Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
ตรวจ Sleep Test ได้ ไม่ต้องจ่ายแพง
ตรวจง่าย ได้ที่บ้าน
แพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine อ่านผล

ตรวจ Sleep Test ได้ ไม่ต้องจ่ายแพง

ตรวจง่าย ได้ที่บ้าน
แพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine อ่านผล
Table of Contents

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน เช่น การทำงานของคลื่นสมอง ระบบการหายใจ การทำงานของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในกรณีของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) หรือปัญหาอาการนอนกรนรุนแรง การตรวจการนอนหลับนี้จะช่วยให้แพทย์เฉพาะทางสามารถวินิจฉัยและจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลาย ๆ ยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้สามารถเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ได้ในราคาที่ย่อมเยา ทำให้ถึงแม้จะมีงบประมาณจำกัดก็สามารถเข้าถึงการตรวจนี้ได้

อยู่ต่างจังหวัดก็ตรวจการนอนหลับได้

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศไทย เราส่งมอบอุปกรณ์ตรวจการนอนหลับถึงหน้าประตูบ้าน พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่าย ทำให้สามารถตรวจการนอนหลับได้ที่บ้านของคุณ

ข้อดีของการตรวจการนอนหลับที่บ้าน

  1. สะดวกสำหรับทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่าย ทุกจังหวัด

VitalSleep Clinic ส่งอุปกรณ์ตรวจการนอนหลับถึงบ้านของคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ อุบลราชธานี ภูเก็ต สามารถจัดส่งครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

  1. ลดความยุ่งยากในการเดินทาง

ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปคลินิกหรือโรงพยาบาล สามารถทำการตรวจการนอนหลับได้จากที่บ้านได้เลย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายค่าเดินทางนี้ได้

  1. แม่นยำและปลอดภัย

อุปกรณ์การตรวจการนอนหลับที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานและทันสมัย ผลการตรวจจะถูกอ่านและวิเคราะห์โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ

การนอนหลับสำคัญอย่างไร?

การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา มูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Sleep Foundation) รายงานว่าคนที่มีอายุระหว่าง 18-54 ปี มักจะนอนหลับไม่เพียงพอ โดยเฉลี่ยเพียง 6.4 ชั่วโมงต่อคืนในวันทำงาน และ 7.7 ชั่วโมงในวันหยุด อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการนอนหลับที่ดีควรมีระยะเวลาอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน

การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้คุณภาพการนอนที่ไม่ดี ส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของสมองที่ช้าลง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ความสามารถในการทำงาน ความสามารถในการเรียนรู้ของสมอง การนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพจึงมีความสำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

การตรวจการนอนหลับ Sleep Test จำเป็นไหม?

ในประเทศไทยเอง ปัญหาการนอนหลับเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก จากรายงานของกรมสุขภาพจิตในปี 2563 พบว่าคนไทยมีปัญหาการนอนไม่หลับมากถึง 19 ล้านคน ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความเครียด พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) หรืออาการนอนกรน

หากคุณสงสัยว่าตนเองอาจมีปัญหาการนอนหลับ ควรเริ่มต้นด้วยการเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติ และอาจแนะนำให้ทำการตรวจการนอนหลับเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการตรวจ Sleep Test จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการนอนหลับและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสามารถนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

อาการนอนกรนปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม

การนอนกรนถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบการหายใจในขณะนอนหลับ เสียงกรนที่เกิดขึ้นมาจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ เช่น กล้ามเนื้อในช่องคอที่อ่อนแอ ลิ้นไก่หรือเพดานอ่อนที่ยาวเกินไป จนทำให้เกิดการตีบแคบของทางเดินหายใจ เสียงกรนที่เราได้ยินจึงเกิดจากการสั่นของเนื้อเยื่อในช่องลมที่แคบ

ถึงแม้ว่าการกรนไม่บ่อยอาจไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนัก แต่ถ้าเป็นอาการกรนเรื้อรังหรือเสียงดังบ่อยครั้ง มักเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และเบาหวานได้ หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการนอนกรน ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและหาทางรักษาต่อไป

การตรวจการนอนหลับมีความสำคัญอย่างไร?

