• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
อุปกรณ์รักษานอนกรน
ตัวช่วยคืนการนอนหลับที่มีคุณภาพ
จาก VitalSleep Clinic

อุปกรณ์รักษานอนกรน

ตัวช่วยคืนการนอนหลับที่มีคุณภาพ
จาก VitalSleep Clinic
Table of Contents

อุปกรณ์รักษานอนกรน การนอนกรนไม่ใช่แค่เรื่องเสียงดังที่รบกวนคนข้าง ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่หลายคนมองข้าม วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์รักษานอนกรน จาก VitalSleep Clinic ว่ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง เพื่อให้คุณกลับมามีการนอนที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยคุณภาพ

ในภาพรวม ของผู้ใหญ่ทั่วโลก การกรนแบบเป็นประจำ มีอัตราตั้งแต่ 25% – 50% และแบบเป็นครั้งคราวมากถึง 90 ล้านคน และประมาณ 37 ล้านคนกรนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ในผู้สูงวัย (65 ปีขึ้นไป) การมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ด้วยระดับ ≥5 ครั้งต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 84% ในกลุ่มสูงอายุกว่า 65 ปี

ความเสี่ยงโรคที่มากับการนอนกรน

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
  • โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • เสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากการหลับใน

สาเหตุของอาการนอนกรน

  • โครงสร้างทางเดินหายใจ
    คนที่มีเพดานอ่อนยาว ลิ้นโต หรือต่อมทอนซิลใหญ่ มีโอกาสนอนกรนมากกว่าคนทั่วไป
  • น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
    ไขมันสะสมบริเวณคอทำให้หลอดลมตีบแคบ เสี่ยงนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
    ทั้งสองอย่างทำให้กล้ามเนื้อคอหย่อนและเพิ่มการอักเสบในทางเดินหายใจ
  • ปัจจัยทางพันธุกรรมและอายุ
    เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนคล้อย ทำให้นอนกรนง่ายขึ้น

ประเภทวิธีและอุปกรณ์รักษานอนกรนที่ VitalSleep Clinic

1. Oral Appliance (ASA)

เครื่องมือทันตกรรมที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล (Custom Made) ช่วยจัดตำแหน่งขากรรไกรล่างและลิ้นไปข้างหน้า เพิ่มพื้นที่ทางเดินหายใจ ลดเสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ข้อดี คือ ปลอดภัย พกพาสะดวก ไม่มีเสียง ไม่มีสายไฟ อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้สูงสุดถึง 7–8 ปี

2. Radiofrequency (RF)

ใช้คลื่นวิทยุผ่านเข็มพิเศษกระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวและเกิดพังผืด ส่งผลให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น ลดเสียงกรนได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 3–4 สัปดาห์หลังรักษา ควรทำซ้ำ 3–4 ครั้งเพื่อผลที่ยั่งยืน

ข้อดี คือ ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องใส่อุปกรณ์ขณะนอนหลับ

3. Myofunctional Therapy

การฟื้นฟูกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ลิ้น ขากรรไกร และทางเดินหายใจ โดยใช้การฝึกแบบ Isometric & Isotonic เพื่อเสริมความแข็งแรง ช่วยลดการกรนได้มากถึง 50% ในผู้ใหญ่ และ 62% ในเด็กข้อดี คือ เป็นวิธีการที่ต้นเหตุของการกรน ช่วยให้การหายใจและการจัดวางลิ้นเป็นปกติ ลดภาวะหายใจทางปาก

4. เครื่องช่วยหายใจ CPAP

เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เป็นมาตรฐานรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยส่งแรงดันลมเพื่อเปิดทางเดินหายใจ และมีรุ่น Auto-CPAP กับ BiPAP ที่แพทย์จะแนะนำตามอาการ

5. โปรแกรม Emface

เทคโนโลยีจากยุโรป ที่ผสาน Radiofrequency (RF) กับ HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ลดเหนียง และลดเสียงกรน โดยปรับสมดุลการนอนจากภายใน

6. โปรแกรม CoolSwiss

คือโปรแกรมลดกรนโดยไม่ผ่าตัด เน้นที่การสลายไขมันรอบคอ ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น ลดเสียงกรนอย่างได้ผล

เปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย

ชนิดวิธีทำงานจุดเด่นเหมาะกับใคร
Oral Applianceจัดตำแหน่งขากรรไกรและลิ้นพกพาง่ายไม่มีเสียงออกแบบเฉพาะบุคคลกรนน้อย–ปานกลาง, ต้องการสะดวก
RFใช้คลื่นวิทยุสร้างรอยพังผืดในเพดานอ่อนเห็นผลเร็วไม่ต้องพักฟื้นกรนเสียงดัง ต้องการผลเร็ว
Myofunctional Therapyฝึกกล้ามเนื้อใบหน้า ลิ้น คอแก้ที่ต้นเหตุพัฒนาระยะยาวอยากหายเอง ไม่อยากพึ่งตลอด
CPAPอัดลมหรือดูดลมเปิดทางเดินหายใจลดอาการเจ็บคืนออกซิเจนเต็มภาวะแบบปานกลางถึงรุนแรง
EmfaceRF+HIFES กระชับกล้ามเนื้อหน้ากระชับกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจต้องการผลหลายมิติ
CoolSwissสลายไขมันรอบคอเปิดทางเดินหายใจลดเหนียงคนคออ้วน มีไขมันเยอะ

ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง

  • ใช้ไม่ถูกวิธีอาจไม่ได้ผล
    เช่น เลือกอุปกรณ์ไม่ตรงกับสาเหตุของการกรน
  • ต้องอาศัยความต่อเนื่อง
    บางอุปกรณ์ต้องใช้อย่างสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล
  • ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้ได้ผลเหมือนกัน
    ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายและสาเหตุของการกรน

สรุป

การใช้อุปกรณ์รักษานอนกรนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ปลอดภัยและสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดหรือมีอาการนอนกรนไม่รุนแรง การเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมควรผ่านการตรวจ Sleep Test และคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงโรคร้ายที่อาจตามมา

บทความที่เกี่ยวข้อง | Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน?

FAQs คำถามที่พบบ่อย

  • อุปกรณ์รักษานอนกรนแบบไหนเห็นผลเร็วที่สุด?
    โดยทั่วไป CPAP ถือว่าได้ผลเร็วที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง
  • ใช้อุปกรณ์รักษานอนกรนแทนการผ่าตัดได้หรือไม่?
    ได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะคนที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่สะดวกผ่าตัด
  • เด็กสามารถใช้อุปกรณ์รักษานอนกรนได้หรือเปล่า?
    บางชนิด เช่น แผ่นแปะจมูกหรือหมอนกันกรนใช้ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนเสมอ
  • ต้องใช้ Sleep Test ก่อนซื้ออุปกรณ์ทุกครั้งไหม?
    ไม่จำเป็นสำหรับทุกกรณี แต่ถ้าอาการรุนแรงควรทำ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
  • ใช้เฝือกฟันรักษานอนกรนแล้วต้องเปลี่ยนบ่อยไหม?
    ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุและการใช้งาน โดยทั่วไปควรตรวจเช็กกับทันตแพทย์ปีละครั้ง

Related Blogs and Articles
โรคแทรกซ้อนจากการนอนกรน

การนอนกรนสามารถเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)

ข้อต่อขากรรไกรมีเสียง

เคยไหม? เวลาหาว อ้าปาก หรือเคี้ยวของแข็งแล้วได้ยินเสียง “คลิก” หรือ “กรอบแกรบ” จากบริเวณขากรรไกร อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรค

World Sleep Day 2025

World Sleep Day หรือ วันนอนหลับโลก เกิดขึ้นภายใต้สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (World Association of Sleep Medicine: WASM) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพ และตระหนักรู้ถึงความอันตรายของปัญหาการนอนหลับ เป็นการสื่อสารไปสู่ผู้คนในวงกว้างด้วยความพยายามที่จะป้องกันและบรรเทาปัญหาการนอนของคนทั้งโลก และรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการหลับที่มีคุณภาพ ถูกจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 หลังจากนั้นมีการจัดกิจกรรมขึ้นเป็นประจำทุกปี ขณะนี้มีประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม วันนอนหลับโลก แล้วมากกว่า 67 ประเทศทั่วโลก เปิดสถิติ คนไทยประสบปัญหาการนอนหนัก การนอนหลับ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดของการฟื้นฟูร่างกาย แท้จริงแล้ว การนอนหลับไม่ใช่เพียงแค่เป็นการพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น มนุษย์ใช้เวลามากถึง 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน เพื่อเติมพลังให้ชีวิตสามารถใช้ชีวิตอีก 2 ใน 3 ที่เหลือ การนอนหลับที่มีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากของชีวิตมนุษย์ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่การนอนหลับที่มีคุณภาพ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนไทยมากมึง 19 ล้านคน กำลังประสบปัญหาการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนอนหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ ตื่นกลางดึกบ่อยเพื่อเข้าห้องน้ำ นอนกรน หรือรุนแรงถึงหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะพบปัญหาเหล่านี้ได้ในคนอายุน้อยลงมากขึ้น การนอนหลับที่มีคุณภาพ เป็นอย่างไร การนอนหลับที่มีคุณภาพ หรือ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงในการนอนหลับเพียงอย่างเดียว ความลึกของการนอนหลับกับเวลาเข้านอนที่เหมาะสมก็มีความสำคัญอย่างมาก หากหลับลึกไม่พอ หรือความผิดปกติระหว่างการนอนบางอย่าง อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอนในช่วงเช้า (Unrested Sleep) อาจส่งผลกระทบกับระบบความจำ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ กระทบการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน โดยทั่วไป ระยะเวลาที่เหมาะสมในการนอนแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สามารถอ้างอิงเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ล่วงวัยได้ ดังนี้ เด็กแรกเกิด (อายุ 0-3 เดือน) = 14-17 ชั่วโมงต่อวัน เด็กทารก (อายุ 4-11 เดือน) = 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เด็กเล็ก (อายุ 1-2 ปี) = 11-14 ชั่วโมงต่อวัน วัยอนุบาล (3-5 ปี) = 10-13 ชั่วโมงต่อวัน วัยประถม (6-13 ปี) = 9-11 ชั่วโมงต่อวัน วัยมัธยม (14-17 ปี) = 8-10 ชั่วโมงต่อวัน วัยรุ่น (18-25 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยทำงาน (26-64 ปี) = 7-9 ชั่วโมงต่อวัน วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) = 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เช็คลิสต์ อาการนอนหลับผิดปกติ ตื่นมาปัสสาวะบ่อยกลางดึก (Nocturnal Urination)อาจเป็นการตอบสนองของร่างกาย เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้นหลังเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Bradycardia-tachycardia) เลือดไปเลี้ยงที่ไตเพิ่มขึ้น มีผลทำให้มีน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นขณะนอนหลับ ในขณะเดียวกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำให้นอนหลับไม่ค่อยลึก จึงทำให้สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกปวดปัสสาวะได้ง่ายมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน (Excessive Daytime Sleepiness)เป็นความผิดปกติที่ต้องรีบหาสาเหตุและรักษา อาจะส่งผลอันตรายในขณะขับขี่ยานพาหนะ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ในขณะปฏิบัติงาน และอาจนำไปสู่โรคเกี่ยวกับการนอนอื่น ๆ เช่น หยุดหายใจขณะหลับ ไหลตาย Insomnia หรือ Narcolepsy และอื่นๆขาขยุกขยิก (Restless Legs)เป็นอาการที่ทำให้ต้องขยับขาไปมา เพราะรู้สึกมีความผิดปกติที่บริเวณขา จึงต้องขยับบ่อย ๆ เพื่อทำให้ความรู้สึกผิดปกติที่ขาลดลง อาการนี้มักพบได้ในช่วงเวลาค่ำ อาจพบในรายที่มีอาการโลหิตจาง (Iron deficiency) ในช่วงขณะตั้งครรภ์ (pregnancy) คนไข้โรคไตวาย (chronic renal failure) และโรคอื่น ๆปวดศีรษะหลังเพิ่งตื่นนอนตอนเช้า (Morning Headache)อาจเป็นผลมาจากที่ขณะนอนหลับไม่สามารถขับถ่าย Carbon Dioxide ออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม มีผลทำให้เส้นเลือดแดงในสมองขยายตัวจาก Respiratory Acidosis จึงทำให้รู้สึกปวดศีรษะ และอาการนี้จะรุ้สึกได้มากในช่วงเวลาเช้าหลังเพิ่งตื่นนอนนอนกรน (Snoring)มีเสียงหายใจดังมาก หรือ เสียงกรนดังขณะนอนหลับ ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพของตนเอง และอาจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ด้วย เป็นอาการอันตราย ต้องรีบหาสาเหตุและรักษาอย่างเหมาะสม หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะมีผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว เช่น Cardiovascular Problems Metabolic Syndrome ความจำเสื่อม ความดันสูง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอื่น ๆหยุดหายใจในขณะนอนหลับ (Sleep Apnea)เป็นอาการผิดปกติของการนอนกลับที่อันตรายรุนแรง อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ โรคหยุดหายใจขณะหลับอาจสังเกตได้อย่างหากไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น สำลักขณะนอนหลับ (Waking up Choking) ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างกะทันหันเพื่อหายใจ (Waking up Gasping) Cognitive Dysfunctionsนอนไม่เพียงพอหรือมีปัญหาเรื่องการนอนหลับอาจมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมอง รวมทั้งความทรงจำทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การนอนหลับ ตรวจคุณภาพได้ Sleep Test (Polysomnography) หรือ การตรวจคุณภาพการนอนหลับ คือ การตรวจวัดคลื่นสมอง ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจระหว่างการนอนหลับ นอกจากนั้นยังตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาและการเคลื่อนไหวร่างกายบางส่วน เพื่อตรวจดูคุณภาพการนอนหลับ ค้นหาความผิดปกติของการนอน หรือ โรคที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนบางอย่าง อาการนอนกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรค สมองเสื่อม...

