• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
แพทย์เฉพาะทางแนะนำ
7 วิธีแก้นอนกรน
อันตรายแค่ไหนก็รักษาได้!

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

7 วิธีแก้นอนกรน
อันตรายแค่ไหนก็รักษาได้!
Table of Contents

การนอนกรนไม่ใช่แค่ปัญหากวนใจของคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ถึงภาวะอันตรายที่ซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันสูง และการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้

ล่าสุดในวิดีโอสัมภาษณ์โดยคุณซีมง ที่ได้เชิญคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจาก VitalSleep Clinic มาให้ความรู้แบบเข้าใจง่าย มาอธิบายถึง 7 วิธีรักษาอาการนอนกรน ที่ได้ผลจริงปลอดภัย วิธีการรักษาทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด สรุปมาไว้ที่นี่แล้ว

ก่อนรักษา ต้องเริ่มจากการ “ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)”

คุณหมอย้ำว่าก่อนจะรักษาอาการนอนกรน ต้องเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นการนอนกรนแบบธรรมดาหรือมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย

เมื่อได้ผลตรวจการนอนหลับแล้ว แพทย์เฉพาะทางจะอ่านผล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

7 วิธีรักษานอนกรน จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

1. CPAP (Continuous Positive Airway Pressure)

เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก เป็นมาตรฐานในการรักษาอาการนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)

หลักการทำงาน CPAP จะพ่นลมอย่างต่อเนื่องผ่านหน้ากากครอบจมูกหรือทั้งจมูกและปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจไม่ให้ฟีบในขณะที่กำลังหลับ ช่วยลดการสั่นของเพดานปากและการอุดกั้นที่ทำให้เกิดเสียงกรนหรือหยุดหายใจ

ข้อดี

  • รักษานอนกรนตั้งแต่ระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ผลดี
  • ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง หลอดเลือดสมอง

เหมาะกับใคร

คนที่มีอาการกรนระดับเบาถึงปานกลาง หรือคนที่มี OSA

อ่านเพิ่มเติม

2. Oral Appliance (โปรแกรมทันตกรรมรักษานอนกรน)

เครื่องมือทันตกรรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ใส่ในปากขณะนอนหลับ

หลักการทำงาน ดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้า ช่วยเปิดพื้นที่ด้านหลังลิ้น ลดการอุดกั้นทางเดินหายใจ

ข้อดี

  • พกพาสะดวก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
  • ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย
  • เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ใช้ CPAP แล้วไม่ประสบความสำเร็จ

เหมาะกับใคร

คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง หรือมีโรคร่วมที่ต้องการควบคุมอาการให้แน่นอน

3. Myofunctional Therapy (กายภาพกล้ามเนื้อช่องปากและใบหน้า)

การบำบัดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจและการกลืน

หลักการทำงาน ฝึกกล้ามเนื้อลิ้น ริมฝีปาก เพดานอ่อน และใบหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการควบคุมให้กับกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง

ข้อดี

  • เป็นการรักษาแบบไม่ใช้เครื่อง ไม่ผ่าตัด
  • เสริมประสิทธิภาพการใช้ Oral Appliance หรือหลังผ่าตัด
  • ป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้นในอนาคต

เหมาะกับใคร

เด็กที่มีปัญหาหายใจทางปาก มีโครงสร้างใบหน้าผิดปกติ และผู้ใหญ่ที่เริ่มมีภาวะกรนหรือมีภาวะหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อจากอายุ

4. Radio Frequency (RF) คลื่นความถี่วิทยุ

เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความร้อนควบคุมระดับในการกระตุ้นเนื้อเยื่อให้หดตัว

หลักการทำงาน กระตุ้นให้เพดานอ่อนและโคนลิ้นหดตัว เพิ่มความกระชับของเนื้อเยื่อ ลดการสั่นของเนื้อเยื่อขณะนอนหลับ

ข้อดี

  • ใช้เวลาทำไม่นาน ฟื้นตัวเร็ว
  • รักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
  • ใช้ร่วมกับ Oral Appliance หรือ CPAP เพื่อเสริมประสิทธิภาพ

