Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
Update! ใหม่ล่าสุด วิธีรักษานอนกรน
บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า
และทางเดินหายใจส่วนต้น

Update! ใหม่ล่าสุด วิธีรักษานอนกรน

บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า
และทางเดินหายใจส่วนต้น
Table of Contents

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง อาการกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในทางเดินหายใจ ซึ่งมักเกิดมาจากการหย่อนของกล้ามเนื้อบริเวณลำคอขณะหลับ แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy หรือการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจส่วนต้น กำลังเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจ เพราะสามารถช่วยรักษาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการของการบำบัดนี้ รวมถึงศักยภาพในการรักษาอาการนอนกรนและการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับอย่างครบถ้วน

ทำความรู้จักกับ Myofunctional Therapy

Myofunctional Therapy เป็นการบำบัดที่เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้า ปาก และลำคอ เป้าหมายของการบำบัดคือการแก้ไขปัญหาการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่เหมาะสม เช่น การเคลื่อนไหวของลิ้น การกลืน หรือการหายใจ ที่เป็นสาเหตุของอาการกรน ซึ่งการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจนี้จะช่วยปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณปาก ลำคอ และการหายใจ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการนอนกรน

วิธีการบำบัดนี้ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการทำงานที่ดีของกล้ามเนื้อใบหน้า โดยมีผลต่อการเคี้ยว การกลืน และการพูด ที่สำคัญยังช่วยปรับปรุงการหายใจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานอนกรนได้ในระยะยาว

หลักการบำบัด Myofunctional Therapy ในการรักษานอนอาการกรน

การบำบัดด้วย Myofunctional Therapy จะเน้นการฝึกกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ การกลืน การทำงานอื่น ๆ ในช่องปากและทางเดินหายใจส่วนต้น ในกรณีของการนอนกรน การฝึกกล้ามเนื้อดังกล่าวจะช่วยลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่ออ่อนในคอและเปิดทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการกรน

  1. การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
    การฝึกกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ เป็นส่วนสำคัญของการบำบัด Myofunctional Therapy โดยมีการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านี้ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ ทำให้ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในคอที่ทำให้เกิดเสียงกรนได้
  2. การแก้ไขท่าทางในช่องปาก
    อาการนอนกรน อาจมีสาเหตุมาจากการวางตำแหน่งของลิ้นที่ไม่ถูกต้อง ลิ้นที่ตกไปด้านหลังมากเกินไป การบำบัดนี้จะเน้นการปรับท่าทางของลิ้น ริมฝีปาก และกรามให้เหมาะสม เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้นและลดการกีดขวางของลมหายใจขณะหลับ ซึ่งสามารถช่วยแก้อาการนอนกรนได้
  3. การฝึกการกลืน
    บางคนอาจมีปัญหาการกลืนที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุของอาการกรน การฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องสามารถช่วยลดโอกาสเกิดการนอนกรนได้
  4. ฝึกเทคนิคการหายใจ
    การหายใจที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการกรน การบำบัด Myofunctional Therapy จะสอนให้ผู้ที่มีปัญหานอนกรนฝึกการหายใจที่ถูกต้อง เช่น การหายใจทางจมูกและการหายใจด้วยกระบังลม ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดโอกาสของการหายใจทางปากซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกรนได้
  5. การออกกำลังกายลิ้น
    กล้ามเนื้อลิ้นมีบทบาทสำคัญในการหายใจและการนอนกรน การฝึกออกกำลังกายลิ้นเป็นอีกส่วนหนึ่งของ Myofunctional Therapy ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของลิ้น ช่วยปรับท่าทางของลิ้นและลดการสั่นสะเทือนที่เป็นสาเหตุของอาการนอนกรน

การบำบัด Myofunctional Therapy ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญ

เพราะสามารถประเมินสาเหตุที่แท้จริงของอาการนอนกรนได้แม่นยำ มาพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการนอนกรนเรื้อรัง

อาการนอนกรน อาจดูเหมือนเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ การนอนกรนเป็นสัญญาณที่อาจบอกถึงปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น