การตรวจการนอนหลับไม่ได้เป็นเพียงการตรวจเพื่อหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการวิเคราะห์ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายในขณะนอนหลับด้วย เช่น การทำงานของคลื่นสมอง การหายใจ การทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติ เช่น การนอนละเมอ การเคลื่อนไหวผิดปกติระหว่างการนอน ระดับออกซิเจนในเลือดที่อาจลดลงในขณะหลับ

ผลการตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ซึ่งการตรวจการนอนหลับ Sleep Test นั้นถูกออกแบบมาเพื่อวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ

โรคที่พบได้บ่อยจากการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)

  1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA)

OSA เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยที่สุดจากการตรวจ Sleep Test เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะหลับ ทำให้การหายใจหยุดชะงักเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ นอนกรนเสียงดัง ตื่นกลางดึกเพราะหายใจไม่ออก ง่วงนอนหรือเหนื่อยล้าในระหว่างวัน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา OSA อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน และความดันโลหิตสูง

  1. โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

โรคนอนไม่หลับเป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีปัญหาในการหลับหรือการนอนหลับไม่ต่อเนื่อง ทำให้ตื่นขึ้นมารู้สึกไม่สดชื่น แม้จะมีโอกาสเพียงพอที่จะนอนหลับ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ หลับยาก ตื่นบ่อยกลางดึก ความเครียดหรือกังวลใจระหว่างนอน

  1. ภาวะนอนกรน (Snoring)

การนอนกรน เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการอุดกั้นของทางเดินหายใจบางส่วน อาจเกิดจากน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน โครงสร้างช่องคอที่ผิดปกติ เช่น เพดานอ่อนหรือลิ้นไก่ที่ยาวเกินไป และทางเดินหายใจแคบ

  1. ภาวะขาดออกซิเจนในเลือดขณะหลับ (Nocturnal Hypoxemia)

ภาวะนี้เกิดจากระดับออกซิเจนในเลือดลดลงในขณะหลับ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากโรคปอด ความผิดปกติของทางเดินหายใจ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

  1. โรคละเมอ (Sleepwalking)

การเดินละเมอหรือพฤติกรรมแปลก ๆ ขณะหลับ เช่น พูดละเมอ เป็นภาวะที่ส่งผลต่อการนอนหลับโดยรวมและอาจเป็นอันตรายได้ Sleep Test ช่วยตรวจหาคลื่นสมองในระหว่างนอนหลับและวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดปกติ

ตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic ราคาคุ้มค่า

หากคุณกำลังมองหาที่ตรวจการนอนหลับ Sleep Test ที่มีราคาไม่แพง VitalSleep Clinic เป็นตัวเลือกที่ดี ที่นี่มีบริการตรวจ Sleep Test ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,900 บาท และหากต้องการตรวจละเอียดมากขึ้น ก็มีโปรแกรม Full Sleep Test ในราคา 8,800 บาท โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันต่างประเทศ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้ารับการตรวจจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมแน่นอน

สรุป

การตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นวิธีที่สำคัญในการวินิจฉัยหาปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับและอาการนอนกรน ที่ VitalSleep Clinic มีโปรแกรมการตรวจที่ครอบคลุมและราคาคุ้มค่า ทำให้ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดสามารถเข้าถึงการตรวจนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