เหมาะกับใคร

คนที่มีปัญหาเพดานอ่อนหย่อน พลิ้ว สั่นง่าย และมีนอนกรนไม่รุนแรง

5. การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นโพรงจมูกคด (Septoplasty)

จัดแนวผนังกั้นจมูกให้ตรง เปิดทางเดินหายใจ

หลักการทำงาน ผ่าตัดปรับโครงสร้างจมูกที่คดหรือมีเนื้องอกกีดขวาง เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น

ข้อดี

  • เพิ่มประสิทธิภาพของ CPAP และการหายใจทางจมูก
  • แก้ปัญหาการนอนอ้าปากจากการหายใจทางปาก

เหมาะกับใคร

คนที่มีโพรงจมูกตีบ จมูกคด หรือมีปัญหาหายใจทางจมูกลำบากเรื้อรัง

6. การผ่าตัดเพดานอ่อน

ผ่าตัดเปิดทางเดินหายใจบริเวณเพดานอ่อน

หลักการทำงาน ตัดหรือเย็บยกเพดานอ่อนให้กระชับขึ้น และเปิดช่องทางให้ลมหายใจผ่านสะดวก

ข้อดี

  • ช่วยลดเสียงกรน
  • เหมาะกับคนที่มีโครงสร้างเพดานอ่อนหย่อนอย่างชัดเจน

เหมาะกับใคร

คนที่แพทย์ตรวจพบว่าเกิดการอุดกั้นจากเพดานอ่อนเป็นหลัก

7. การผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement หรือ MMA)

ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบน ล่าง และคางไปด้านหน้า

หลักการทำงาน ขยายพื้นที่ทางเดินหายใจส่วนบน เพิ่มความตึงของกล้ามเนื้อโดยรอบ ช่วยป้องกันการยุบตัวของทางเดินหายใจขณะหลับ

ข้อดี

  • เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะคนที่มีโครงสร้างใบหน้าผิดปกติ
  • ให้ผลลัพธ์ของการรักษาที่ยั่งยืน

เหมาะกับใคร

คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อวิธีรักษาอื่น ๆ รวมถึงคนที่มีโครงสร้างใบหน้าร่นเล็กผิดปกติ

สรุป

ปัญหานอนกรนไม่ใช่แค่เสียงรบกวน แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่อาจซ่อนโรคอันตรายไว้เบื้องหลัง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อารมณ์แปรปรวน ไปจนถึงสมรรถภาพทางเพศถดถอย

7 วิธีรักษานอนกรน ที่ VitalSleep Clinic แนะนำ เป็นการดูแลแบบองค์รวม โดยแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการนอนหลับ ที่จะประเมินจากโครงสร้างทางเดินหายใจ พฤติกรรมการนอน ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงผลตรวจการนอนหลับ Sleep Test เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

