• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย
อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่

สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย

อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่
Table of Contents

การนอนสะดุ้งตื่นกลางดึก หรือที่เรียกว่า “Hypnic jerk” เป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อยในคนที่มีปัญหาการนอนหลับ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังจะเข้าสู่ภาวะการหลับลึก อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อของร่างกายกระตุกโดยไม่คาดคิดในระหว่างการนอนหลับ ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลายครั้งในคืนเดียวหรือเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตาปัญหาของแต่ละบุคคล

แม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือเกิดขึ้นในระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับและความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณได้ ดังนั้น คนที่กำลังประสบปัญหานี้ควรให้ความสำคัญและตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดเพื่อหาวิธีการแก้ไขและบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น

ลักษณะของอาการสะดุ้งตื่นกลางดึก

อาการสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือ “Hypnic jerk” เป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างการนอนหลับ ทำให้เกิดการตื่นขึ้นด้วยความตกใจหรือสะดุ้ง ในบางกรณีจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังตกลงจากที่สูง หรือบางคนอาจจะเห็นภาพหลอนอย่างแสงสว่างวาบและเสียงดังจากการสะดุ้งตื่นในเวลานั้น

ในกรณีบางราย คนที่มีอาการสะดุ้งตื่นอาจจะรู้สึกเหน็บชา กล้ามเนื้อถูกหดตัวชั่วขณะ เกิดขึ้นเฉพาะบางส่วนของร่างกายเท่านั้น เช่น แขน ขา หรือใบหน้า นอกจากนี้ยังมีอาการฝันร้ายร่วมกับการสะดุ้งตื่นก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยความรู้สึกตกใจจากฝันร้ายจะส่งผลให้ระบบประสาทส่งสัญญาณผิดปกติที่ทำให้ร่างกายกระตุกอย่างรวดเร็ว

ความรุนแรงของอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยบางคนอาจจะสะดุ้งตื่นเพียงเล็กน้อยและสามารถกลับไปหลับต่อได้ตามปกติ แต่บางคนอาจมีอาการสะดุ้งตื่นรุนแรงหรือเกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน จนทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากตื่นขึ้นมา

สาเหตุของการสะดุ้งตื่นกลางดึก

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการสะดุ้งตื่นกลางดึก จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า อาการนี้จะเกิดจากการทำงานของระบบประสาทที่ส่งสัญญาณผิดปกติในระหว่างที่ร่างกายหลับ การสะดุ้งตื่นเกิดขึ้นเมื่อระบบประสาทถูกกระตุ้นให้ปล่อยสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดการกระตุกของกล้ามเนื้อในช่วงการเข้าสู่การหลับลึก ในช่วงนี้สมองจะมีการตอบสนองว่าเรากำลังจะตกลงจากที่สูง หรือร่างกายกำลังจะล้ม

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอาการสะดุ้งตื่นเหล่านี้ อาทิ การดื่มคาเฟอีน การออกกำลังกายหนักก่อนนอน หรือการเผชิญกับความเครียดและวิตกกังวลที่มากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและการนอนหลับของร่างกาย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการสะดุ้งตื่นกลางดึก

หลายปัจจัยสามารถส่งผลให้เกิดอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้

  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

การดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก่อนนอน สามารถทำให้สมองตื่นตัวและรบกวนการหลับได้ โดยสารคาเฟอีนจะยังคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานหลังจากที่ดื่มไปแล้ว ทำให้คนที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้บ่อย ๆ มีปัญหาการนอนหลับและฝันร้ายนำไปสู่การสะดุ้งตื่น

  • การออกกำลังกายก่อนนอน

การออกกำลังกายสามารถทำให้ร่างกายตื่นตัวและเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย ถ้าคุณการออกกำลังกายอย่างหนักก่อนนอน อาจทำให้เกิดความตื่นตัวที่ไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาของการหลับ และทำให้การนอนหลับไม่ลึกพอเกิดอาการสะดุ้งตื่นได้