  1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
    การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ทำให้การหายใจหยุดชะงักขณะหลับ โดยภาวะนี้สัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน
  2. ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
    อาการนอนกรนเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาด้านหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูงและจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อาการนอนกรนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
  3. อาการง่วงนอนและการทำงานของสมองบกพร่อง
    อาการนอนกรนสามารถรบกวนการนอนหลับ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในช่วงกลางวัน และสมองทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจส่งผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
  4. ปัญหาความสัมพันธ์
    อาการนอนกรนที่รุนแรงอาจรบกวนการนอนของคู่สมรสหรือคนรอบข้าง ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์และความเครียดจากการนอนไม่พอ
  5. ความเหนื่อยล้าและปัญหาทางอารมณ์
    อาการนอนกรนอาจส่งผลต่ออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความหงุดหงิด ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล เนื่องจากการนอนไม่พอและคุณภาพการนอนที่แย่
  6. สมาธิและความจำบกพร่อง
    อาการนอนกรนอาจส่งผลกระทบต่อสมาธิ ความจำและความสามารถในการเรียนรู้
  7. ความผิดปกติของการเผาผลาญ
    จากงานวิจัยพบว่า อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคอ้วน

ข้อดีของการบำบัด Myofunctional Therapy

การบำบัด Myofunctional Therapy มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับวิธีการรักษานอนกรนแบบดั้งเดิม

  1. การบำบัดที่ไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือยา
    หนึ่งในข้อดีหลัก ๆ ของ Myofunctional Therapy คือไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือการใช้ยาใด ๆ เลย เป็นการรักษาที่ใช้การออกกำลังกายเฉพาะกล้ามเนื้อเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบหายใจและกล้ามเนื้อใบหน้า จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  2. ปรับปรุงคุณภาพชีวิต
    เมื่ออาการนอนกรนลดลง จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าในระหว่างวัน ทำให้การทำงานและการดำเนินชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่อาจได้รับผลกระทบจากเสียงกรนได้
  3. ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในระยะยาว
    การนอนกรนที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การบำบัดด้วย Myofunctional Therapy สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเหล่านี้ได้ในระยะยาว
  4. การปรับตัวที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทุกวัย
    การบำบัดนี้เหมาะสำหรับทุกคน ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ สามารถปรับใช้ได้ตามความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งจะแตกต่างจากการผ่าตัดหรือการใช้เครื่อง CPAP ที่อาจไม่สะดวกสำหรับในบางคน
  5. ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
    การฝึกกล้ามเนื้อใน Myofunctional Therapy จะให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ได้รับการฝึกและพัฒนาจะสามารถคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้แม้หลังจากการรักษาแล้ว ต่างจากการใช้อุปกรณ์เสริมที่อาจต้องใช้ตลอดชีวิต

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการบำบัด Myofunctional Therapy?

การบำบัด Myofunctional Therapy เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนทั้งที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบเรื้อรัง
  2. ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับไม่รุนแรง
  3. ผู้ที่มีปัญหาการหายใจทางปากมากกว่าการหายใจทางจมูก
  4. ผู้ที่มีปัญหาการกลืนที่ผิดปกติ หรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
  5. เด็กที่มีปัญหาการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนกรนในอนาคต
  6. ผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้หรือต้องการหาวิธีรักษาแบบทางเลือกที่ไม่ซับซ้อน

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการบำบัด Myofunctional Therapy?

การบำบัด Myofunctional Therapy เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนทั้งที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบเรื้อรัง
  2. ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับไม่รุนแรง
  3. ผู้ที่มีปัญหาการหายใจทางปากมากกว่าการหายใจทางจมูก
  4. ผู้ที่มีปัญหาการกลืนที่ผิดปกติ หรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี
  5. เด็กที่มีปัญหาการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนกรนในอนาคต
  6. ผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้หรือต้องการหาวิธีรักษาแบบทางเลือกที่ไม่ซับซ้อน

กระบวนการบำบัด Myofunctional Therapy

การเริ่มต้นบำบัด Myofunctional Therapy มักเริ่มจากการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น นักกายภาพบำบัดเฉพาะทางหรือนักบำบัดด้านการหายใจ โดยกระบวนการบำบัดจะแบ่งเป็นขั้นตอน ดังนี้

1. การประเมินเบื้องต้น

แพทย์เฉพาะทางจะประเมินโครงสร้างทางกายวิภาคของกล้ามเนื้อใบหน้า ปาก และลำคอ รวมถึงพฤติกรรมการหายใจ การกลืน และการทำงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุของอาการนอนกรน

2. การออกแบบแผนการบำบัด

เมื่อทราบถึงสาเหตุแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะพัฒนาแผนการบำบัดที่เหมาะสมซึ่งอาจรวมถึงการออกกำลังกายเฉพาะกล้ามเนื้อ การปรับปรุงพฤติกรรมการหายใจและการกลืน ซึ่งการออกกำลังกายจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในลำคอ ลิ้น และทางเดินหายใจ

3. การฝึกฝนและการติดตามผล

ผู้ป่วยจะต้องทำการฝึกฝนการออกกำลังกายตามแผนที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนด การติดตามผลเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้แน่ใจว่าการบำบัดมีประสิทธิภาพ และมีการปรับปรุงแผนการบำบัดให้เหมาะสมกับความก้าวหน้าของผู้ป่วย

สรุป

Myofunctional Therapy เป็นวิธีการรักษาการนอนกรนที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนากล้ามเนื้อใบหน้า ลิ้น และลำคอ เพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบหายใจ ช่วยลดการนอนกรน และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับอย่างมีนัยสำคัญ ข้อดีของการบำบัดนี้คือไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรืออุปกรณ์เสริม ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนที่ไม่รุนแรงและต้องการหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือเครื่อง CPAP

หากคุณมีปัญหาการนอนกรนและต้องการหาทางเลือกในการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน การบำบัด Myofunctional Therapy อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในด้านนี้จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย

Related Blogs and Articles
นอนกรนภัยเงียบที่ควรระวัง

นอนกรน ใครจะคิดว่า “เสียงกรน” ที่ดูเหมือนเรื่องธรรมดา อาจกลายเป็นภัยเงียบที่พรากชีวิตคนที่คุณรักไปอย่างไม่รู้ตัว “ใหลตาย” (Sudden Unexpected Nocturnal Death Syndrome หรือ SUNDS) คือหนึ่งในภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในอาการนอนกรน โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (OSA) เข้าใจ “ใหลตาย” ภัยเงียบที่พรากชีวิตในยามหลับ “ใหลตาย” คือภาวะเสียชีวิตอย่างกะทันหันในขณะนอนหลับ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดภายหลังชันสูตร มักเกิดในคนที่ดูเหมือนสุขภาพแข็งแรงดี ในกลุ่มชายวัยหนุ่มสาวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์สาเหตุของอาการใหลตายยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่มีจุดร่วมสำคัญคือ “การนอนกรน” งานวิจัยที่มีความเชื่อมโยง “ใหลตาย” งานวิจัยในประเทศไทยโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าในกลุ่มผู้ป่วยใหลตายที่รอดชีวิต มีสัดส่วนมากถึง 80% ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับขอบคุณข้อมูลจากในประเทศฟิลิปปินส์ มีรายงานว่าชายหนุ่มวัยทำงานเสียชีวิตจากอาการใหลตาย จำนวนมากมีประวัติ “นอนกรนเสียงดัง” และ “หายใจติดขัดกลางดึก”ขอบคุณข้อมูลจากการศึกษาจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ก็พบว่า OSA เพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจอย่างเฉียบพลัน รวมถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงในขณะหลับขอบคุณข้อมูลจาก สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ กรนเสียงดังหยุดหายใจเงียบ ๆ ชั่วครู่ แล้วเฮือกสะดุ้งตื่นกลางดึก หายใจไม่ทันตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่นง่วงตอนกลางวัน สมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวนปวดหัวตอนเช้า ความดันสูง เบาหวานหรือโรคหัวใจ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี! https://www.youtube.com/shorts/VQlGzDh6-_Q ทำไมภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ถึงเสี่ยงต่อ “ใหลตาย”? ออกซิเจนต่ำซ้ำซากการหยุดหายใจหลายครั้งต่อคืน ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลต่อหัวใจและสมองอย่างรุนแรงหัวใจเต้นผิดจังหวะภาวะ OSA เพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบventricular fibrillation ที่อาจนำไปสู่หัวใจหยุดเต้นในขณะหลับกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติภาวะออกซิเจนต่ำกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติก ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจผันผวนอย่างรุนแรงสมองขาดออกซิเจนการขาดออกซิเจนในสมองซ้ำซาก อาจทำให้เกิดการชักหรือสูญเสียการควบคุมระบบสำคัญในร่างกาย แนวทางการรักษาอาการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพื่อป้องกัน “ใหลตาย” การรักษาที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงใหลตายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยแนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก1. การรักษาแบบไม่ใช้เครื่องมือปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก งดแอลกอฮอล์ งดยานอนหลับ นอนตะแคงฝึกการหายใจ และกล้ามเนื้อในช่องปาก (Myofunctional Therapy) ช่วยกระชับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ2. การรักษาด้วยอุปกรณ์CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก ที่ถือเป็นมาตรฐานทองในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับOral Appliance (เครื่องมือทันตกรรม) ช่วยดันขากรรไกรล่างไปด้านหน้า เปิดทางเดินหายใจ เหมาะกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง3. การรักษาแบบผ่าตัดและหัตถการผ่าตัดช่องทางเดินหายใจ เช่น ตัดต่อมทอนซิล ผ่าตัดเพดานอ่อนผ่าตัดขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)รักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency)เลเซอร์ หรือร้อยไหมยกเพดานอ่อน สำหรับกรณีมีอาการนอนกรนที่ไม่ซับซ้อนอย่าปล่อยให้ “กรน” กลายเป็นคำบอกลาสุดท้ายเสียงกรนอาจไม่ใช่แค่เรื่องกวนใจของคนข้างเตียง แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” โดยเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น น้ำหนักเกิน มีคอหนา เป็นเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงการตรวจ Sleep Test คือกุญแจสำคัญ ในการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และวางแผนรักษาได้อย่างแม่นยำบทความที่เกี่ยวข้อง สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ เกิดจากอะไรกันนะ