Related Blogs and Articles
Sleep Test ราคาประหยัด

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน

Snoring increases the risk of cancer

หลายคนอาจคิดว่า “การนอนกรน” เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย แต่รู้หรือไม่ว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งมักพบร่วมกับการกรน อาจมีความเชื่อมโยงกับ “โรคมะเร็ง”https://www.youtube.com/shorts/Qil5hs1gy5A ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร? ข้อมูลจากสถาบันโรคหัวใจ ปอด และโลหิตวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NHLBI) ระบุว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ จะมีช่วงที่หยุดหายใจและกลับมาหายใจซ้ำ ๆ ขณะนอนหลับ ทำให้หลับไม่สนิท นอนหลับไม่เต็มที่และรบกวนคุณภาพชีวิตในระยะยาวสาเหตุหลัก มาจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอที่หย่อนตัวผิดปกติ ทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้น หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่โรคร้ายต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ความเชื่อมโยงระหว่างการนอนกรนกับโรคมะเร็ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Athanasia Pataka จาก Aristotle University of Thessaloniki ประเทศกรีซ ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือมีอาการกรนอย่างรุนแรง จะมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำระหว่างนอนหลับ ภาวะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด งานวิจัยที่ชี้ชัด มีการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างกว่า 19,000 คน (ชาย 13,767 คน หญิง 5,789 คน) พบว่าผู้ที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% ซ้ำ ๆ ในแต่ละคืน มีความเสี่ยงต่อมะเร็งมากขึ้นในกลุ่มนี้ มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจำนวน 388 คน (ราว 2%)มะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงคือ มะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายคือ มะเร็งต่อมลูกหมากอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจคือ การหยุดหายใจขณะหลับมีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง ชัดเจนในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในคนที่มีอาการรุนแรง และมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำในช่วงกลางคืนนักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ปัจจัยทางชีววิทยาระหว่างเพศชายและหญิง เช่น ฮอร์โมน อาจเป็นตัวเร่งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงอิทธิพลของออกซิเจนต่ำในเลือด ซึ่งอาจกระตุ้นกระบวนการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย วิธีรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การรักษาจะเริ่มจาก การตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินความรุนแรง จากนั้นแพทย์เฉพาะทางจะวางแผนการรักษา มีทั้งแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ยางครอบฟันช่วยเปิดทางเดินหายใจ (Oral Appliance)การทำบำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)คลื่นความถี่วิทยุ RF จี้โคนลิ้นและเยื่อบุจมูกการใช้ CPAP การรักษาแบบผ่าตัด การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำไมต้องรักษาที่ VitalSleep Clinic? แพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญมีทีมแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันระดับโลก พร้อมใบรับรองด้านการรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อช่องปาก ใบหน้าและทางเดินหายใจเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งแนวทางแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัด รวมถึง Myosa® สำหรับผู้มีปัญหานอนกัดฟันหรือข้อต่อขากรรไกรใส่ใจ ดูแลรักษาได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือปัญหาข้อต่อขากรรไกร พร้อมดูแลอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำขณะหลับ จึงควรตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินอาการและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดที่ VitalSleep Clinic พร้อมดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!

