• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ตรวจการนอนหลับ หรือ sleep lab
ที่ไหนดี?

ตรวจการนอนหลับ หรือ sleep lab

ที่ไหนดี?
Table of Contents

ในปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกลายเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีด้านการแพทย์และบริการด้านสุขภาพได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วขึ้นมาก ช่วยให้การดูแลสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ ง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาหรือดูแลสุขภาพก็สูงขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพการนอนหลับ หรือที่เรียกกันว่า Sleep Lab ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัยปัญหาการนอนหลับ แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทำให้บางคนอาจรู้สึกลังเลในการเข้ารับการตรวจ ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Sleep Lab รวมถึงวิธีการเลือกสถานที่ตรวจที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

ตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Lab คืออะไร?

การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep Lab เป็นกระบวนการตรวจวินิจฉัยการทำงานของร่างกายในขณะนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุของปัญหาการนอน เช่น อาการนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการนอนหลับ การตรวจนี้สามารถบอกถึงคุณภาพการนอนหลับได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการวัดระดับออกซิเจน การเต้นของหัวใจ การทำงานของสมอง การทำงานของกล้ามเนื้อขณะหลับ ทำให้แพทย์เฉพาะทางสามารถวินิจฉัยโรคและความผิดปกติได้แม่นยำมากขึ้น

การตรวจการนอนหลับเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับอย่างรุนแรง เช่น การนอนกรนหนัก สะดุ้งตื่นกลางดึก หยุดหายใจขณะหลับ แม้แต่นอนเยอะแต่ยังรู้สึกเหนื่อย การตรวจนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญในการรักษาปัญหาการนอน เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม

ประเภทของการตรวจการนอนหลับ

ปัจจุบันการตรวจการนอนหลับมีหลายประเภท ซึ่งสามารถเลือกตามความเหมาะสมของผู้ป่วยหรือคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง

1. การตรวจการนอนหลับแบบมาตรฐาน (Standard Sleep Test หรือ Home Sleep Test)

การตรวจการนอนหลับแบบมาตรฐานเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับเล็กน้อยหรือปานกลาง การตรวจนี้เป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนและสามารถทำได้ที่บ้านเลย ลดความไม่สะดวกที่อาจเกิดจากการต้องเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาล การตรวจแบบนี้ใช้อุปกรณ์ติดตั้งง่ายและไม่ยุ่งยาก สามารถติดตามการทำงานของร่างกายขณะหลับ โดยผลการตรวจจะสามารถบอกได้ว่า

  • ระดับความรุนแรงของการหยุดหายใจขณะหลับ
  • อัตราการเต้นของหัวใจ
  • ระดับออกซิเจนในเลือดขณะหลับ
  • การทำงานของหัวใจขณะหลับ
  • ท่านอนที่ทำให้เกิดการหยุดหายใจ
  • ระดับความดังของเสียงกรน
  • ระดับการนอนหลับ (Sleep Stage)

การตรวจการนอนหลับแบบมาตรฐานยังเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบการนอนที่สถานพยาบาล เนื่องจากสามารถนอนหลับได้ในสภาพแวดล้อมคุ้นเคยที่บ้าน ช่วยให้ผลการตรวจออกมาใกล้เคียงกับการนอนหลับจริงมากขึ้น

2. การตรวจการนอนหลับแบบละเอียด (Full Sleep Test)

การตรวจการนอนหลับแบบละเอียดเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนรุนแรง มีปัญหาการนอนที่ซับซ้อน เช่น การนอนกัดฟัน นอนละเมอ การหยุดหายใจขณะหลับอย่างรุนแรง การตรวจนี้จะสามารถวัดค่าต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดมากขึ้น เช่น

  • คลื่นไฟฟ้าสมอง
  • การเต้นของหัวใจ
  • คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
  • ระดับออกซิเจนในเลือด
  • การทำงานของกล้ามเนื้อแขนและขา

โดยการตรวจแบบละเอียดจะดำเนินการในโรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดทั้งคืน ซึ่งอาจทำให้ผู้รับการตรวจรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายตัว เพราะต้องติดตั้งอุปกรณ์หลายจุด อย่างไรก็ตาม ที่ VitalSleep Clinic มีทางเลือกในการตรวจแบบละเอียดที่บ้าน เจ้าหน้าที่จะมาช่วยติดตั้งอุปกรณ์ให้ก่อนนอน เมื่อเสร็จแล้วก็สามารถถอดอุปกรณ์ออกเองได้ในตอนเช้า สะดวกและลดความอึดอัดในการตรวจที่โรงพยาบาล

เมื่อไหร่ที่ควรตรวจการนอนหลับ?