Related Blogs and Articles
นอนกัดฟัน ต้องแก้ด้วย Splint ฟันเท่านั้นหรอ

“นอนกัดฟัน” หรือ Bruxism ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันส่งผลต่อทั้งสุขภาพช่องปาก ข้อต่อขากรรไกร รวมไปถึงคุณภาพการนอนหลับโดยตรง หลายคนคงอาจคิดว่าใส่ Splint ฟัน ก็เพียงพอแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว การรักษาอาการนี้มีได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการhttps://youtu.be/gMdIP1i56ZQ?si=0ipz3OKFiweiis9_ สาเหตุของการนอนกัดฟัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าการนอนกัดฟัน ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับระบบร่างกาย จิตใจ และโครงสร้างฟันโดยตรง ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย มีดังนี้ความเครียดสะสมเมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด ไม่ว่าจะมาจากการทำงาน ความสัมพันธ์ หรือปัญหาส่วนตัว—กล้ามเนื้อทั่วร่างกายจะเกร็งตัว รวมถึงกล้ามเนื้อกรามและกล้ามเนื้อบดเคี้ยวด้วย การเกร็งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับโดยไม่รู้ตัว และแสดงออกมาในรูปแบบของการกัดฟันภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มักมีปัญหาทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน ส่งผลให้สมองสั่งการให้ร่างกายตอบสนองเพื่อเปิดทางเดินหายใจอีกครั้ง หนึ่งในปฏิกิริยาทางร่างกายที่เกิดขึ้นคือ “การกัดฟัน” เพื่อพยายามดันขากรรไกรให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติการสบฟันที่ผิดปกติฟันที่เรียงตัวไม่ดี หรือสบกันไม่พอดี อาจทำให้กล้ามเนื้อบดเคี้ยวต้องทำงานหนักเกินไปเพื่อให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินจำเป็น จึงเกิดการเกร็งสะสม และกลายเป็นพฤติกรรมกัดฟันในเวลานอนได้ในที่สุด อ่านเพิ่มเติม นอนกัดฟัน ปัญหาจุกจิก อาจเป็นเรื่องใหญ่ ปล่อยไว้นานอันตราย รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด เช็กอาการเสี่ยงนอนกัดฟัน หากคุณนอนคนเดียวหรือไม่แน่ใจว่าตัวเองมีอาการนอนกัดฟันขณะหลับไหม สังเกตตัวเองได้จากอาการเหล่านี้ ที่เป็นสัญญาณบอกว่าคุณอาจกำลังมีปัญหานี้อยู่ตื่นมาแล้วปวดหรือเมื่อยกรามปวดหัว ปวดบริเวณหน้าหู (โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน)มีอาการเสียวฟัน หรือปวดฟันเวลาทานของร้อน/เย็นมีกระดูกนูนบริเวณมุมกราม ใบหน้าเริ่มดูเหลี่ยมขึ้นอ้าปากกว้างไม่ได้ รู้สึกค้างหรือเจ็บขากรรไกรอ่านเพิ่มเติม ปรึกษาปัญหานอนกัดฟัน ฟรี! ผลเสียของการนอนกัดฟัน ฟันบิ่น ฟันแตก เพราะเนื้อฟันสึกจากการบดหรือกดทับซ้ำ ๆข้อต่อขากรรไกรอักเสบ (TMD) อาจทำให้เจ็บเวลาพูด เคี้ยว หรืออ้าปากโครงหน้าผิดรูป กระดูกมุมกรามนูน ใบหน้าดูเหลี่ยมกว่าปกตินอนหลับไม่มีคุณภาพ สมองตื่นตัวบ่อย ส่งผลให้ร่างกายพักผ่อนไม่เต็มที่รบกวนคนรอบ ๆ ข้าง เสียงบดฟันทำให้คู่ชีวิตหลับไม่สนิท และอาจกระทบความสัมพันธ์ในระยะยาว วิธีรักษานอนกัดฟัน อาการนี้สามารถรักษาได้ และควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน1. การใช้ Splint ฟัน (Occlusal Splint)ช่วยป้องกันการสึกหรอของเนื้อฟัน โดยกระจายแรงกดขณะกัดฟัน และลดอาการเมื่อยกล้ามเนื้อกรามข้อควรระวัง: สำหรับเด็ก การใช้ Splint อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของขากรรไกร และในช่วงแรกอาจทำให้นอนหลับยากขึ้นอ่านเพิ่มเติม2.  การฝึกกล้ามเนื้อด้วย Myofunctional Therapyเป็นการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งสามารถใช้รักษาการนอนกรน และอาการนอนกัดฟันได้พร้อมกันอ่านเพิ่มเติมจุดเด่นของ Myofunctional Therapyช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบดเคี้ยวปรับสมดุลกล้ามเนื้อและการสบฟันแก้ปัญหาต้นเหตุอย่างแท้จริง การรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรทำร่วมกัน ทางที่ดีที่สุดคือการใช้ Splint ฟัน เพื่อป้องกันฟันสึกในระยะสั้น ควบคู่กับ การทำ Myofunctional Therapy เพื่อจัดการที่ต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง และควรตรวจการนอนหลับ Sleep Test เพื่อประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)การวางแผนรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง และทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ด้านการนอนหลับ และนักกายภาพบำบัด เพื่อให้การรักษาเหมาะสมกับแต่ละบุคคลและปลอดภัยที่สุด ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! สรุป การนอนกัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะอาจนำไปสู่อาการปวดเรื้อรัง ฟันสึก ขากรรไกรอักเสบ และปัญหาโครงหน้าในระยะยาว หากสงสัยว่าตัวเองมีพฤติกรรมนอนกัดฟัน ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางหรือทันตแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมก่อนที่อาการจะลุกลาม