Sleep Test มีกี่แบบ

Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน? การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep test เป็นการตรวจทดสอบเพื่อประเมินสภาพการนอนของเรา ตรวจหาปัญหาการนอนหลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยการทดสอบนี้มีหลายแบบ แบ่งตามมาตรฐานของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา (AASM) แต่ละแบบมีความซับซ้อนและวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ป่วยรูปแบบการตรวจ Sleep Testระดับที่ 1 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืนการตรวจนี้เป็นการทดสอบการนอนหลับที่ละเอียดและสมบูรณ์ที่สุด โดยมีการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตาและใต้คาง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดลมหายใจ ขณะทดสอบมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูตลอดทั้งคืน มักจะทำในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีห้องตรวจเฉพาะ การตรวจในระดับนี้มีความละเอียดและแม่นยำมาก เหมาะสำหรับคนที่มีอาการนอนหลับผิดปกติอย่างรุนแรงระดับที่ 2 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าการทดสอบในระดับนี้จะคล้ายกับระดับที่ 1 ในเรื่องความละเอียดในของการวัดข้อมูล แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน สามารถทำการตรวจที่บ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมาติดตั้งอุปกรณ์ในตอนเย็นแล้วปล่อยให้ทดสอบเองในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ข้อดี ของการทดสอบระดับที่ 2 นี้คือ ค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าการตรวจในโรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางหรือเสียเวลารอคิวตรวจเป็นเวลานานระดับที่ 3 การทดสอบแบบจำกัดข้อมูลจะมีความละเอียดน้อยกว่าระดับที่ 1 และ 2 โดยวัดเพียงข้อมูลพื้นฐาน เช่น การวัดการหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดเสียงกรน ในบางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่ซับซ้อนหรือแค่นอนกรนอย่างเดียว เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพการนอนหลับได้เต็มที่ เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง อาจไม่ได้รับข้อมูลที่แม่นยำเท่ากับการตรวจระดับที่ 1 และ 2ระดับที่ 4 การทดสอบวัดออกซิเจนในเลือดและลมหายใจเป็นการตรวจการนอนหลับที่พื้นฐานที่สุด วัดเพียงออกซิเจนในเลือดหรือลมหายใจขณะหลับ ข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจนี้มีจำกัดไม่เพียงพอในการวินิจฉัยอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างแม่นยำอ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกการตรวจที่เหมาะสม การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของปัญหาการนอนหลับของแต่ละคน สำหรับคนที่มีอาการนอนกรนธรรมดา การตรวจในระดับที่ 3 อาจเพียงพอ แต่หากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยไหม ควรพิจารณาการตรวจระดับที่ 1 หรือ 2 ที่มีความละเอียดสูงกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย การเลือกตรวจที่บ้านในระดับที่ 2 เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าทาง VitalSleep Clinic มีให้บริการการตรวจการนอนหลับทั้งระดับที่ 1 และ 2 ซึ่งสามารถทำการตรวจที่บ้านของผู้รับการตรวจได้ โดยให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ปรึกษาการตรวจการนอนหลับฟรี! ขั้นตอนการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ระดับ 1 และ 2 https://www.youtube.com/shorts/dGpk79k46ks เริ่มต้นการทดสอบจะเริ่มในช่วงหัวค่ำ ประมาณ 00 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมของผู้รับการตรวจ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับ กรอกเอกสารความยินยอม หลังจากนั้นจะอธิบายถึงการใช้อุปกรณ์และวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจการใช้ CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจรุนแรงหากพบว่าผู้รับการตรวจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรง เจ้าหน้าที่จะทำการทดลองใส่หน้ากาก CPAP เพื่อช่วยในการรักษาในคืนที่ตรวจเลย เมื่อผู้รับการทดสอบการนอนหลับพร้อมที่จะเข้านอนการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สายวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นกล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจวัดคลื่นหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการวัดลมหายใจและการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดการตรวจวัดระบบหายใจผู้รับการตรวจจะได้รับการวัดการหายใจโดยมีสายวัดติดบริเวณจมูก สายรัดที่หน้าอกและท้อง รวมถึงการวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ในบางกรณีอาจมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ตามความจำเป็นการทดสอบตลอดคืนสำหรับการตรวจระดับที่ 1 จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูในห้องควบคุมเพื่อติดตามการนอนตลอดคืน ในขณะที่การตรวจระดับที่ 2 จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้า แต่ผู้รับการตรวจจะนอนหลับอย่างต่อเนื่องตามปกติ คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตรวจสวมเสื้อผ้าที่สบายเหมือนชุดที่ใส่นอนตามปกติทุกคืนหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ตรวจหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงบ่ายในวันที่ตรวจแจ้งเจ้าหน้าที่หากคุณมีการใช้ยารักษาโรคประจำตัวหลังจากการตรวจเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรวจการนอนหลับที่บ้านกับ VitalSleep Clinic สะดวก ปลอดภัย แม่นยำหากคุณมีปัญหานอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือนอนแล้วไม่สดชื่น การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คือทางเลือกที่สะดวกและง่ายที่สุด!ไม่ต้องเดินทางอยู่ที่ไหนก็ตรวจได้ แม้คุณจะอยู่ต่างจังหวัดใช้งานง่ายอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด แค่ติดตั้งก่อนนอนผลแม่นยำวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลังรู้ผลไวพร้อมให้คำแนะนำแนวทางการรักษาที่ VitalSleep Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำใกล้เคียงกับสภาวะการนอนหลับในชีวิตจริง นอกจากนี้เรายังมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลในทุกขั้นตอนอ่านเพิ่มเติม สรุป การตรวจการนอนหลับ Sleep Test หรือการตรวจสุขภาพการนอนหลับมีทั้งหมด 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีความซับซ้อนและวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการตรวจระดับที่ 1 และ 2 เป็นการตรวจที่ละเอียดและได้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนหลับผิดปกติรุนแรง ในขณะที่การตรวจระดับที่ 3 และ 4 เป็นการตรวจที่จำกัดข้อมูลมากกว่า เหมาะกับผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่ซับซ้อนการเลือกสถานที่ตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึง หากคุณต้องการความสะดวกสบายและต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ การเลือกทำ Sleep Test ที่บ้านเป็นทางเลือกที่ดี การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สะดวกในการเข้ารับการตรวจที่ VitalSleep Clinic เราให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้านของคนที่อยากตรวจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและใกล้เคียงกับการนอนในชีวิตประจำวัน หากคุณสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ สามารถติดต่อเราได้ เรายินดีให้บริการและคำแนะนำที่เหมาะสมแก่คุณ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

