• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
หลับไปแล้ว ไม่ตื่นอีกเลย
ภาวะ "ใหลตาย" ภัยเงียบรูปแบบใหม่
ใกล้ตัวกว่าที่คิด

หลับไปแล้ว ไม่ตื่นอีกเลย

ภาวะ "ใหลตาย" ภัยเงียบรูปแบบใหม่
ใกล้ตัวกว่าที่คิด
Table of Contents

เมื่อพูดถึงเรื่องใหลตาย หลายคนอาจจะไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ บ่อยครั้งที่มองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกาย โดยเฉพาะอาการนอนกรนที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้ว การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะใหลตาย หรือ Sudden Unexpected Death Syndrome (SUDS) ที่สามารถพรากชีวิตคนที่เรารักไปได้โดยไม่ทันตั้งตัว บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับภาวะใหลตาย สาเหตุ วิธีป้องกัน และการดูแลตัวเองและคนที่คุณรัก เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ใหลตายคืออะไร?

“ใหลตาย” หรือ SUDS เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ส่วนมากจะเกิดขึ้นในขณะที่กำลังหลับอยู่ โดยเฉพาะในช่วงดึกถึงช่วงเช้า ภาวะนี้ทำให้เสียชีวิตอย่างฉับพลัน แม้จะมีสุขภาพที่ดูเหมือนแข็งแรงปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง ภาวะใหลตายนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แต่พบมากที่สุดในผู้ชายที่มีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะใหลตายเกิดจากสาเหตุอะไร?

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะใหลตายมีหลายสาเหตุ บางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับการหยุดหายใจขณะนอนหลับ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหัวใจและระบบหายใจในช่วงที่กำลังนอนหลับ และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป การใช้ยากล่อมประสาท หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะใหลตายได้

การนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ

หลายคนอาจไม่เคยคิดว่า “การนอนกรน” เป็นอันตรายมากกว่าที่คิด การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” (Obstructive Sleep Apnea, OSA) ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะใหลตายได้ ผู้ที่นอนกรนอย่างหนักมักจะมีช่วงที่หยุดหายใจลงชั่วคราว ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลให้หัวใจทำงานมากหนักขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว การนอนกรนหยุดหายใจจึงไม่ควรถูกมองข้าม และควรได้รับรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญ

ภาวะใหลตาย

สัญญาณภาวะใหลตายที่ควรระวัง

แม้ว่าภาวะใหลตายจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่ก็ยังมีสัญญาณเตือนที่ทุกคนสามารถสังเกตเองได้ เช่น การตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกที่หายใจไม่ออก การนอนกรนเสียงดังขณะหลับ รู้สึกอ่อนเพลียในระหว่างวัน แม้ว่าคืนนั้นจะนอนหลับเต็มที่แล้ว หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจ Sleep Test เพื่อดูคุณภาพการนอนหลับของคุณหรือคนใกล้ชิด

เหตุการณ์กรณีศึกษาภาวะใหลตาย

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวการสูญเสียของครอบครัวหนึ่งที่ลูกชายวัย 28 ปี เสียชีวิตในขณะที่กำลังหลับอยู่ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีอาการป่วยร้ายแรงใด ๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวเล่าว่าคืนสุดท้ายที่พวกเขานั่งคุยกัน ทุกอย่างดูเป็นปกติ ยังหัวเราะด้วยกันอยู่เลย แต่เช้าวันต่อมากลับพบว่าลูกชายของพวกเขานอนนิ่ง ไม่มีเสียงหายใจ ไม่มีการตอบสนองอะไรทั้งสิ้น นี่คือเรื่องจริงของการสูญเสียที่ไม่สามารถคาดเดาได้ มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนจริง ๆ ดังนั้น ควรต้องตระหนักถึงสัญญาณอันตรายและวิธีการป้องกัน เพื่อไม่ให้คุณและคนในครอบครัวต้องจากไปจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแบบนี้

แนวทางการป้องกันและการรักษา

การป้องกันการเกิดภาวะใหลตายนั้นเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์แนะนำให้เริ่มจากการปรับพฤติกรรมการนอน เช่น นอนตะแคงแทนการนอนหงาย ลดน้ำหนักหากน้ำหนักเกิน และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำการใช้ CPAP (เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ) เพื่อช่วยให้การหายใจขณะนอนหลับเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและปลอดภัย การรักษาอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะใหลตายได้

เทคโนโลยีป้องกันภาวะใหลตาย

ในช่วงนี้ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการป้องกันการเกิดภาวะใหลตายมากขึ้น มีการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Smart Watch (สมาร์ทวอช) ที่สามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจและการหายใจขณะนอนหลับได้ หรือแม้แต่เครื่องตรวจการนอนหลับแบบพกพา ที่สามารถวิเคราะห์การนอนหลับของเราได้ว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับไหม เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เรามีเครื่องมือในการตรวจจับและเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพได้ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

รูปแบบการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพ

การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันภาวะใหลตายและการนอนกรนหยุดหายใจ การเริ่มต้นดูแลตัวเองอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันชีวิตตัวเองและคนใกล้ตัว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ การให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองไม่ใช่เพียงเพื่อการให้แข็งแรงอย่างเดียว แต่ยังสามารถให้เรามีชีวิตที่มีคุณภาพและสามารถใช้เวลากับคนที่เรารักได้อย่างเต็มที่ขึ้น

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาวะใหลตาย

ถึงแม้ภาวะใหลตายจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ยังก็มีความเข้าใจผิดหลายประการเกี่ยวกับโรคนี้ บางคนอาจคิดว่าภาวะใหลตายมันจะเกิดขึ้นแต่กับในผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัวรุนแรงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะใหลตายมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ในทุกเพศและทุกวัย ความเข้าใจผิดเหล่านี้อาจทำให้หลายคนมองข้ามสัญญาณเตือนนี้ไป เช่น อาการนอนกรนกรนหยุดหายใจหรืออาการหยุดหายใจขณะหลับ การมีความรู้เกี่ยวกับภาวะใหลตายที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะมันอาจช่วยชีวิตเราและคนใกล้ชิดได้

การตระหนักถึงปัญหาการนอนกรนและภาวะใหลตาย

ในปัจจุบันสังคมเริ่มมีการตระหนักถึงปัญหาการนอนกรนและภาวะใหลตายมากขึ้น แม้เมื่อก่อนการนอนกรนอาจถูกมองว่าเป็นธรรมดาหรือเรื่องเล็กน้อย และเรื่องตลกขำขัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรรักษา โดยการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะใหลตายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันจะช่วยกระตุ้นให้ทุก ๆ คนเริ่มตรวจสอบสุขภาพของตัวเองและคนใกล้มากขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีการใส่ใจเรื่องสุขภาพอย่างจริงจังมากขึ้น

สถิติการใหลตายในไทย

ในประเทศไทย ภาวะใหลตายยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยมากนัก แต่ก็มีแนวโน้มที่น่ากังวล จากข้อมูลพบว่าผู้ชายไทยในวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะใหลตายมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การนอนกรน การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือรคความดันโลหิตสูง ถึงแม้ว่าตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากภาวะใหลตายจะไม่สูงมาก แต่การสร้างความตระหนักและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังเป็นเรื่องสำคัญเพื่อลดโอกาสในการสูญเสียจากภาวะใหลตาย

แนวทางการรักษาภาวะใหลตายในอนาคต

ในการแพทย์และวิทยาศาสตร์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาวิธีการรักษาและป้องกันภาวะใหลตายในอนาคต เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การตรวจการนอนหลับ Sleep Test จะมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของภาวะนี้ นอกจากนี้ การวิจัยด้านการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ ๆ เช่น การรักษาผ่านยาที่สามารถปรับการทำงานของหัวใจและระบบหายใจในขณะหลับ จะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันผู้คนได้มากขึ้น

สรุป

ภาวะใหลตายไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่มันเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การที่เราตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ตั้งแต่แรก ๆ สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียของคนใกล้ชิดได้ การดูแลสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน และการใส่ใจกับสัญญาณเตือนต่าง ๆ เช่น “การนอนกรน” จะช่วยลดความเสี่ยงให้เราปลอดภัยมากขึ้น เราควรใช้ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการรักษาภาวะใหลตาย

Related Blogs and Articles
นอนกัดฟัน อันตรายไหม

แม้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการนอนกัดฟันที่แน่ชัดได้ แต่งานวิจัยพบว่า "ความเครียด" และ "ความวิตกกังวล" เป็นปัจจัยหลักของอาการนี้ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเรื้อรังและการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะการกระตุ้นแกน HPA (Hypothalamic-Pituitary-Adrenal axis) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มระดับคอร์ติซอลในน้ำลาย และอาจทำให้เกิดพฤติกรรมกัดฟันซ้ำๆ ขณะนอนหลับ ข้อมูลงานวิจัยจาก PubMed Central (PMC) นอนกัดฟัน คืออะไร? นอนกัดฟัน (Bruxism) คือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ โดยผู้ป่วยจะขบฟันหรือบดฟันไปมาโดยไม่รู้ตัว อาจมีเสียงกัดฟันดังจนคนข้าง ๆ สะดุ้งตื่นกลางดึก ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และคุณภาพการนอน คนที่นอนกัดฟันมักมีอาการปวดกราม ปวดข้อต่อขากรรไกรหรือปวดศีรษะตอนตื่นนอน บางรายอาจมีพฤติกรรมนอนกัดฟันมากกว่า 100 ครั้งต่อคืนด้วย เช็กอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณนอนกัดฟัน? เพราะอาการมักเกิดขณะนอนหลับโดยที่เราไม่รู้ตัว วิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัย คือ “การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)” สามารถตรวจจับการทำงานของกล้ามเนื้อขณะนอนหลับได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตอาการต่อไปนี้ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ ผลเสียจากการนอนกัดฟัน แม้อาการจะดูไม่รุนแรงมากในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น วิธีรักษาอาการนอนกัดฟันแบบเฉพาะทางที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราใช้แนวทางวินิจฉัยอย่างครอบคลุม พร้อมวิธีรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อหยุดพฤติกรรมกัดฟันขณะหลับอย่างได้ผล 1. ใช้อุปกรณ์ครอบฟันกันกัดฟันเฉพาะบุคคล (Splint) หากพบว่าการนอนกัดฟันไม่ได้เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์เฉพาะทางจะทำ Splint หรือ Night Guard แบบเฉพาะบุคคล ให้พอดีกับฟันและขากรรไกรของผู้ป่วย อ่านเพิ่มเติม 2. Myofunctional Therapy หากการนอนกัดฟันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกลืนผิดปกติหรือลิ้นตกขณะนอน แพทย์เฉพาะทางอาจแนะนำให้บำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจและใบหน้า (Myofunctional Therapy) อ่านเพิ่มเติม สรุป นอนกัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพช่องปาก รูปหน้า ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิต หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการนอนกัดฟัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างตรงจุด ก่อนที่อาการจะลุกลามรุนแรงมากขึ้น

Symptoms of sleep apnea

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

เครื่อง BiPAP คืออะไร BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตรวจการนอนหลับ Sleep Test ราคาประหยัด ตรวจได้แม้งบน้อย

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน

คุณหมอเคลียร์ข้อสงสัย-สาเหตุ-อันตราย-วิธีรักษาการนอนกรนและ-โรคหยุดหายใจขณะหลับ

สาเหตุ อันตราย และวิธีการรักษาการนอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับ โดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัญหาที่หลายคนประสบ โดยเฉพาะผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีภาวะดังกล่าว วันนี้เราจะพูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับสาเหตุ อันตราย และวิธีการรักษาการนอนกรน รวมถึงโรคหยุดหายใจขณะหลับ มาฟังกันเลยค่ะ ซีมง: ทำไมบางคนถึงมีอาการกรนแต่บางคนกลับไม่มีอาการกรนคะ?​ คุณหมอ: การกรนมี 2 แบบ สาเหตุของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซีมง: ค่ะคุณหมอ…สรุปแล้ว โรคหยุดหายใจขณะหลับอันตรายยังไงบ้างคะ? คุณหมอ: อันตรายของภาวะหยุดหายใจขณะหลับนะคะ ก็ลองนึกสภาพนะคะว่า แค่ซีมงทำงานหนักๆ หรือว่างานเยอะ นอนตี 3 ตี 4 แล้วต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า ก็จะรู้สึกไม่เฟรชเนอะ เพลียๆ ตื้อๆ ทั้งวัน ง่วงทั้งวัน ซีมง: เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นอยู่ (เสียงหัวเราะ) คุณหมอ: อ้าวจริงเหรอ (เสียงหัวเราะ) ก็คือการนอนหลับนะคะ เป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิต มันเหมือนการ Recharge ถ้าเรานอนไม่ได้ เหมือนเราไม่ได้ Recharge พลังงานชีวิตเราจะลดลง ทีนี้พอคนไข้หายใจเข้าไม่ได้ เหมือนเราไม่มีออกซิเจน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หัวใจจะทำงานหนัก สัญญาณแรกๆที่โผล่มาก็คือ ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจได้ อีกเรื่องนึงคือ เราจะตื่นมาไม่สดชื่น ก็จะเกิดอาการ “Daytime Sleepiness” ก็คือง่วงหงาวหาวนอนตลอดทั้งวันเลย ซีมง: เอาละค่ะ… วันนี้เราก็ได้รู้สาเหตุและอันตรายของการกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับไปแล้วนะคะ คุณหมอมีอะไรจะทิ้งท้ายกับคนที่ดูอยู่ไหมคะ คุณหมอ: ก่อนจบวันนี้นะคะ ขอฝากไว้ว่า ใครมีคนใกล้ชิดที่มีอาการนอนกรนเสียงดัง แล้วก็มีอาการหยุดหายใจไปแล้ว “เฮือกกก” กลับมาแบบนี้ ให้สันนิษฐานว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็พามาเลย ที่ Vital Sleep Clinic นะคะ ซีมง: ค่ะ วันนี้เราก็ได้ความรู้ไปมากมาย ใครที่สนใจอยากรู้วิธีรักษาการนอนกรนเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามชมได้ใน EP ต่อไปเลยค่ะ ก็ทราบกันไปแล้วนะคะว่า สาเหตุของการนอนกรนมาจากไหน อาการหยุดหายใจขณะหลับมีลักษณะยังไง ถ้าอยากรู้ว่าคุณหมอจะมีวิธีแก้นอนกรนยังไง สามารถติดตามต่อได้ใน EP ต่อไปนะคะ อันตรายของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การหยุดหายใจขณะหลับส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม เพราะในระหว่างที่หายใจไม่ได้ ร่างกายจะขาดออกซิเจน ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และผลที่ตามมาก็คือ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นกระบวนการที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ พลังงานชีวิตจะลดลง ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเรื่อย ๆ วิธีการรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะ โดยที่ Vital Sleep Clinic มีการรักษาแบบครบวงจร ทั้งการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด พร้อมด้วยการบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ เช่น Myofunction Therapy และจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยลดการกรน เช่น Myosa® นอกจากนี้ ทีมแพทย์ที่ Vital Sleep Clinic เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองจากสถาบันนานาชาติ มีประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับกล้ามเนื้อใบหน้าและการรักษาภาวะนอนกรน จึงมั่นใจได้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด สรุป การนอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับมีทั้งแบบที่ไม่อันตรายและแบบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจ ซึ่งส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ หากคุณพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาและคำแนะนำที่เหมาะสม

