ภาวะลูกนอนกรน ร่างกายจะสลับระหว่าง หลับ – ตื่น ตลอดคืน ในช่วงช่วงหลับลึก (Deep Sleep) เป็นเวลาที่ร่างกายหลั่ง “โกรทฮอร์โมน” เพื่อซ่อมแซมเซลล์และกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง สมองจึง ไม่สามารถเข้าสู่วงจรหลับลึกได้ยาวพอ ส่งผลให้สารสื่อประสาทที่ช่วยด้านการเรียนรู้และการจดจำ เช่น dopamine และ acetylcholine ไม่สมดุล ผลลัพธ์คือ เด็กอาจมีอาการสมาธิสั้น หงุดหงิดง่า จำช้า ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการเรียนง่วงในห้องเรียน หรือมีพฤติกรรมคล้ายโรคสมาธิสั้น หรือ ADHD
จากรายงานในเว็บไซต์ MedLink เรื่อง “Neuropsychologic correlates in pediatric sleep apnea” ระบุว่า เด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) มักมีผลการทำแบบทดสอบทางสติปัญญาและสมาธิ (IQ, attention, Executive function) ต่ำกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของเด็ก

ทำไมการนอนในเด็กถึงสำคัญ ?
ช่วงเวลาการนอนในเด็กถือเป็น “ช่วงเวลาล้ำค่า” ของการเจริญเติบโต เพราะร่างกายและสมองจะฟื้นฟูและพัฒนาได้ดีที่สุดขณะหลับลึก เด็กที่นอนเพียงพอจะมีสมาธิดี อารมณ์มั่นคง และมีพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาที่เหมาะสมตามวัย เหตุผลที่การนอนสำคัญสำหรับเด็ก :
กระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)
ฮอร์โมนการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงหลับลึก ส่งผลถึงการเจริญเติบโต และเสริมภูมิคุ้มกัน
ฟื้นฟูร่างกายและระบบประสาท
การนอนช่วยซ่อมแซมเซลล์ ลดการอักเสบ และทำให้ระบบประสาทพร้อมต่อการเรียนรู้
ส่งเสริมการเรียนรู้และความจำ
ขณะนอนหลับสมองจะจัดเก็บข้อมูลที่เรียนรู้ระหว่างวัน เด็กที่นอนไม่พอจึงมักมีปัญหาด้านสมาธิและความจำระยะสั้น
ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม
เด็กที่พักผ่อนไม่เพียงพอมีแนวโน้มจะหงุดหงิดง่าย สมาธิสั้น หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น
ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในอนาคต
การนอนน้อยเรื้อรังสัมพันธ์กับโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และปัญหาการเผาผลาญในวัยผู้ใหญ่
แต่หากการนอนหลับของลูกไม่ปกติ หรือต้องพบกับ ภาวะลูกนอนกรน เสียงกรนเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็ก ๆ ระหว่างการนอน แต่คือสัญญาณเตือนของความผิดปกติในการหายใจที่ส่งผลโดยตรงต่อ “การฟื้นตัวของสมอง” และพัฒนาการของลูกในระยะยาว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอาจมีภาวะนอนกรน
พ่อแม่หลายคนอาจคุ้นกับเสียงกรนของลูกจนคิดว่า “เด็กกรนก็เป็นเรื่องธรรมดา” แต่จริง ๆ แล้วมีหลายสัญญาณที่ควรสังเกต เช่น
✓ กรนเสียงดัง หรือกรนเกือบทุกคืน
✓ มีช่วงหยุดหายใจ หรือเหมือน “กลั้นหายใจ” ระหว่างนอน
✓ นอนอ้าปาก หายใจทางปากเป็นหลัก
✓ นอนพลิกตัวบ่อย เหงื่อออกมาก
✓ ตื่นมาไม่สดชื่น ง่วงกลางวัน หรือเรียนรู้ช้ากว่าเดิม
เมื่อการนอนหลับ ส่งผลต่อการเรียนรู้ในเด็ก
| เด็กที่นอนปกติ | เด็กที่นอนกรน | |
|---|---|---|