  • ความเครียดและวิตกกังวล

ความเครียดและอารมณ์วิตกกังวลมีผลกระทบอย่างมากต่อการนอนหลับ โดยเฉพาะเมื่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้นในระหว่างที่ร่างกายกำลังจะหลับ ทำให้สมองไม่สามารถเข้าสู่การหลับลึกได้และอาจทำให้เกิดการสะดุ้งตื่นกลางดึก

  • การอดนอน

การนอนหลับไม่เพียงพอหรือการนอนหลับที่ผิดปกติก็สามารถกระทบต่อวงจรการนอนหลับ ทำให้การนอนหลับไม่สมบูรณ์และเกิดอาการสะดุ้งตื่นบ่อย

การรับมือและแนวทางการป้องกัน

หากคุณกำลังประสบปัญหาการสะดุ้งตื่นกลางดึก รู้สึกไม่สบายจากอาการนี้ มีวิธีการปฏิบัติที่สามารถช่วยให้คุณบรรเทาหรือป้องกันได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมการนอนและการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนก่อนนอน

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างเช่น กาแฟ ครื่องดื่มชูกำลังก่อนนอนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง

  • ออกกำลังกายแต่ไม่หนักก่อนนอน

แม้ว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ก่อนเข้านอน เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป

  • การผ่อนคลายก่อนนอน

หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรือดู TV ก่อนนอน ควรเลือกกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ การอ่านหนังสือ เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะพร้อมสำหรับการนอนหลับที่ดีขึ้น

  • การจัดสภาพแวดล้อมในการนอน

สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับ เช่น ห้องนอนที่มืดและเย็น ไม่มีแสงหรือรบกวน เพื่อให้คุณสามารถนอนหลับได้สนิทขึ้นตลอดทั้งคืน

สัญญาณอันตรายที่ควรระวัง

ในกรณีที่อาการสะดุ้งตื่นเกิดขึ้นบ่อยหรือเริ่มมีอาการอื่นร่วม เช่น อาการหยุดหายใจขณะหลับ อาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สรุป

อาการสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือ “Hypnic jerk” เป็นอาการที่สามารถพบได้ในทุกคนและไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง ถ้าเกิดขึ้นเพียงบางครั้ง แต่หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วม ควรเข้ารับการตรวจสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและช่วยให้คุณกลับมานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพในทุก ๆ คืน

Related Blogs and Articles
ลูกหายใจทางปาก

ลูกหายใจทางปาก อาจดูเหมือนไม่อันตราย แต่จริง ๆ แล้วเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาการนอน การเจริญเติบโต และพัฒนาการสมองของเด็ก

ป้องกันหยุดหายใจขณะหลับ

หลายคนคิดว่าเสียงกรนเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้ว มันอาจเป็นสัญญาณของโรคหยุดหายใจขณะหลับ หรือภาวะอื่น ๆ ที่กระทบต่อหัวใจ สมอง

แก้นอนกรน ด้วย myofunctional therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

เสียงกรนเตือนภัยสุขภาพ

เสียงกรนอาจไม่ใช่เรื่องเล็ก ตรวจการนอนกรนช่วยค้นหาความผิดปกติ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