Snoring increases the risk of cancer

หลายคนอาจคิดว่า “การนอนกรน” เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย แต่รู้หรือไม่ว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งมักพบร่วมกับการกรน อาจมีความเชื่อมโยงกับ “โรคมะเร็ง”https://www.youtube.com/shorts/Qil5hs1gy5A ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร? ข้อมูลจากสถาบันโรคหัวใจ ปอด และโลหิตวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NHLBI) ระบุว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ จะมีช่วงที่หยุดหายใจและกลับมาหายใจซ้ำ ๆ ขณะนอนหลับ ทำให้หลับไม่สนิท นอนหลับไม่เต็มที่และรบกวนคุณภาพชีวิตในระยะยาวสาเหตุหลัก มาจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอที่หย่อนตัวผิดปกติ ทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้น หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่โรคร้ายต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ความเชื่อมโยงระหว่างการนอนกรนกับโรคมะเร็ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Athanasia Pataka จาก Aristotle University of Thessaloniki ประเทศกรีซ ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือมีอาการกรนอย่างรุนแรง จะมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำระหว่างนอนหลับ ภาวะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด งานวิจัยที่ชี้ชัด มีการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างกว่า 19,000 คน (ชาย 13,767 คน หญิง 5,789 คน) พบว่าผู้ที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% ซ้ำ ๆ ในแต่ละคืน มีความเสี่ยงต่อมะเร็งมากขึ้นในกลุ่มนี้ มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจำนวน 388 คน (ราว 2%)มะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงคือ มะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายคือ มะเร็งต่อมลูกหมากอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจคือ การหยุดหายใจขณะหลับมีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง ชัดเจนในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในคนที่มีอาการรุนแรง และมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำในช่วงกลางคืนนักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ปัจจัยทางชีววิทยาระหว่างเพศชายและหญิง เช่น ฮอร์โมน อาจเป็นตัวเร่งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงอิทธิพลของออกซิเจนต่ำในเลือด ซึ่งอาจกระตุ้นกระบวนการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย วิธีรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การรักษาจะเริ่มจาก การตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินความรุนแรง จากนั้นแพทย์เฉพาะทางจะวางแผนการรักษา มีทั้งแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ยางครอบฟันช่วยเปิดทางเดินหายใจ (Oral Appliance)การทำบำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)คลื่นความถี่วิทยุ RF Bot จี้โคนลิ้นและเยื่อบุจมูกการใช้ CPAP การรักษาแบบผ่าตัด การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำไมต้องรักษาที่ VitalSleep Clinic? แพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญมีทีมแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันระดับโลก พร้อมใบรับรองด้านการรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อช่องปาก ใบหน้าและทางเดินหายใจเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งแนวทางแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัด รวมถึง Myosa® สำหรับผู้มีปัญหานอนกัดฟันหรือข้อต่อขากรรไกรใส่ใจ ดูแลรักษาได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือปัญหาข้อต่อขากรรไกร พร้อมดูแลอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำขณะหลับ จึงควรตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินอาการและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดที่ VitalSleep Clinic พร้อมดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!

สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย อย่านิ่งนอนใจ

การนอนสะดุ้งตื่นกลางดึกแม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพการนอนหลับ

CoolSwiss ลดกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด

CoolSwiss หลายคนอาจคุ้นชื่อในนวัตกรรมด้านความงาม แต่คุณรู้ไหมว่า…สำหรับคนที่นอนกรนโดยเฉพาะจากสาเหตุ ไขมันสะสมบริเวณลำคอ

แก้นอนกรน ด้วย myofunctional therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)