| ผลการเรียนรู้ | เรียนรู้เร็ว มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง | ผลการเรียนลดลง เรียนรู้ช้ากว่า |
| พัฒนาการทางสติปัญญา (IQ) | อยู่ในระดับปกติ | IQ ลดน้อยลง |
| การทำงานของสมองในตอนกลางวัน | สมาธิดี จดจำได้ดี | สมาธิสั้น เหนื่อยง่าย ความจำไม่ต่อเนื่อง |
ตารางเปรียบเทียบ ผลของการนอนกรนในเด็กต่อการเรียนรู้
แนวทางการดูแลและรักษานอนกรนในเด็ก
ภาวะลูกนอนกรนรักษาได้ และผลลัพธ์ชัดเจนหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ :
▸ตรวจและรักษาต่อมทอนซิลหรือต่อมอดีนอยด์โต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการนอนกรนในเด็ก
▸ฝึกกล้ามเนื้อรอบทางเดินหายใจ (Myofunctional therapy) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอและลิ้น
▸รักษาด้วย RPE และ TPA อุปกรณ์ที่ใช้ในการขยายเพดานปากโดยค่อย ๆ ปรับขากรรไกรบนให้กว้างขึ้น เพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจด้านหลัง
ตรวจการนอนหลับในเด็ก เพื่อการเรียนรู้ที่ดีในอนาคต
ที่ VitalSleep Clinic เรามีเครื่องมือตรวจการนอนหลับที่เหมาะกับเด็กโดยเฉพาะ ช่วยประเมินคุณภาพการนอน และคัดกรองภาวะนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งอาจกระทบต่อสมองและพัฒนาการของลูก ผลตรวจจะช่วยให้แพทย์วางแผนการดูแลได้ตรงจุด เพื่อให้ลูกนอนหลับลึก ฟื้นฟูสมองเต็มที่ และพร้อมเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกวัน
สรุป
เสียงกรนของลูก อาจเป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ในยามค่ำคืน แต่ในความเงียบนั้น สมองของเด็กอาจกำลัง “ขาดการพักผ่อนที่แท้จริง” การตรวจและรักษาภาวะลูกนอนกรนตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่เพียงช่วยให้ลูก “หายใจโล่ง” แต่ยังช่วยให้สมองได้พักเต็มที่ พัฒนาการและการเรียนรู้เดินหน้าอย่างเต็มศักยภาพ เพราะเบื้องหลังเสียงกรนเล็ก ๆ นั้น อาจซ่อนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง ความจำ และสมาธิของเด็กได้อย่างคาดไม่ถึง การใส่ใจคุณภาพการนอนของลูกจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “การนอนหลับสบาย” แต่คือการวางรากฐานให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรงทั้งร่างกายและสติปัญญา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะลูกนอนกรน
1. ภาวะลูกนอนกรนอาการเตือนมีอะไรบ้าง ?
กรนเสียงดัง หายใจสะดุด เหงื่อออกมาก ตื่นบ่อย หรือมีช่วงหยุดหายใจ
2. พ่อแม่ควรทำอย่างไรหาพบ ภาวะลูกนอนกรน ?
สังเกตเสียงกรน การหยุดหายใจ แล้วปรึกษาแพทย์เฉพาะทางการนอน เพื่อรับการตรวจและการที่รักษาเหมาะสม
3. ภาวะลูกนอนกรน ในตอนกลางวันจะมีอาการอย่างไร ?
รู้สึกง่วง หงุดหงิด สมาธิสั้น หรือมีพฤติกรรมคล้ายกลับสมาธิสั้น (ADHD)
4. ภาวะลูกนอนกรน สาเหตุเกิดจากอะไร ?
มักเกิดจากต่อมทอนซิลโต เนื้อเยื่ออดีนอยด์โต ภาวะอ้วน หรือโครงสร้างใบหน้าแคบ
5. จะเป็นอย่างไรถ้าไม่รักษาอาการนอนกรนในเด็ก
หากปล่อยไว้นาน เด็กอาจมีสมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว พัฒนาการล่าช้า และในบางรายอาจส่งผลต่อหัวใจ ความดันโลหิต และการเจริญเติบโตในระยะยาว