เครื่อง CPAP แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง

อาการนอนกรน ถือเป็นปัญหาสุขภาพของใครหลาย ๆ คน ในเฉพาะคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ไม่เพียงแต่ทำให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม แต่ยังเป็นสาเหตุของความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง หนึ่งในวิธีการรักษาที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำ คือ การใช้เครื่องช่วยหายใจที่เรียกว่า CPAP ซึ่งย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เครื่อง CPAP เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดรักษาคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ด้วยการส่งแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่องผ่านทางหน้ากาก เพื่อเปิดทางเดินหายใจของคุณให้กว้างขึ้น ช่วยลดอาการนอนกรนและป้องกันการหยุดหายใจซ้ำ ๆ ในขณะหลับ ทำให้การนอนหลับทุกคืนของคุณกลับมาเป็นปกติ เครื่อง CPAP ทำงานอย่างไร? เครื่อง CPAP ทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศไปยังทางเดินหายใจผ่านหน้ากากที่สวมใส่ขณะนอนหลับ ช่วยป้องกันการปิดตัวของทางเดินหายใจในขณะที่กำลังหายใจเข้า โดยทั่วไปเครื่อง CPAP จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ บทความที่เกี่ยวข้อง เครื่อง CPAP เพื่อรักษาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ใครบ้างที่ควรใช้เครื่อง CPAP? เครื่อง CPAP มักจะถูกแนะนำหรือมาใช้รักษาให้กับคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่รุนแรงหรือเพียงเล็กน้อยก็ตาม การใช้ CPAP ช่วยทำให้คนไข้กลับมามีการนอนหลับที่ต่อเนื่องขึ้น ลดเสียงกรน และป้องกันภาวะการหยุดหายใจซ้ำ ๆ​ ตามที่ PMC กล่าวว่า โดยรวมแล้วการรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจแก้กรนเป็นทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการหายใจระหว่างการนอนหลับ และสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง​ เครื่อง CPAP มีกี่ประเภท? แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ก็ยังมีเครื่องประเภทอื่น ๆ ที่ทำงานคล้ายกันและมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนี้ ความแตกต่างของเครื่อง CPAP แต่ละยี่ห้อ ข้อดีและข้อเสียของเครื่อง CPAP การเลือกใช้เครื่อง CPAP มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ป่วยควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้ ข้อดี ข้อเสีย การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP ที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราให้บริการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ด้วย เครื่อง CPAP เป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้นขณะนอนหลับ ทำงานโดยการส่งแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ป้องกันการอุดกั้น ลดการหยุดหายใจและเสียงกรน ทำให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอตลอดคืน ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดสมอง ทำไมต้องเลือก CPAP กับ VitalSleep Clinic? หากคุณมีอาการ นอนกรน ง่วงนอนตอนกลางวัน หรือหายใจติดขัดขณะหลับ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาเรื้อรัง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ VitalSleep Clinic เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด

World Sleep Day 2025

World Sleep Day หรือ วันนอนหลับโลก เกิดขึ้นภายใต้สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (World Association of Sleep Medicine: WASM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพ และตระหนักรู้ถึงความอันตรายของปัญหาการนอนหลับ เป็นการสื่อสารไปสู่ผู้คนในวงกว้างด้วยความพยายามที่จะป้องกันและบรรเทาปัญหาการนอนของคนทั้งโลก และรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการหลับที่มีคุณภาพ ถูกจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 หลังจากนั้นมีการจัดกิจกรรมขึ้นเป็นประจำทุกปี ขณะนี้มีประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม วันนอนหลับโลก แล้วมากกว่า 67 ประเทศทั่วโลก เปิดสถิติ คนไทยประสบปัญหาการนอนหนัก การนอนหลับ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดของการฟื้นฟูร่างกาย แท้จริงแล้ว การนอนหลับไม่ใช่เพียงแค่เป็นการพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น มนุษย์ใช้เวลามากถึง 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน เพื่อเติมพลังให้ชีวิตสามารถใช้ชีวิตอีก 2 ใน 3 ที่เหลือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากของชีวิตมนุษย์ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่การนอนหลับที่มีคุณภาพ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนไทยมากมึง 19 ล้านคน กำลังประสบปัญหาการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนอนหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ ตื่นกลางดึกบ่อยเพื่อเข้าห้องน้ำ นอนกรน หรือรุนแรงถึงหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบปัญหาเหล่านี้ได้ในคนอายุน้อยลงมากขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพ เป็นอย่างไร การนอนหลับที่มีคุณภาพ หรือ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงในการนอนหลับเพียงอย่างเดียว ความลึกของการนอนหลับกับเวลาเข้านอนที่เหมาะสมก็มีความสำคัญอย่างมาก หากหลับลึกไม่พอ หรือความผิดปกติระหว่างการนอนบางอย่าง อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอนในช่วงเช้า (Unrested Sleep) อาจส่งผลกระทบกับระบบความจำ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ กระทบการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน โดยทั่วไป ระยะเวลาที่เหมาะสมในการนอนแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สามารถอ้างอิงเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ล่วงวัยได้ ดังนี้ เด็กแรกเกิด (อายุ 0-3 เดือน) = 14-17 ชั่วโมงต่อวัน เด็กทารก (อายุ 4-11 เดือน) = 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เด็กเล็ก (อายุ 1-2 ปี) = 11-14 ชั่วโมงต่อวัน วัยอนุบาล (3-5 ปี) = 10-13 ชั่วโมงต่อวัน วัยประถม (6-13 ปี) = 9-11 ชั่วโมงต่อวัน วัยมัธยม (14-17 ปี) = 8-10 ชั่วโมงต่อวัน วัยรุ่น (18-25 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยทำงาน (26-64 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) = 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เช็คลิสต์ อาการนอนหลับผิดปกติ ตื่นมาปัสสาวะบ่อยกลางดึก (Nocturnal Urination)อาจเป็นการตอบสนองของร่างกาย เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้นหลังเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Bradycardia-tachycardia) เลือดไปเลี้ยงที่ไตเพิ่มขึ้น มีผลทำให้มีน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นขณะนอนหลับ ในขณะเดียวกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำให้นอนหลับไม่ค่อยลึก จึงทำให้สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกปวดปัสสาวะได้ง่ายมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness)เป็นความผิดปกติที่ต้องรีบหาสาเหตุและรักษา อาจะส่งผลอันตรายในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ในขณะปฏิบัติงาน และอาจนำไปสู่โรคเกี่ยวกับการนอนอื่น ๆ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ ไหลตาย Insomnia หรือ Narcolepsy และอื่นๆขาขยุกขยิก (Restless Legs)เป็นอาการที่ทำให้ต้องขยับขาไปมา เพราะรู้สึกมีความผิดปกติที่บริเวณขา จึงต้องขยับบ่อย ๆ เพื่อทำให้ความรู้สึกผิดปกติที่ขาลดลง อาการนี้มักพบได้ในช่วงเวลาค่ำ อาจพบในรายที่มีอาการโลหิตจาง (Iron deficiency) ในช่วงขณะตั้งครรภ์ (pregnancy) คนไข้โรคไตวาย (chronic renal failure) และโรคอื่น ๆปวดศีรษะหลังเพิ่งตื่นนอนตอนเช้า (Morning Headache)อาจเป็นผลมาจากที่ขณะนอนหลับไม่สามารถขับถ่าย Carbon Dioxide ออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม มีผลทำให้เส้นเลือดแดงในสมองขยายตัวจาก Respiratory Acidosis จึงทำให้รู้สึกปวดศีรษะ และอาการนี้จะรุ้สึกได้มากในช่วงเวลาเช้าหลังเพิ่งตื่นนอนนอนกรน (Snoring)มีเสียงหายใจดังมาก หรือ เสียงกรนดังขณะนอนหลับ ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพของตนเอง และอาจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วย เป็นอาการอันตราย ต้องรีบหาสาเหตุและรักษาอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะมีผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว เช่น Cardiovascular Problems Metabolic Syndrome ความจำเสื่อม ความดันสูง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอื่น ๆหยุดหายใจในขณะนอนหลับ (Sleep Apnea)เป็นอาการผิดปกติของการนอนกลับที่อันตรายรุนแรง อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ โรคหยุดหายใจขณะหลับอาจสังเกตได้อย่างหากไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น สำลักขณะนอนหลับ (Waking up Choking) ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างกะทันหันเพื่อหายใจ (Waking up Gasping) Cognitive Dysfunctionsนอนไม่เพียงพอหรือมีปัญหาเรื่องการนอนหลับอาจมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมอง รวมทั้งความทรงจำทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การนอนหลับ ตรวจคุณภาพได้ Sleep Test (Polysomnography) หรือ การตรวจคุณภาพการนอนหลับ คือ การตรวจวัดคลื่นสมอง ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจระหว่างการนอนหลับ นอกจากนั้นยังตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการเคลื่อนไหวร่างกายบางส่วน เพื่อตรวจดูคุณภาพการนอนหลับ ค้นหาความผิดปกติของการนอน หรือ โรคที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนบางอย่าง อาการนอนกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรค สมองเสื่อม...

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!