แก้นอนกรน ด้วย Myofunctional Therapy

การนอนกรน เป็นปัญหาการนอนที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อทั้งคนที่นอนกรนและคนรอบข้าง แม้ว่าจะมีวิธีการรักษานอนกรนหลายรูปแบบ แต่ Myofunctional Therapy

หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนไม่พอ เราขอแนะนำตรวจ Sleep Test

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากคุณหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนไม่พอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ แถมตื่นมาปวดหัว ควรตรวจ Sleep Test ที่ไหนดี

นอนเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ นอนนานแค่ไหนก็ยังไม่สดชื่น? แถมตื่นมาแล้วยังปวดหัวอีก? ปัญหาแบบนี้พบได้บ่อยและอาจมากกว่าการนอนไม่พอ บางครั้งอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกี่ยวข้องกับคุณภาพการนอนหลับ หรือความผิดปกติอื่น เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องรับการตรวจ Sleep Test เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวหลังตื่นนอน การตื่นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือการนอนกรนรุนแรง ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงระหว่างหลับภาวะขาดน้ำ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและสมอง อาจทำให้คุณปวดหัวในช่วงเช้าได้สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม หมอนที่ไม่พอดี แสงหรือเสียงรบกวน ล้วนส่งผลต่อคุณภาพการนอนผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ อาจทำให้คุณปวดหัวในตอนเช้าได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีผลต่อวงจรการนอนหลับ อาจทำให้รู้สึกไม่สดชื่นหรือปวดหัวในตอนตื่นไมเกรน โดยเฉพาะในคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาจมีอาการกำเริบในช่วงเช้า ทำไมการนอนไม่พอถึงทำให้ปวดหัวได้? อาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่ "การนอนไม่พอ" ก็เป็นตัวการสำคัญที่หลายคนมองข้ามบทความที่เกี่ยวข้อง : สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ อันตราย อย่าปล่อยไว้ ก่อนเป็นเรื่องใหญ่ 1. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง สมองจะปรับสมดุลสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine) ที่ช่วยลดความไวของระบบประสาทต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อนอนน้อย ระดับสารเหล่านี้จะเสียสมดุล 2. เพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด การอดนอนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด” เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้อาจไปทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง 3. กล้ามเนื้อตึงและการกดทับของเส้นประสาท ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะ "ตึงเครียด" ตลอดคืนโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และศีรษะที่ไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ ความตึงเครียดนี้อาจส่งผลให้เส้นประสาทในบริเวณศีรษะถูกกดทับจนเกิดอาการปวดศีรษะตอนตื่นนอนได้ 4. การไหลเวียนเลือดผิดปกติ ช่วงเวลานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดฟื้นฟูระบบไหลเวียนโลหิต แต่หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนเลือดในสมองจะลดลงหรือไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว มึนศีรษะ หรือปวดหัวหลังตื่นนอนได้ 5. เชื่อมโยงกับโรคไมเกรน มีงานวิจัยที่พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรนในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว อาจรุนแรงและยาวนานมากขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่ “นอนไม่พอเฉย ๆ” ทั้งที่จริงแล้วกำลังเข้าสู่วงจรของไมเกรนเรื้อรังอ่านข้อมูลเพิ่มเติม อยากรู้ว่านอนพอไหม? ตรวจการนอนหลับด้วย Belun Ring ได้ที่ VitalSleep Clinic https://www.youtube.com/shorts/yF3sZhOaXGg หากคุณมักตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สดชื่นแม้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเช็กคุณภาพการนอนของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น การตรวจการนอนหลับจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจว่า “เรานอนพอจริงไหม?” และ “ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพหรือเปล่า?” สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย https://www.youtube.com/shorts/VHwrvaJPK08 โปรแกรม mHBOT (Mild Hyperbaric Oxygen Therapy) คืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนสู่สมอง ฟื้นฟูระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึก และลดอาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอหลับลึก หลับสนิทขึ้นลดการตื่นกลางดึกฟื้นฟูระบบสมอง ลดอาการปวดหัวที่เรื้อรังจากการนอนเพิ่มพลังระหว่างวัน ตื่นมาสดชื่น สมองโล่งกว่าเดิม ปรึกษาวิธีการรักษากับเเพทย์เฉพาะทาง! ผลเสียจากการนอนไม่พอที่คุณอาจคาดไม่ถึง การนอนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น:สมาธิลดลง ตัดสินใจช้าอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่ายอยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงอ้วนเพิ่มโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ควรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ? ผู้ใหญ่ ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมงวัยรุ่น ควรนอน 8–10 ชั่วโมงเด็กเล็ก–ทารก อาจต้องการนอนมากถึง 18 ชั่วโมงต่อวันนอกจากปริมาณแล้ว “คุณภาพของการนอน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ก็อาจยังรู้สึกง่วงเพลียและปวดหัวในตอนเช้าได้

