• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ตรวจนอนกรน ดีอย่างไร
ประโยชน์ที่มากกว่าการแก้เสียงกรน

ตรวจนอนกรน ดีอย่างไร

ประโยชน์ที่มากกว่าการแก้เสียงกรน
Table of Contents

ตรวจนอนกรน เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังอาจมองข้าม แต่ความจริงแล้ว การกรนบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งจากงานวิจัย American Heart Association พบว่า ผู้ป่วยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ในระดับรุนแรง  หากไม่ได้รับการรักษา จะมีความเสี่ยงหัวใจวาย (cardiovascular death) เพิ่มขึ้น มากกว่า 2 เท่าส่งผลร้ายต่อสุขภาพหัวใจ สมอง และคุณภาพชีวิต การเข้ารับ การตรวจนอนกรน จึงไม่ใช่เพียงการหาคำตอบเรื่องเสียงกรน แต่คือการตรวจเช็กสุขภาพการนอนอย่างรอบด้าน ที่ส่งผลต่อร่างกาย

ตรวจนอนกรนคืออะไร ทำอย่างไร ?

การตรวจนอนกรน (Sleep Test) คือการวิเคราะห์คุณภาพการนอนด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง ที่ช่วยบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับออกซิเจน จังหวะการหายใจ การกรน การเต้นหัวใจ และคลื่นสมอง แพทย์จะเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น การตรวจในห้องปฏิบัติการ ที่ละเอียดครบถ้วน หรือ การตรวจที่บ้าน ที่สะดวกและแม่นยำ ผลที่ได้ช่วยวินิจฉัยปัญหานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพื่อวางแผนการรักษาได้ตรงจุด

ประโยชน์ของการตรวจนอนกรน

  1. รู้สาเหตุที่แท้จริง การตรวจนอนกรนจะทำให้ทราบว่าเสียงกรนมาจากทางเดินหายใจตีบแคบ ภาวะอ้วน การโครงสร้างใบหน้า หรือโรคอื่น ๆ
  2. ตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับที่อาจขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว และเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต
  3. ประเมินความเสี่ยงโรคร่วม ในการนอนกรนมักจะมีความเสี่ยงในโรคร้ายตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง
  4. นำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม หลังจากตรวจนอนกรน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะจะวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล กับปัญการนอนกรนที่เกิดมากที่สุด

ตรวจพบปัญหาก่อน แก้ได้ตรงจุด

เมื่อผ่านการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ VitalSleep Clinic จะออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้เครื่องมือ หรือการแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด ที่เลือกการรักษาที่เหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละบุคคล ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้การรักษา นอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) มีทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เพื่อชีวิตที่ดี มีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น หลับลึกขึ้น และตื่นมาพร้อมพลังงานเต็มที่ในทุก ๆ วัน

ตรวจนอนกรน

ตรวจนอนกรน ประโยชน์ที่มากกว่าการแก้เสียงกรน

การตรวจนอนกรน ไม่เพียงแต่จะช่วยลดเสียงรบกวนขณะนอนหลับเท่านั้น แต่การตรวจนอนกรน ยังช่วย

  • นอนหลับสนิทขึ้น ลดการสะดุ้งตื่นกลางดึก
  • ลดความเสี่ยงโรคร้ายแรง เช่น หัวใจล้มเหลว ความดันสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
  • เพิ่มสมาธิและพลังงานในชีวิตประจำวัน ไม่ง่วงกลางวันง่าย
  • สุขภาพจิตและความสัมพันธ์ดีขึ้น คู่ครองหรือคนรอบข้างได้นอนหลับเต็มที่
  • คุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น เพราะได้ทั้งการนอนที่มีคุณภาพและสุขภาพที่แข็งแรง

การนอนดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น ลดนอนกรนเพิ่ม เพิ่มคุณภาพการนอนเพื่อสุขภาพที่ดี

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจนอนกรน ?

  • คนที่กรนเสียงดังหรือกรนทุกคืน
  • คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ(OSA) หรือสะดุ้งตื่น
  • คนที่ง่วงนอนตอนกลางวันง่ายผิดปกติ แม้ได้นอนเต็มเวลา
  • คนที่มี โรคความดันสูง เบาหวาน หรือโรคหัวใจ
  • เด็กที่มีอาการนอนกรน หายใจติดขัด หรือทอนซิลโต

สรุป

การตรวจนอนกรน ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่คือการตรวจสุขภาพการนอนอย่างลึกซึ้ง เพื่อค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่และป้องกันโรคในอนาคต ที่ VitalSleep Clinic เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีครบวงจร พร้อมดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจ วินิจฉัย จนถึงการรักษาอย่างตรงจุด

เพราะ “การกรน” อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม การตรวจนอนกรนจึงคือ การลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว แลพเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตรวจนอนกรน (Faqs)

1. ตรวจนอนกรนต่างจากตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างไร?