ข้อต่อขากรรไกรอักเสบหรือที่เรียกกันว่า Temporomandibular joint disorder (TMD) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อต่อขากรรไกร ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างขากรรไกรล่างและฐานของกระโหลกศีรษะ ภาวะนี้ทำให้เกิดอาการปวดขากรรไกร ปวดกราม อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อได้ สาเหตุของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ (TMD) การเกิดข้อต่อขากรรไกรอักเสบนั้นมีหลายสาเหตุร่วมที่ส่งผล ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่อาการมักจะเกิดจากการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ อาการของข้อต่อขากรรไกรอักเสบ อาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ได้แก่ วิธีรักษาข้อต่อขากรรไกรอักเสบด้วยเครื่องมือ Myosa® หนึ่งในวิธีการรักษาข้อต่อขากรรไกรที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือการใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Myosa® ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการและลดแรงกระแทกจากข้อต่อขากรรไกร รวมถึงช่วยปรับตำแหน่งของขากรรไกรให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของการรักษาด้วย Myosa® การรักษาด้วย Myosa® มีหลายข้อดีหลายข้อ ที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาข้อต่อขากรรไกรอักเสบ การทำงานของ Myosa® เครื่องมือ Myosa® จะทำงานโดยการลดแรงกระแทกที่เกิดจากข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เมื่อใส่เครื่องมือนี้เข้าไป จะช่วยป้องกันการนอนกัดฟัน ปวดฟัน รวมถึงลดแรงกระแทกที่ข้อต่อต้องเผชิญในระหว่างการบดเคี้ยว นอกจากนี้ยังช่วยจัดขากรรไกรให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดอาการปวดได้ทันทีหลังจากเริ่มใช้ แล้วยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว การใช้งาน Myosa® ในการรักษา เครื่องมือ Myosa® ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในระหว่างการนอนหลับเป็นหลัก ในกรณีที่คนไข้มีปัญหากัดฟันหรือขากรรไกรในระหว่างวัน ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในช่วงกลางวันได้เหมือนกัน การใส่เครื่องมือ Myosa® ในระหว่างวันจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบดเคี้ยวและใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อขากรรไกรได้รับการบรรเทาและกลับมาทำงานอย่างสมดุล นอกจากนี้ Myosa® ยังเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ โดยการฝึกการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาปัญหาข้อต่อขากรรไกรและการนอนกัดฟันมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น สรุป ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ หรือ TMD เป็นภาวะที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนอนกัดฟัน ฟันไม่สบกัน หรือการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อขากรรไกร การรักษาด้วยเครื่องมือ Myosa® เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดแรงกระแทกและอาการปวดได้ดี สามารถใช้ได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนเพื่อลดอาการและป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดขากรรไกร เสียงคลิกขณะอ้าปาก มีปัญหาอาการนอนกัดฟัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