Sleep Test มีกี่แบบ

Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน? การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep test เป็นการตรวจทดสอบเพื่อประเมินสภาพการนอนของเรา ตรวจหาปัญหาการนอนหลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยการทดสอบนี้มีหลายแบบ แบ่งตามมาตรฐานของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา (AASM) แต่ละแบบมีความซับซ้อนและวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ป่วยรูปแบบการตรวจ Sleep Testระดับที่ 1 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืนการตรวจนี้เป็นการทดสอบการนอนหลับที่ละเอียดและสมบูรณ์ที่สุด โดยมีการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตาและใต้คาง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดลมหายใจ ขณะทดสอบมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูตลอดทั้งคืน มักจะทำในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีห้องตรวจเฉพาะ การตรวจในระดับนี้มีความละเอียดและแม่นยำมาก เหมาะสำหรับคนที่มีอาการนอนหลับผิดปกติอย่างรุนแรงระดับที่ 2 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าการทดสอบในระดับนี้จะคล้ายกับระดับที่ 1 ในเรื่องความละเอียดในของการวัดข้อมูล แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน สามารถทำการตรวจที่บ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมาติดตั้งอุปกรณ์ในตอนเย็นแล้วปล่อยให้ทดสอบเองในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ข้อดี ของการทดสอบระดับที่ 2 นี้คือ ค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าการตรวจในโรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางหรือเสียเวลารอคิวตรวจเป็นเวลานานระดับที่ 3 การทดสอบแบบจำกัดข้อมูลจะมีความละเอียดน้อยกว่าระดับที่ 1 และ 2 โดยวัดเพียงข้อมูลพื้นฐาน เช่น การวัดการหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดเสียงกรน ในบางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่ซับซ้อนหรือแค่นอนกรนอย่างเดียว เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพการนอนหลับได้เต็มที่ เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง อาจไม่ได้รับข้อมูลที่แม่นยำเท่ากับการตรวจระดับที่ 1 และ 2ระดับที่ 4 การทดสอบวัดออกซิเจนในเลือดและลมหายใจเป็นการตรวจการนอนหลับที่พื้นฐานที่สุด วัดเพียงออกซิเจนในเลือดหรือลมหายใจขณะหลับ ข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจนี้มีจำกัดไม่เพียงพอในการวินิจฉัยอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างแม่นยำอ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกการตรวจที่เหมาะสม การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของปัญหาการนอนหลับของแต่ละคน สำหรับคนที่มีอาการนอนกรนธรรมดา การตรวจในระดับที่ 3 อาจเพียงพอ แต่หากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยไหม ควรพิจารณาการตรวจระดับที่ 1 หรือ 2 ที่มีความละเอียดสูงกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย การเลือกตรวจที่บ้านในระดับที่ 2 เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าทาง VitalSleep Clinic มีให้บริการการตรวจการนอนหลับทั้งระดับที่ 1 และ 2 ซึ่งสามารถทำการตรวจที่บ้านของผู้รับการตรวจได้ โดยให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ปรึกษาการตรวจการนอนหลับฟรี! ขั้นตอนการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ระดับ 1 และ 2 https://www.youtube.com/shorts/dGpk79k46ks เริ่มต้นการทดสอบจะเริ่มในช่วงหัวค่ำ ประมาณ 00 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมของผู้รับการตรวจ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับ กรอกเอกสารความยินยอม