นอนกัดฟันรักษายังไง

ในบางครั้งคนที่นอนกัดฟันเองก็อาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดอาการปวดฟัน ปวดกราม หรือมีคนรอบข้างสังเกตเห็นเสียงกัดฟันในเวลานอนตอนกลางคืน นอนกัดฟันรักษาได้!

เด็กเล็ก นอนกรน

เด็กเล็ก นอนกรน เป็นประจำ อาจไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่คิด เพราะอาการนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของปัญหาการหายใจที่ส่งผลต่อหัวใจและสุขภาพโดยรวม

How to treat snoring in women

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่คิดที่จะแก้ไข อาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในผู้หญิงหลายคนอาจจะรู้สึกเขินอาย หรือไม่กล้าบอกว่าตัวเองมีอาการนอนกรน และไม่รู้ว่าจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรให้ได้ผล แต่การนอนกรนในผู้หญิงก็เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ และหากไม่ให้ความสำคัญกับการหาทางแก้ไขอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้ก่อนที่จะหาคำตอบว่า ทำไม? ผู้หญิงถึงนอนกรน เราควรทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายระหว่างการนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบนี้ จะทำให้เนื้อเยื่อในลำคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน หรือลิ้นไก่สั่น จะทำให้เกิดเสียงกรน และยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน เช่น ต่อมทอนซิลโต น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือลิ้นที่โตขึ้น ก็อาจทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร? การนอนกรนไม่ใช่แค่การสร้างเสียงรบกวนระหว่างการนอนหลับ แต่ยังสามารถนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย เมื่อเนื้อเยื่อในลำคอหรือที่ลิ้นหย่อนลงไปปิดทางเดินหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนในขณะที่นอนหลับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะไหลตายได้https://www.youtube.com/shorts/1RcpD_hJKcw สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรน ข้อมูลจาก SnoreMD ว่าปกติผู้ชายจะมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรนมักจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพ น้ำหนักเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เกิดจากอายุหรือการตั้งครรภ์ เช่น​อายุ เมื่อผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ปัญหาการนอนกรนจะเริ่มเพิ่มขึ้นวัยหมดประจำเดือน หลังจากหมดประจำเดือน ในผู้หญิงบางรายอาจมีแนวโน้มทำให้นอนกรนมากขึ้นน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีไขมันสะสมที่หบริเวณลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงได้การตั้งครรภ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ถึงแม้จะพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ยังคงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสนใจ ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! สาเหตุอื่น ๆ ของการนอนกรน ในกรณีทั่วไป การนอนกรนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นคนอ้วน การสะสมของไขมันในบริเวณคอผู้สูงอายุ การเสื่อมของกล้ามเนื้อที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงโรคภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบ ทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร อาจทำให้เกิดอาการนอนกรน วิธีแก้ไขการนอนกรนผู้หญิง การรักษาอาการนอนกรนเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจหาว่าคุณมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หลังจากนั้นสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้อง Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน?การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการนอนกรน หากคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนที่เป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย สรุป การนอนกรนในผู้หญิงไม่ใช่แค่เรื่องรบกวนคนข้าง ๆ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้าหลายคนอาจไม่รู้ว่าการนอนกรนในผู้หญิงมักไม่มีอาการชัดเจนเหมือนผู้ชาย เช่น อาจไม่มีเสียงกรนดัง แต่จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงกลางวัน ขี้ลืม หงุดหงิดง่าย หรือแม้แต่ปัญหาทางเพศ ทำให้ถูกมองข้ามและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ทำไมการตรวจการนอนหลับ ถึงสำคัญ

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมในบางคืนเราถึงนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อย หรือบางคนอาจตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกนอนไม่พอ

ตรวจนอนกรน

ตรวจนอนกรนไม่ได้แค่แก้ปัญหาเสียงดังรบกวนเท่านั้น แต่ยังช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่อาจซ่อนอยู่

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!