เสี่ยงตาย! รู้ไหม นอนกรนเกิดจาก ร่างกายหายใจไม่ออก

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

นอนกรน เสี่ยง โรคใหลตาย ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

อาการนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่สร้างความรำคาญใจให้กับคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิต

อาการเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

splint

หลายคนอาจจะมองว่าเสียงกรนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะพูดกันถึงวิธีการแก้ไขด้วย “เฝือกฟันแก้นอนกรน”

นอนกัดฟัน เกิดจากอะไร อันตรายไหม

แม้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการนอนกัดฟันที่แน่ชัดได้ แต่งานวิจัยพบว่า "ความเครียด" และ "ความวิตกกังวล" เป็นปัจจัยหลักของอาการนี้ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเรื้อรังและการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะการกระตุ้นแกน HPA (Hypothalamic-Pituitary-Adrenal axis) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มระดับคอร์ติซอลในน้ำลาย และอาจทำให้เกิดพฤติกรรมกัดฟันซ้ำๆ ขณะนอนหลับ ข้อมูลงานวิจัยจาก PubMed Central (PMC) นอนกัดฟัน คืออะไร? นอนกัดฟัน (Bruxism) คือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ โดยผู้ป่วยจะขบฟันหรือบดฟันไปมาโดยไม่รู้ตัว อาจมีเสียงกัดฟันดังจนคนข้าง ๆ สะดุ้งตื่นกลางดึก ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และคุณภาพการนอน คนที่นอนกัดฟันมักมีอาการปวดกราม ปวดข้อต่อขากรรไกรหรือปวดศีรษะตอนตื่นนอน บางรายอาจมีพฤติกรรมนอนกัดฟันมากกว่า 100 ครั้งต่อคืนด้วย เช็กอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณนอนกัดฟัน? เพราะอาการมักเกิดขณะนอนหลับโดยที่เราไม่รู้ตัว วิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัย คือ “การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)” สามารถตรวจจับการทำงานของกล้ามเนื้อขณะนอนหลับได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตอาการต่อไปนี้ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ ผลเสียจากการนอนกัดฟัน แม้อาการจะดูไม่รุนแรงมากในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น วิธีรักษาอาการนอนกัดฟันแบบเฉพาะทางที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราใช้แนวทางวินิจฉัยอย่างครอบคลุม พร้อมวิธีรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อหยุดพฤติกรรมกัดฟันขณะหลับอย่างได้ผล 1. ใช้อุปกรณ์ครอบฟันกันกัดฟันเฉพาะบุคคล (Splint) หากพบว่าการนอนกัดฟันไม่ได้เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์เฉพาะทางจะทำ Splint หรือ Night Guard แบบเฉพาะบุคคล ให้พอดีกับฟันและขากรรไกรของผู้ป่วย อ่านเพิ่มเติม 2. Myofunctional Therapy หากการนอนกัดฟันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกลืนผิดปกติหรือลิ้นตกขณะนอน แพทย์เฉพาะทางอาจแนะนำให้บำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจและใบหน้า (Myofunctional Therapy) อ่านเพิ่มเติม สรุป นอนกัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพช่องปาก รูปหน้า ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิต หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการนอนกัดฟัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างตรงจุด ก่อนที่อาการจะลุกลามรุนแรงมากขึ้น