หลังจากนั้นจะอธิบายถึงการใช้อุปกรณ์และวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจการใช้ CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจรุนแรงหากพบว่าผู้รับการตรวจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรง เจ้าหน้าที่จะทำการทดลองใส่หน้ากาก CPAP เพื่อช่วยในการรักษาในคืนที่ตรวจเลย เมื่อผู้รับการทดสอบการนอนหลับพร้อมที่จะเข้านอนการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สายวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นกล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจวัดคลื่นหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการวัดลมหายใจและการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดการตรวจวัดระบบหายใจผู้รับการตรวจจะได้รับการวัดการหายใจโดยมีสายวัดติดบริเวณจมูก สายรัดที่หน้าอกและท้อง รวมถึงการวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ในบางกรณีอาจมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ตามความจำเป็นการทดสอบตลอดคืนสำหรับการตรวจระดับที่ 1 จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูในห้องควบคุมเพื่อติดตามการนอนตลอดคืน ในขณะที่การตรวจระดับที่ 2 จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้า แต่ผู้รับการตรวจจะนอนหลับอย่างต่อเนื่องตามปกติ คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตรวจสวมเสื้อผ้าที่สบายเหมือนชุดที่ใส่นอนตามปกติทุกคืนหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ตรวจหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงบ่ายในวันที่ตรวจแจ้งเจ้าหน้าที่หากคุณมีการใช้ยารักษาโรคประจำตัวหลังจากการตรวจเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรวจการนอนหลับที่บ้านกับ VitalSleep Clinic สะดวก ปลอดภัย แม่นยำหากคุณมีปัญหานอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือนอนแล้วไม่สดชื่น การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คือทางเลือกที่สะดวกและง่ายที่สุด!ไม่ต้องเดินทางอยู่ที่ไหนก็ตรวจได้ แม้คุณจะอยู่ต่างจังหวัดใช้งานง่ายอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด แค่ติดตั้งก่อนนอนผลแม่นยำวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลังรู้ผลไวพร้อมให้คำแนะนำแนวทางการรักษาที่ Vital Sleep Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำใกล้เคียงกับสภาวะการนอนหลับในชีวิตจริง นอกจากนี้เรายังมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลในทุกขั้นตอนอ่านเพิ่มเติม สรุป การตรวจการนอนหลับ Sleep Test หรือการตรวจสุขภาพการนอนหลับมีทั้งหมด 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีความซับซ้อนและวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการตรวจระดับที่ 1 และ 2 เป็นการตรวจที่ละเอียดและได้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนหลับผิดปกติรุนแรง ในขณะที่การตรวจระดับที่ 3 และ 4 เป็นการตรวจที่จำกัดข้อมูลมากกว่า เหมาะกับผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่ซับซ้อนการเลือกสถานที่ตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึง หากคุณต้องการความสะดวกสบายและต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ การเลือกทำ Sleep Test ที่บ้านเป็นทางเลือกที่ดี การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สะดวกในการเข้ารับการตรวจที่ Vital Sleep Clinic เราให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้านของคนที่อยากตรวจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและใกล้เคียงกับการนอนในชีวิตประจำวัน หากคุณสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ สามารถติดต่อเราได้ เรายินดีให้บริการและคำแนะนำที่เหมาะสมแก่คุณ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