หากคุณมีปัญหาการนอนหลับดังต่อไปนี้ การตรวจการนอนหลับอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

  1. อาการนอนกรน ผู้ที่มีอาการนอนกรน มักมีปัญหาหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้นร่วมด้วย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและสมองในระยะยาว หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และใหลตาย
  2. นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ แม้ว่าจะนอนครบ 8 ชั่วโมงหรือมากกว่าแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ ง่วงนอนในตอนกลางวัน อาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีปัญหาหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่แท้จริง
  3. สะดุ้งตื่นกลางดึก หากคุณมีอาการสะดุ้งตื่นระหว่างการนอนหลับบ่อยครั้ง รู้สึกเหมือนตื่นมาตลอดเวลา อาจเกิดจากอาการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งร่างกายต้องปลุกตัวเองขึ้นมาเพื่อหายใจ
  4. ง่วงนอนแต่นอนไม่หลับ บางคนอาจรู้สึกง่วงแต่ไม่สามารถหลับได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถเข้าสู่ภาวะการหลับลึกได้ เนื่องจากปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ

หากคุณมีอาการเหล่านี้ การตรวจการนอนหลับสามารถช่วยวินิจฉัยปัญหาและหาทางรักษาที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนและสุขภาพในระยะยาว

วิธีการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับและนอนกรน

การรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

1. การรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาด้วยการผ่าตัดมักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาโครงสร้างใบหน้าหรือขากรรไกรที่ทำให้เกิดอาการนอนกรน เช่น ขากรรไกรบนและล่างไม่สมดุล ซึ่งแพทย์เฉพาะทางจะทำการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างของขากรรไกรให้เหมาะสม การผ่าตัดนี้สามารถช่วยขยายช่องทางเดินหายใจ ลดอาการนอนกรนได้ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการเจ็บปวดและผลข้างเคียง เช่น อาการบวมและการฟื้นตัวที่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ

2. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

การรักษาแบบไม่ผ่าตัดเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่าและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เช่น การใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ที่ช่วยเปิดทางเดินหายใจขณะหลับ นอกจากนี้ยังมีการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจส่วนต้น (Myofunctional Therapy) ซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ช่วยแก้ปัญหาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับที่ต้นเหตุ

สรุป

การตรวจการนอนหลับหรือ Sleep Lab เป็นวิธีที่ดีในการวินิจฉัยและรักษาปัญหาการนอนที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นอาการนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือปัญหาการนอนหลับอื่น ๆ การตรวจนี้สามารถทำได้ทั้งที่บ้านและในสถานพยาบาล ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของผู้ป่วย หากคุณเป็นคนที่ไม่สะดวกในการนอนนอกบ้านหรือไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าที่พักที่โรงพยาบาล การเลือกตรวจการนอนหลับแบบที่สามารถทำที่บ้านได้ (Home Sleep Test) อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะการตรวจที่บ้านสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ ไม่มีค่าห้องพักและไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลตลอดคืน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จากการตรวจทั้งสองรูปแบบจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้เช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะเลือกตรวจการนอนหลับแบบไหน สิ่งสำคัญคือการเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด หากคุณมีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาการนอน เพราะการละเลยปัญหาการนอนหลับอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ การรักษาและการดูแลสุขภาพการนอนหลับอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงได้ในอนาคต

Related Blogs and Articles
snoring test

ตรวจการนอนกรน ราคาเหมาะสม คุ้มค่าในการดูแลสุขภาพ ช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอน ลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน เข้าใจร่างกายอย่างแท้จริง

อาการวูบหมดสติ อาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา

เคยไหมที่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด เหมือนโลกหมุน หูอื้อ อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่

