โรคกรนคือภาวะที่เกิดเสียงดังในขณะนอนหลับ เกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อนและลำคอ เสียงกรนอาจเบาๆ หรือดังจนรบกวนคนอื่น การกรนไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมักสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
สาเหตุหลักของการกรน
- น้ำหนักตัวเกิน
- กล้ามเนื้อคอหย่อน
- การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
- ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ (OSA)
- รูปร่างโครงสร้างของเพดานอ่อนหรือกราม
ผลกระทบของการกรนต่อสุขภาพ
1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
โรคกรนอาจพัฒนาเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนชั่วคราว หลายครั้งต่อคืน
2. ผลต่อสมองและหัวใจ
การขาดออกซิเจนในระหว่างนอนหลับเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และสมองเสื่อม
3. ผลต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์
เสียงกรนอาจทำให้คู่รักนอนหลับไม่สนิท นำไปสู่ความเครียดและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
วิธีการรักษาโรคกรนแบบไม่ผ่าตัด (Non-Surgical Treatments)
โรคกรนไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป เพราะหลายกรณีสามารถควบคุมหรือบรรเทาได้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่กรนระดับเบาถึงปานกลาง หรือคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการผ่าตัด
1. การปรับพฤติกรรมการนอน
- นอนตะแคงแทนการนอนหงาย
การนอนหงายทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกลงมาปิดทางเดินหายใจ การนอนตะแคงช่วยลดการสั่นของเนื้อเยื่อ - เข้านอนตรงเวลา
การนอนหลับเพียงพอและสม่ำเสมอทำให้กล้ามเนื้อคอและลิ้นไม่หย่อน - งดดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนนอน
แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อคอหย่อน คาเฟอีนทำให้หลับไม่สนิท - หลีกเลี่ยงการกินอาหารหนักก่อนนอน
อาหารหนักทำให้กระเพาะทำงานหนักและเพิ่มความเสี่ยงกรน
2. การลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
- การลดไขมันบริเวณคอและลำคอช่วยเปิดทางเดินหายใจ
- การออกกำลังกายช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่องปากและคอ
- การเดินหรือวิ่ง 30 นาทีต่อวันร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วยลดการกรนอย่างชัดเจน
3. การใช้อุเครื่องมือทันตกรรมช่วยลดกรน
- เหมาะกับคนที่กรนจากการอุดกั้นทางเดินหายใจระดับเบาถึงปานกลาง
- สามารถปรับแต่งให้เข้ากับฟันของแต่ละคน
- ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดขากรรไกรหรือฟัน
4. การฝึกกล้ามเนื้อในช่องปากและคอ (Myofunctional Therapy)
- ตัวอย่างการฝึก ดันลิ้นไปบนเพดานอ่อน, อ้าปากกว้าง, การออกเสียง “A-I-U-E-O” ช้า ๆ
- ทำเป็นประจำวันละ 15–20 นาที
- งานวิจัยใน Journal of Clinical Sleep Medicine ศึกษาประสิทธิภาพของการฝึกกล้ามเนื้อช่องปากในการรักษาผู้ป่วย OSA ผลการศึกษาพบว่าการฝึกดังกล่าวช่วยลดดัชนีการหยุดหายใจ (AHI) ได้ประมาณ 50% ในผู้ใหญ่ และ 62% ในเด็ก
5. การใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF)
- ทำกับเพดานอ่อน ลิ้น หรือจมูก
- ใช้เวลารักษาสั้น ประมาณ 20–30 นาที
- หลังทำอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย แต่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์มักเห็นชัดเจนภายใน 1–2 สัปดาห์
การรักษาโรคกรนสำหรับเด็ก
การกรนในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะอาจส่งผลต่อ การเจริญเติบโต สมาธิ การเรียนรู้ และพฤติกรรม หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งมีความเสี่ยงต่อหัวใจและสมองในระยะยาว
การฝึกกล้ามเนื้อปากและคอ (Myofunctional Therapy)
- เหมาะกับเด็กที่มีลิ้นหย่อนหรือหายใจทางปากเรื้อรัง
- ทำวันละ 10–15 นาทีต่อเนื่องหลายสัปดาห์
▸ การรักษาโดยทันตแพทย์และอุปกรณ์ขยายเพดาน
- RPE / TPA
ขยายเพดานแข็งเพื่อให้ทางเดินหายใจขยายช่วยให้หายใจทางจมูกได้มากขึ้นมักใช้ร่วมกับการฝึกกล้ามเนื้อปาก
การรักษาแบบผ่าตัดในเด็ก
▸ Breastfeeding Tongue-Tie Release (Frenotomy)
สำหรับเด็กที่มี Tongue-Tie ลิ้นติดใต้ลิ้น การปล่อยลิ้นติดช่วยให้เด็กหายใจทางจมูกได้ดีขึ้น
โปรแกรม EXOMIND เทคโนโลยีใหม่ในการเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ
ExoTMS คือเทคโนโลยี กระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (Transcranial Magnetic Stimulation) โดยมุ่งเน้นไปที่ สมองส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ
ข้อดี โปรแกรม EXOMIND
- ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัย ไม่มีการฉีดยา
- ช่วย ลดกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ระดับเบาถึงปานกลาง
- ปรับสมดุลระบบประสาทและคุณภาพการนอนหลับ
- สามารถใช้ร่วมกับ Myofunctional Therapy หรือ Oral Appliance เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

สรุป
โรคกรนไม่ใช่เรื่องเล็ก การรักษาและป้องกันช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ลดความเสี่ยงโรคร้ายแรง และทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น ไม่ว่าจะเลือกการรักษาแบบไม่ผ่าตัดหรือผ่าตัด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาโรคกรน
- กรนแต่ไม่อ้วน เป็นโรคกรนไหม?
ได้ค่ะ โรคกรนอาจเกิดจากโครงสร้างช่องปากหรือเพดานอ่อน - การใช้ Oral Appliance ปลอดภัยไหม?
ปลอดภัย แต่ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อปรับให้เหมาะสม - RF ลดกรนได้ผลทันทีหรือไม่?
อาจเห็นผลภายใน 1–2 สัปดาห์ แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละคน - เด็กหายใจทางปาก ควรทำอย่างไร?
ควรปรึกษาแพทย์เด็กและทันตแพทย์เพื่อตรวจและรักษา - การผ่าตัด MMA เจ็บหรือไม่?
มีอาการเจ็บหลังผ่าตัด แต่แพทย์จะให้ยาระงับปวดและดูแลอย่างใกล้ชิด