ตรวจสุขภาพทั่วไปไม่บอกคุณภาพการนอนหรือภาวะหยุดหายใจได้ แต่การตรวจนอนกรนเจาะลึกด้านการหายใจและการนอนโดยเฉพาะ

2. เด็กตรวจนอนกรนได้ไหม?

ได้ เด็กที่กรน หายใจติดขัด หรือทอนซิลโต ควรตรวจเพราะอาจกระทบต่อพัฒนาการและโครงหน้าในอนาคต

3. ถ้าไม่ตรวจนอนกรนจะเป็นอย่างไร?

เสี่ยงโรคหัวใจ ความดันสูง เบาหวาน และคุณภาพการนอนที่ลดลง โดยไม่รู้ตัว

4. หลังตรวจนอนกรน ต้องรักษานอนกรนทุกคนไหม?

ไม่จำเป็น ขึ้นกับความรุนแรง หากกรนเล็กน้อยอาจปรับพฤติกรรม แต่ถ้ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) จึงต้องรักษาเพิ่มเติม เพื่อคุณภาพการนอนที่ดี และสุขภาพที่ดี

5. ควรตรวจหน่อยกรนบ่อยแค่ไหน?

ถ้าผลการนอนหลับปกติ ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำ แต่หากมีภาวะนอนกรนรุนแรงมากขึ้น น้ำหนักเปลี่ยน หรือมีโรคร้ายร่วมด้วย ควรตรวจใหม่ตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

Related Blogs and Articles
sudden death silent danger

นอนกรน ใครจะคิดว่า “เสียงกรน” ที่ดูเหมือนเรื่องธรรมดา อาจกลายเป็นภัยเงียบที่พรากชีวิตคนที่คุณรักไปอย่างไม่รู้ตัว “ใหลตาย” (Sudden Unexpected Nocturnal Death Syndrome หรือ SUNDS) คือหนึ่งในภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในอาการนอนกรน โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (OSA) เข้าใจ “ใหลตาย” ภัยเงียบที่พรากชีวิตในยามหลับ “ใหลตาย” คือภาวะเสียชีวิตอย่างกะทันหันในขณะนอนหลับ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดภายหลังชันสูตร มักเกิดในคนที่ดูเหมือนสุขภาพแข็งแรงดี ในกลุ่มชายวัยหนุ่มสาวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์สาเหตุของอาการใหลตายยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่มีจุดร่วมสำคัญคือ “การนอนกรน” งานวิจัยที่มีความเชื่อมโยง “ใหลตาย” งานวิจัยในประเทศไทยโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าในกลุ่มผู้ป่วยใหลตายที่รอดชีวิต มีสัดส่วนมากถึง 80% ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ​ในประเทศฟิลิปปินส์ มีวิจัยจาก PubMed รายงานว่าชายหนุ่มวัยทำงานเสียชีวิตจากอาการใหลตาย จำนวนมากมีประวัติ “นอนกรนเสียงดัง” และ “หายใจติดขัดกลางดึก”​การศึกษาจาก JACC Journals ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ก็พบว่า OSA เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจอย่างเฉียบพลัน รวมถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงในขณะหลับ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กรนเสียงดังหยุดหายใจเงียบ ๆ ชั่วครู่ แล้วเฮือกสะดุ้งตื่นกลางดึก หายใจไม่ทันตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่นง่วงตอนกลางวัน สมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวนปวดหัวตอนเช้า ความดันสูง เบาหวานหรือโรคหัวใจ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี! https://www.youtube.com/shorts/VQlGzDh6-_Q ทำไมภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ถึงเสี่ยงต่อ “ใหลตาย”? ออกซิเจนต่ำซ้ำซากการหยุดหายใจหลายครั้งต่อคืน ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลต่อหัวใจและสมองอย่างรุนแรงหัวใจเต้นผิดจังหวะภาวะ OSA เพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบventricular fibrillation ที่อาจนำไปสู่หัวใจหยุดเต้นในขณะหลับกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติภาวะออกซิเจนต่ำกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติก ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจผันผวนอย่างรุนแรงสมองขาดออกซิเจนการขาดออกซิเจนในสมองซ้ำซาก อาจทำให้เกิดการชักหรือสูญเสียการควบคุมระบบสำคัญในร่างกาย แนวทางการรักษาอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพื่อป้องกัน “ใหลตาย” การรักษาที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงใหลตายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยแนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก1. การรักษาแบบไม่ใช้เครื่องมือปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก งดแอลกอฮอล์ งดยานอนหลับ นอนตะแคงฝึกการหายใจ และกล้ามเนื้อในช่องปาก (Myofunctional Therapy) ช่วยกระชับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ2. การรักษาด้วยอุปกรณ์CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก ที่ถือเป็นมาตรฐานทองในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับOral Appliance (เครื่องมือทันตกรรม) ช่วยดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้า เปิดทางเดินหายใจ เหมาะกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง3. การรักษาแบบผ่าตัดและหัตถการผ่าตัดช่องทางเดินหายใจ เช่น ตัดต่อมทอนซิล ผ่าตัดเพดานอ่อนผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)รักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency)เลเซอร์ หรือร้อยไหมยกเพดานอ่อน สำหรับกรณีมีอาการนอนกรนที่ไม่ซับซ้อนอย่าปล่อยให้ “กรน” กลายเป็นคำบอกลาสุดท้ายเสียงกรนอาจไม่ใช่แค่เรื่องกวนใจของคนข้างเตียง แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น น้ำหนักเกิน มีคอหนา เป็นเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงการตรวจ Sleep Test คือกุญแจสำคัญ ในการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และวางแผนรักษาได้อย่างแม่นยำ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

snoring test

ตรวจการนอนกรน ราคาเหมาะสม คุ้มค่าในการดูแลสุขภาพ ช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอน ลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน เข้าใจร่างกายอย่างแท้จริง