นอนกรนเรื้อรัง

นอนกรนรักษามาตั้งหลายวิธีก็ไม่เห็นผล สุดท้ายก็ยังนอนกรนเสียงดังอยู่ดี ต้องรักษาด้วยวิธีไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มาหาคำตอบวิธีการรักษา

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

Treat teeth grinding with a mouthguard

นอนกัดฟันคืออะไร? การนอนกัดฟัน หรือ Sleep Bruxism เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมนอนกัดฟัน เพราะมักเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับและตอนที่ไม่รู้ตัว อาจเป็นเพียงพฤติกรรมที่ไม่ได้ส่งผลเสียใหญ่โตมากนัก แต่อสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ฟันสึกกร่อน ปวดข้อขากรรไกร และอาจมีผลเสียต่อเนื้อเยื่อกระดูกและเหงือกหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม สาเหตุของการนอนกัดฟัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่านอนกัดฟันเกิดจากอะไร แต่ก็สามารถคาดเดาเอาได้จากหลายปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องที่พบได้บ่อย คือความเครียดและความวิตกกังวล เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังเจออยู่ในชีวิตประจำวัน เวลาที่เราเครียดหรือวิตกกังวล อาจกัดฟันหรือกดดันฟันในช่วงเวลาเราที่ไม่รู้ตัวในระหว่างการนอนหลับ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัญหาฟันซ้อนเก ความผิดปกติทางโครงสร้างฟัน ก็อาจทำให้เกิดพฤติกรรมนี้ได้ ขอบคุณข้อมูลจาก American Academy of Sleep Medicine การรักษานอนกัดฟันที่ VitalSleep Clinic ปัจจุบันมีวิธีการรักษานอนกัดฟันหลายวิธี คนไข้สามารถปรึกษาทันตแพทย์ แพทย์เฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง การรักษาสามารถทำได้ตั้งแต่การใช้เครื่องมือทันตกรรม เช่น การใช้ยางกัดฟันหรือเฝือกฟัน (Splint) สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเองกำลังมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยกับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยวินิจฉัยและให้แนวทางการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น วิธีการเก็บรักษายางกัดฟัน ยางกัดฟันเหมาะกับใครบ้าง? การใช้ยางกัดฟันเหมาะกับผู้ที่มีพฤติกรรมนอนกัดฟันที่เรื้อรัง คนที่มีอาการเจ็บปวดฟันหรือขากรรไกรเมื่อตอนตื่นนอน โดยเฉพาะคนที่มีเสียงกัดฟันดังหรือรบกวนคนที่นอนข้าง ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีอาการรุนแรง เช่น ฟันสึกมากเกินไป ปวดขากรรไกรอย่างต่อเนื่อง หรือสงสัยว่ามีภาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะนำการรักษาเพิ่มเติม ที่ VitalSleep Clinic เรามีการรักษานอนกัดฟันด้วย “ยางกัดฟันเฉพาะบุคคล” ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับรูปฟันของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ต่างจากยางกัดฟันทั่วไปที่อาจไม่พอดีกับช่องปาก ยางกัดฟันของเราผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นและทนทาน สามารถช่วยลดแรงกดบนฟัน ลดอาการปวดกราม และป้องกันไม่ให้ฟันสึกจากการกัดฟันระหว่างนอนหลับ ข้อดีของยางกัดฟันที่ VitalSleep Clinic บทความที่เกี่ยวข้อง นอนกัดฟัน ปัญหาจุกจิก อาจเป็นเรื่องใหญ่ สรุป การนอนกัดฟันเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปแต่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ยางกัดฟัน (Splint) อุปกรณ์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันถูกทำลายจากการกัดฟันขณะหลับ ช่วยลดความเจ็บปวดและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับฟันและขากรรไกร การใช้ยางกัดฟันเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการนอนกัดฟันที่รุนแรง ควรเข้ามาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