3 วิธีแก้นอนกรนไม่ผ่าตัด ของขวัญสำหรับสุขภาพการนอน

หากจะพูดถึงของขวัญที่ดีที่สุด คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง” โดยเฉพาะคุณภาพการนอนหลับที่ดี

ผู้หญิงนอนกรน สาเหตุและวิธีแก้นอนกรนในผู้หญิง

การนอนกรนไม่ใช่เรื่องน่าอายขนาดนั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่คิดที่จะแก้ไข อาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในผู้หญิงหลายคนอาจจะรู้สึกเขินอาย หรือไม่กล้าบอกว่าตัวเองมีอาการนอนกรน และไม่รู้ว่าจะหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไรให้ได้ผล แต่การนอนกรนในผู้หญิงก็เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ และหากไม่ให้ความสำคัญกับการหาทางแก้ไขอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตขณะนอนหลับได้ก่อนที่จะหาคำตอบว่า ทำไม? ผู้หญิงถึงนอนกรน เราควรทำความเข้าใจว่าอาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนคืออะไร? อาการนอนกรนเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายระหว่างการนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบนี้ จะทำให้เนื้อเยื่อในลำคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน หรือลิ้นไก่สั่น จะทำให้เกิดเสียงกรน และยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน เช่น ต่อมทอนซิลโต น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือลิ้นที่โตขึ้น ก็อาจทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร? การนอนกรนไม่ใช่แค่การสร้างเสียงรบกวนระหว่างการนอนหลับ แต่ยังสามารถนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย เมื่อเนื้อเยื่อในลำคอหรือที่ลิ้นหย่อนลงไปปิดทางเดินหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนในขณะที่นอนหลับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะไหลตายได้https://www.youtube.com/shorts/1RcpD_hJKcw สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรน แม้ว่าปกติผู้ชายจะมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงก็สามารถนอนกรนได้เช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนอนกรนมักจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพ น้ำหนักเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เกิดจากอายุหรือการตั้งครรภ์ เช่นอายุ เมื่อผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ปัญหาการนอนกรนจะเริ่มเพิ่มขึ้นวัยหมดประจำเดือน หลังจากหมดประจำเดือน ในผู้หญิงบางรายอาจมีแนวโน้มทำให้นอนกรนมากขึ้นน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีไขมันสะสมที่หบริเวณลำคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงได้การตั้งครรภ์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการนอนกรนได้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ถึงแม้จะพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ยังคงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสนใจอ่านเพิ่มเติม ปรึกษาปัญหานอนกรน ฟรี! สาเหตุอื่น ๆ ของการนอนกรน ในกรณีทั่วไป การนอนกรนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นคนอ้วน การสะสมของไขมันในบริเวณคอผู้สูงอายุ การเสื่อมของกล้ามเนื้อที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงโรคภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบ ทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร อาจทำให้เกิดอาการนอนกรน วิธีแก้ไขการนอนกรนผู้หญิง การรักษาอาการนอนกรนเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจหาว่าคุณมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หลังจากนั้นสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ แบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัดบทความที่เกี่ยวข้องการเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการนอนกรน หากคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการนอนกรนที่เป็นปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย สรุป การนอนกรนในผู้หญิงไม่ใช่แค่เรื่องรบกวนคนข้าง ๆ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้าหลายคนอาจไม่รู้ว่าการนอนกรนในผู้หญิงมักไม่มีอาการชัดเจนเหมือนผู้ชาย เช่น อาจไม่มีเสียงกรนดัง แต่จะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงกลางวัน ขี้ลืม หงุดหงิดง่าย หรือแม้แต่ปัญหาทางเพศ ทำให้ถูกมองข้ามและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)