แก้นอนกรน ด้วย myofunctional therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

นอนกรนเรื้อรัง

นอนกรนรักษามาตั้งหลายวิธีก็ไม่เห็นผล สุดท้ายก็ยังนอนกรนเสียงดังอยู่ดี ต้องรักษาด้วยวิธีไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มาหาคำตอบวิธีการรักษา

สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย

การนอนสะดุ้งตื่นกลางดึกแม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับ

splint

หลายคนอาจจะมองว่าเสียงกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะพูดกันถึงวิธีการแก้ไขด้วย “เฝือกฟันแก้นอนกรน”

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ นอนนานแค่ไหนก็ยังไม่สดชื่น? แถมตื่นมาแล้วยังปวดหัวอีก? ปัญหาแบบนี้พบได้บ่อยและอาจมากกว่าการนอนไม่พอ บางครั้งอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ หรือความผิดปกติอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องรับการตรวจ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหลังตื่นนอน การตื่นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือการนอนกรนรุนแรง ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงระหว่างหลับภาวะขาดน้ำ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมอง อาจทำให้คุณปวดหัวในช่วงเช้าได้สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม หมอนที่ไม่พอดี แสงหรือเสียงรบกวน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ อาจทำให้คุณปวดหัวในตอนเช้าได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีผลต่อวงจรการนอนหลับ อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหรือปวดหัวในตอนตื่นไมเกรน โดยเฉพาะในคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาจมีอาการกำเริบในช่วงเช้า ทำไมการนอนไม่พอถึงทำให้ปวดหัวได้? อาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ "การนอนไม่พอ" ก็เป็นตัวการสำคัญที่หลายคนมองข้ามบทความที่เกี่ยวข้อง : สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่ 1. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สมองจะปรับสมดุลสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่ช่วยลดความไวของระบบประสาทต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อนอนน้อย ระดับสารเหล่านี้จะเสียสมดุล 2. เพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด การอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้อาจไปทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง 3. กล้ามเนื้อตึงและการกดทับของเส้นประสาท ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะ "ตึงเครียด" ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และศีรษะที่ไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลให้เส้นประสาทในบริเวณศีรษะถูกกดทับจนเกิดอาการปวดศีรษะตอนตื่นนอนได้ 4. การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ช่วงเวลานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต แต่หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนเลือดในสมองจะลดลงหรือไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว มึนศีรษะ หรือปวดหัวหลังตื่นนอนได้ 5. เชื่อมโยงกับโรคไมเกรน มีงานวิจัยจาก Susan Bernstein พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจรุนแรงและยาวนานมากากขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่ “นอนไม่พอเฉย ๆ” ทั้งที่จริงแล้วกำลังเข้าสู่วงจรของไมเกรนเรื้อรัง​ อยากรู้ว่านอนพอไหม? ตรวจการนอนหลับด้วย Belun Ring ได้ที่ VitalSleep Clinic https://www.youtube.com/shorts/yF3sZhOaXGg หากคุณมักตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเช็กคุณภาพการนอนของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น การตรวจการนอนหลับจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่า “เรานอนพอจริงไหม?” และ “ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า?” สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย https://www.youtube.com/shorts/VHwrvaJPK08 โปรแกรม mHBOT (Mild Hyperbaric Oxygen Therapy) คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนสู่สมอง ฟื้นฟูระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึก และลดอาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอหลับลึก หลับสนิทขึ้นลดการตื่นกลางดึกฟื้นฟูระบบสมอง ลดอาการปวดหัวที่เรื้อรังจากการนอนเพิ่มพลังระหว่างวัน ตื่นมาสดชื่น สมองโล่งกว่าเดิม ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! ผลเสียจากการนอนไม่พอที่คุณอาจคาดไม่ถึง การนอนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น:สมาธิลดลง ตัดสินใจช้าอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่ายอยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงอ้วนเพิ่มโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ? ผู้ใหญ่ ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมงวัยรุ่น ควรนอน 8–10 ชั่วโมงเด็กเล็ก–ทารก อาจต้องการนอนมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวันนอกจากปริมาณแล้ว “คุณภาพของการนอน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ก็อาจยังรู้สึกง่วงเพลียและปวดหัวในตอนเช้าได้

Sleep Test ราคาประหยัด

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)