แก้นอนกรนแบบไม่ผ่าตัด 2025

แก้นอนกรนแบบไม่ผ่าตัดในปัจจุบัน การรักษาแก้ปัญหาอาการนอนกรนมีหลากหลายวิธีที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งสามารถรักษาได้หลายวิธีพร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม คือ การใช้เครื่องมือทันตกรรมสำหรับรักษานอนกรน (Oral Appliance) ที่ช่วยขยายช่องทางเดินหายใจในขณะหลับ ร่วมกับการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจส่วนต้น (Myofunctional Therapy) ที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อย การรักษานี้ช่วยขยายช่องทางเดินหายใจไม่ให้แคบลง เป็นการรักษาอาการนอนกรนจากต้นเหตุ ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาวได้อีกด้วย สาเหตุของอาการนอนกรน การนอนกรนมักมีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุ โดยสาเหตุหลักที่พบบ่อย มีดังนี้ อาจเกิดจากโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ เช่น คางสั้น กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นไม่แข็งแรง ทำให้ลิ้นหย่อนลงไปอุดช่องทางเดินหายใจ มีไขมันสะสมบริเวณใต้คางหรือเหนียง สามารถทำให้ช่องทางเดินหายใจถูกกดทับในขณะที่กำลังนอนหลับ ทำให้เกิดอาการหยุดหายใจชั่วคราวและมีเสียงกรนเกิดขึ้น แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนต้นและกล้ามเนื้อโคนลิ้น ช่องทางเดินหายใจก็จะเกิดการอุดกั้นที่ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) และเสียงกรนได้ ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก อาการเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่ทำให้เกิดปัญหาการนอนกรน และควรได้รับการตรวจสอบและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญ การตรวจและการรักษานอนกรน การตรวจหาสาเหตุและระดับความรุนแรงของการนอนกรนสามารถทำได้ผ่านการตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นการวัดค่าและเก็บข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับของคุณ เช่น ตรวจการนอนหลับที่บ้านกับ VitalSleep Clinic สะดวก ปลอดภัย แม่นยำ หลังจากการตรวจการนอนหลับ Sleep Test แล้ว แพทย์เฉพาะทางจะนำผลการตรวจมาใช้ในการวินิจฉัย วางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล วิธีการรักษาแก้นอนกรนแบบไม่ผ่าตัด อ่านเพิ่มเติม รักษานอนกรน แบบไม่ผ่าตัด Update 2025 ข้อด้อยของการผ่าตัดแก้นอนกรน การผ่าตัดแก้นอนกรนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ข้อดีของการรักษานอนกรนแบบไม่ผ่าตัด วิธีการรักษาแก้นอนกรนแบบไม่ผ่าตัดมีหลายทางเลือก แพทย์เฉพาะทางจะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามอาการของแต่ละบุคคล สามารถใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อรักษาได้ทั้งต้นเหตุและปลายเหตุ เช่น การใช้เครื่อง CPAP เพื่อช่วยขยายทางเดินหายใจร่วมกับการบำบัดกล้ามเนื้อ Myofunctional Therapy การรักษาที่ถูกต้องยังเป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง ในกรณีที่สงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ควรเข้ารับการตรวจการนอนหลับ Sleep Test และปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม “รักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ Better Sleep for Better Tomorrow” สรุป วิธีการรักษาแก้นอนกรนแบบไม่ผ่าตัดในปี 2025 มีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือทันตกรรม การบำบัดกล้ามเนื้อ การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ หรือการใช้เครื่อง CPAP ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีเฉพาะที่ตอบโจทย์ปัญหาอาการนอนกรนในแต่ละกรณี การเข้ารับการตรวจ Sleep Test เพื่อตรวจหาสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษา สุขภาพการนอนที่ดีมีผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเรา ดังนั้น หากคุณมีปัญหาการนอนกรน ควรรีบหาทางแก้ไขเพื่อสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

Symptoms of sleep apnea

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)