How to treat snoring in women

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่คิดที่จะแก้ไข อาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในผู้หญิงหลายคนอาจจะรู้สึกเขินอาย หรือไม่กล้าบอกว่าตัวเองมีอาการนอนกรน และไม่รู้ว่าจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรให้ได้ผล แต่การนอนกรนในผู้หญิงก็เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ และหากไม่ให้ความสำคัญกับการหาทางแก้ไขอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้ก่อนที่จะหาคำตอบว่า ทำไม? ผู้หญิงถึงนอนกรน เราควรทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายระหว่างการนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบนี้ จะทำให้เนื้อเยื่อในลำคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน หรือลิ้นไก่สั่น จะทำให้เกิดเสียงกรน และยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน เช่น ต่อมทอนซิลโต น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือลิ้นที่โตขึ้น ก็อาจทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร? การนอนกรนไม่ใช่แค่การสร้างเสียงรบกวนระหว่างการนอนหลับ แต่ยังสามารถนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย เมื่อเนื้อเยื่อในลำคอหรือที่ลิ้นหย่อนลงไปปิดทางเดินหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนในขณะที่นอนหลับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะไหลตายได้https://www.youtube.com/shorts/1RcpD_hJKcw สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรน ข้อมูลจาก SnoreMD ว่าปกติผู้ชายจะมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรนมักจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพ น้ำหนักเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เกิดจากอายุหรือการตั้งครรภ์ เช่น​อายุ เมื่อผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ปัญหาการนอนกรนจะเริ่มเพิ่มขึ้นวัยหมดประจำเดือน หลังจากหมดประจำเดือน ในผู้หญิงบางรายอาจมีแนวโน้มทำให้นอนกรนมากขึ้นน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีไขมันสะสมที่หบริเวณลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงได้การตั้งครรภ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ถึงแม้จะพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ยังคงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสนใจ ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! สาเหตุอื่น ๆ ของการนอนกรน ในกรณีทั่วไป การนอนกรนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นคนอ้วน การสะสมของไขมันในบริเวณคอผู้สูงอายุ การเสื่อมของกล้ามเนื้อที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงโรคภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบ ทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร อาจทำให้เกิดอาการนอนกรน วิธีแก้ไขการนอนกรนผู้หญิง การรักษาอาการนอนกรนเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจหาว่าคุณมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หลังจากนั้นสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน?การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการนอนกรน หากคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนที่เป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย สรุป การนอนกรนในผู้หญิงไม่ใช่แค่เรื่องรบกวนคนข้าง ๆ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้าหลายคนอาจไม่รู้ว่าการนอนกรนในผู้หญิงมักไม่มีอาการชัดเจนเหมือนผู้ชาย เช่น อาจไม่มีเสียงกรนดัง แต่จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงกลางวัน ขี้ลืม หงุดหงิดง่าย หรือแม้แต่ปัญหาทางเพศ ทำให้ถูกมองข้ามและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

Sleep Test เพื่อการนอนหลับที่สุขภาพดี

Sleep Test ถูกที่สุด ตรวจการนอนเพื่อหาสาเหตุการนอนกรน ง่วง เพลีย หรือหยุดหายใจขณะหลับ วางแผนรักษาตรงจุด เพื่อคุณภาพการนอนและสุขภาพที่ดีขึ้น

ข้อต่อขากรรไกรมีเสียง

เคยไหม? เวลาหาว อ้าปาก หรือเคี้ยวของแข็งแล้วได้ยินเสียง “คลิก” หรือ “กรอบแกรบ” จากบริเวณขากรรไกร อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรค

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

หยุดหายใจขณะหลับ ระวัง

อาการที่ร่างกายหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างการนอนหลับ โดยไม่รู้ตัว ปัญหานี้เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้น

อาการผีอำ

เคยไหม…นอนอยู่ดี ๆ แล้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างทับอยู่บนอก ขยับตัวไม่ได้ หายใจก็อึดอัด นั่นแหละที่เราเรียกกันว่า “ผีอำ” อาการนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ

ทำไมการตรวจการนอนหลับ ถึงสำคัญ

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมในบางคืนเราถึงนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อย หรือบางคนอาจตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกนอนไม่พอ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!