราก็ได้ความรู้ไปมากมาย ใครที่สนใจอยากรู้วิธีรักษาการนอนกรนเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามชมได้ใน EP ต่อไปเลยค่ะ ก็ทราบกันไปแล้วนะคะว่า สาเหตุของการนอนกรนมาจากไหน อาการหยุดหายใจขณะหลับมีลักษณะยังไง ถ้าอยากรู้ว่าคุณหมอจะมีวิธีแก้นอนกรนยังไง สามารถติดตามต่อได้ใน EP ต่อไปนะคะ อันตรายของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การหยุดหายใจขณะหลับส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม เพราะในระหว่างที่หายใจไม่ได้ ร่างกายจะขาดออกซิเจน ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และผลที่ตามมาก็คือ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นกระบวนการที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ พลังงานชีวิตจะลดลง ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเรื่อย ๆ วิธีการรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะ โดยที่ VitalSleep Clinic มีการรักษาแบบครบวงจร ทั้งการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด พร้อมด้วยการบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ เช่น Myofunctional Therapy และจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยลดการกรน เช่น Myosa® นอกจากนี้ ทีมแพทย์ที่ VitalSleep Clinic เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองจากสถาบันนานาชาติ มีประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับกล้ามเนื้อใบหน้าและการรักษาภาวะนอนกรน จึงมั่นใจได้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด สรุป การนอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับมีทั้งแบบที่ไม่อันตรายและแบบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจ ซึ่งส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ หากคุณพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาและคำแนะนำที่เหมาะสม

นอนกัดฟัน

Bruxism เป็นภาวะที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมี เพราะเกิดขึ้นตอนนอนหลับ หรือบางคนอาจเกิดขณะตื่นในช่วงที่กำลังเครียด

เด็กเล็ก นอนกรน

เด็กเล็ก นอนกรน เป็นประจำ อาจไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่คิด เพราะอาการนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาการหายใจที่ส่งผลต่อหัวใจและสุขภาพโดยรวม

หลับๆ ตื่นๆ นอนไม่พอ

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

หยุดหายใจขณะหลับ ภัยร้าย

การหายใจของเราที่หยุดลงชั่วคราวระหว่างการนอนหลับ โดยอาจกินเวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงเป็นนาที และเกิดซ้ำหลายครั้งต่อคืน

BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!