World Sleep Day 2025

World Sleep Day หรือ วันนอนหลับโลก เกิดขึ้นภายใต้สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (World Association of Sleep Medicine: WASM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพ และตระหนักรู้ถึงความอันตรายของปัญหาการนอนหลับ เป็นการสื่อสารไปสู่ผู้คนในวงกว้างด้วยความพยายามที่จะป้องกันและบรรเทาปัญหาการนอนของคนทั้งโลก และรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการหลับที่มีคุณภาพ ถูกจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 หลังจากนั้นมีการจัดกิจกรรมขึ้นเป็นประจำทุกปี ขณะนี้มีประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม วันนอนหลับโลก แล้วมากกว่า 67 ประเทศทั่วโลก เปิดสถิติ คนไทยประสบปัญหาการนอนหนัก การนอนหลับ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดของการฟื้นฟูร่างกาย แท้จริงแล้ว การนอนหลับไม่ใช่เพียงแค่เป็นการพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น มนุษย์ใช้เวลามากถึง 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน เพื่อเติมพลังให้ชีวิตสามารถใช้ชีวิตอีก 2 ใน 3 ที่เหลือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากของชีวิตมนุษย์ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่การนอนหลับที่มีคุณภาพ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนไทยมากมึง 19 ล้านคน กำลังประสบปัญหาการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนอนหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ ตื่นกลางดึกบ่อยเพื่อเข้าห้องน้ำ นอนกรน หรือรุนแรงถึงหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบปัญหาเหล่านี้ได้ในคนอายุน้อยลงมากขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพ เป็นอย่างไร การนอนหลับที่มีคุณภาพ หรือ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงในการนอนหลับเพียงอย่างเดียว ความลึกของการนอนหลับกับเวลาเข้านอนที่เหมาะสมก็มีความสำคัญอย่างมาก หากหลับลึกไม่พอ หรือความผิดปกติระหว่างการนอนบางอย่าง อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอนในช่วงเช้า (Unrested Sleep) อาจส่งผลกระทบกับระบบความจำ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ กระทบการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน โดยทั่วไป ระยะเวลาที่เหมาะสมในการนอนแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สามารถอ้างอิงเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ล่วงวัยได้ ดังนี้ เด็กแรกเกิด (อายุ 0-3 เดือน) = 14-17 ชั่วโมงต่อวัน เด็กทารก (อายุ 4-11 เดือน) = 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เด็กเล็ก (อายุ 1-2 ปี) = 11-14 ชั่วโมงต่อวัน วัยอนุบาล (3-5 ปี) = 10-13 ชั่วโมงต่อวัน วัยประถม (6-13 ปี) = 9-11 ชั่วโมงต่อวัน วัยมัธยม (14-17 ปี) = 8-10 ชั่วโมงต่อวัน วัยรุ่น (18-25 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยทำงาน (26-64 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) = 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เช็คลิสต์ อาการนอนหลับผิดปกติ ตื่นมาปัสสาวะบ่อยกลางดึก (Nocturnal Urination)อาจเป็นการตอบสนองของร่างกาย เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้นหลังเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Bradycardia-tachycardia) เลือดไปเลี้ยงที่ไตเพิ่มขึ้น มีผลทำให้มีน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นขณะนอนหลับ ในขณะเดียวกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำให้นอนหลับไม่ค่อยลึก จึงทำให้สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกปวดปัสสาวะได้ง่ายมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness)เป็นความผิดปกติที่ต้องรีบหาสาเหตุและรักษา อาจะส่งผลอันตรายในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ในขณะปฏิบัติงาน และอาจนำไปสู่โรคเกี่ยวกับการนอนอื่น ๆ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ ไหลตาย Insomnia หรือ Narcolepsy และอื่นๆขาขยุกขยิก (Restless Legs)เป็นอาการที่ทำให้ต้องขยับขาไปมา เพราะรู้สึกมีความผิดปกติที่บริเวณขา จึงต้องขยับบ่อย ๆ เพื่อทำให้ความรู้สึกผิดปกติที่ขาลดลง อาการนี้มักพบได้ในช่วงเวลาค่ำ อาจพบในรายที่มีอาการโลหิตจาง (Iron deficiency) ในช่วงขณะตั้งครรภ์ (pregnancy) คนไข้โรคไตวาย (chronic renal failure) และโรคอื่น ๆปวดศีรษะหลังเพิ่งตื่นนอนตอนเช้า (Morning Headache)อาจเป็นผลมาจากที่ขณะนอนหลับไม่สามารถขับถ่าย Carbon Dioxide ออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม มีผลทำให้เส้นเลือดแดงในสมองขยายตัวจาก Respiratory Acidosis จึงทำให้รู้สึกปวดศีรษะ และอาการนี้จะรุ้สึกได้มากในช่วงเวลาเช้าหลังเพิ่งตื่นนอนนอนกรน (Snoring)มีเสียงหายใจดังมาก หรือ เสียงกรนดังขณะนอนหลับ ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพของตนเอง และอาจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วย เป็นอาการอันตราย ต้องรีบหาสาเหตุและรักษาอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะมีผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว เช่น Cardiovascular Problems Metabolic Syndrome ความจำเสื่อม ความดันสูง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอื่น ๆหยุดหายใจในขณะนอนหลับ (Sleep Apnea)เป็นอาการผิดปกติของการนอนกลับที่อันตรายรุนแรง อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ โรคหยุดหายใจขณะหลับอาจสังเกตได้อย่างหากไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น สำลักขณะนอนหลับ (Waking up Choking) ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างกะทันหันเพื่อหายใจ (Waking up Gasping) Cognitive Dysfunctionsนอนไม่เพียงพอหรือมีปัญหาเรื่องการนอนหลับอาจมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมอง รวมทั้งความทรงจำทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การนอนหลับ ตรวจคุณภาพได้ Sleep Test (Polysomnography) หรือ การตรวจคุณภาพการนอนหลับ คือ การตรวจวัดคลื่นสมอง ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจระหว่างการนอนหลับ นอกจากนั้นยังตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการเคลื่อนไหวร่างกายบางส่วน เพื่อตรวจดูคุณภาพการนอนหลับ ค้นหาความผิดปกติของการนอน หรือ โรคที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนบางอย่าง อาการนอนกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรค สมองเสื่อม...

นอนกรน เสี่ยงมะเร็งจริงหรือ

หลายคนอาจคิดว่า “การนอนกรน” เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย แต่รู้หรือไม่ว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งมักพบร่วมกับการกรน อาจมีความเชื่อมโยงกับ “โรคมะเร็ง”https://www.youtube.com/shorts/Qil5hs1gy5A ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร? ข้อมูลจากสถาบันโรคหัวใจ ปอด และโลหิตวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NHLBI) ระบุว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ จะมีช่วงที่หยุดหายใจและกลับมาหายใจซ้ำ ๆ ขณะนอนหลับ ทำให้หลับไม่สนิท นอนหลับไม่เต็มที่และรบกวนคุณภาพชีวิตในระยะยาวสาเหตุหลัก มาจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอที่หย่อนตัวผิดปกติ ทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้น หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่โรคร้ายต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ความเชื่อมโยงระหว่างการนอนกรนกับโรคมะเร็ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Athanasia Pataka จาก Aristotle University of Thessaloniki ประเทศกรีซ ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือมีอาการกรนอย่างรุนแรง จะมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำระหว่างนอนหลับ ภาวะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด งานวิจัยที่ชี้ชัด มีการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างกว่า 19,000 คน (ชาย 13,767 คน หญิง 5,789 คน) พบว่าผู้ที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% ซ้ำ ๆ ในแต่ละคืน มีความเสี่ยงต่อมะเร็งมากขึ้นในกลุ่มนี้ มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจำนวน 388 คน (ราว 2%)มะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงคือ มะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายคือ มะเร็งต่อมลูกหมากอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจคือ การหยุดหายใจขณะหลับมีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง ชัดเจนในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในคนที่มีอาการรุนแรง และมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำในช่วงกลางคืนนักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ปัจจัยทางชีววิทยาระหว่างเพศชายและหญิง เช่น ฮอร์โมน อาจเป็นตัวเร่งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงอิทธิพลของออกซิเจนต่ำในเลือด ซึ่งอาจกระตุ้นกระบวนการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย วิธีรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การรักษาจะเริ่มจาก การตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินความรุนแรง จากนั้นแพทย์เฉพาะทางจะวางแผนการรักษา มีทั้งแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ยางครอบฟันช่วยเปิดทางเดินหายใจ (Oral Appliance)การทำบำบัดกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)คลื่นความถี่วิทยุ RF Bot จี้โคนลิ้นและเยื่อบุจมูกการใช้ CPAP การรักษาแบบผ่าตัด การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร (Maxillomandibular Advancement)การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและลิ้นไก่ ทำไมต้องรักษาที่ VitalSleep Clinic? แพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญมีทีมแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันระดับโลก พร้อมใบรับรองด้านการรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อช่องปาก ใบหน้าและทางเดินหายใจเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งแนวทางแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัด รวมถึง Myosa® สำหรับผู้มีปัญหานอนกัดฟันหรือข้อต่อขากรรไกรใส่ใจ ดูแลรักษาได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือปัญหาข้อต่อขากรรไกร พร้อมดูแลอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำขณะหลับ จึงควรตรวจ Sleep Test เพื่อประเมินอาการและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดที่ VitalSleep Clinic พร้อมดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญ ฟรี!

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)