• อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
นอนกรนมาทั้งชีวิต รักษาอย่างไร
เรื้อรัง ยืดเยื้อ สุขภาพแย่
รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด

นอนกรนมาทั้งชีวิต รักษาอย่างไร

เรื้อรัง ยืดเยื้อ สุขภาพแย่
รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด
Table of Contents

นอนกรน ปัญหาใหญ่ที่ทำลายสุขภาพ

       ปัญหาอาการนอนกรน เป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัยเกิดขึ้นได้ในทุกๆคน เเต่โดยเฉพาะในเพศชายมีอัตราของการเกิดภาวะนอนกรนที่สูงมากกว่าเพศหญิงถึง 2 เท่า โดยจากข้อมูลการศึกษาพบว่า ในช่วงวัยที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายประมาณ 40% และ ผู้หญิงประมาณ 24% มีภาวะอาการนอนกรนเกิดขึ้นอย่างเป็นประจำ

       ซึ่งปัญหาของการนอนกรนไม่เพียงเเต่เป็นผลร้ายที่ส่งผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งเสียงดังรบกวนสร้างความน่ารำคาญให้กับผู้ที่นอนร่วมกัน หลายๆคนคงอาจเคยลองรักษาด้วยวิธีต่างๆมากมาย เเต่สุดท้ายก็ยังนอนกรนเสียงดังอยู่ดี จะต้องรักษาด้วยวิธีไหนจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มาหาคำตอบได้ที่บทความนี้

นอนกรนเรื้อรัง

สาเหตุของการเกิด ภาวะนอนกรน

       สาเหตุของการเกิดอาการนอนกรนในเเต่ละบุคคลนั้น อาจมีสาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะขึ้นอย่างแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เนื่องจากการนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยอาจแบ่งเป็น 2 สาเหตุหลักๆได้ดังนี้

1. โครงสร้างทางกายวิภาค

ความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้า

       ปัญหาจากกระดูกขากรรไกรที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ มีลักษณะของขากรรไกรล่างที่มีขนาดเล็ก แคบเเละสั้นมากกว่าปกติ ซึ่งอาจสังเกตจากใบหน้าได้ว่าจะมีลักษณะ คางสั้น มากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาจมูกคด หรือ จมูกเบี้ยว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการนอนกรน

อ่านเพิ่มเติม ผ่าขากรรไกรแก้นอนกรน

เนื้อเยื่ออ่อนภายในลำคอ เเละ ช่องทางเดินหายใจ

       เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักๆที่ก่อให้เกิดภาวะนอนกรน เนื่องจากเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อต่างๆภายในร่างกายก็มักจะเสื่อมสมรรถภาพลงตาม รวมไปถึงกล้ามเนื้อในส่วนบริเวณลำคอ และช่องทางเดินหายใจ เช่น กล้ามเนื้อโคนลิ้น เพดานอ่อน ที่เสื่อมสภาพลงและไม่สามารถตึงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องได้ เกิดการหย่อนคล้อยตัวลงในขณะนอนหลับ และอุดกั้นกีดขวางทางเดินหายใจ

ต่อมทอนซิลและอดีนอยด์โต

       เป็นปัญหาที่มักจะพบและเกิดขึ้นได้บ่อยในเด็ก เมื่อต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์โตขึ้น จากการติดเชื้อหรืออักเสบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการ คัดจมูก, น้ำมูกไหล , ไอ และมีอาการนอนกรน เนื่องจากตำแหน่งของต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์ จะอยู่ในบริเวณส่วนด้านหลังของโพรงจมูก เมื่อเกิดการอักเสบและมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงเกิดการกีดขวางทางเดินหายใจ ส่งผลให้หายใจลำบากมากขึ้น และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กๆนอนกรน

2. พฤติกรรมส่วนตัว และ สภาพแวดล้อม

น้ำหนักตัวเกินค่ามาตรฐาน : มีปริมาณไขมันสะสม ในบริเวณช่วงรอบคอที่มากเกินไป จนกดทับทางเดินหายใจในขณะที่เอนตัวลงนอน ทำให้หายใจได้ลำบาก เเละเกิดการนอนกรน

ท่านอน : การนอนในท่าหงายหน้าขึ้น เป็นท่านอนที่เพิ่มโอกาสการเกิดภาวะนอนกรนที่มากขึ้น เนื่องจากการนอนหงายทำให้ลิ้นไก่ และ เพดานอ่อน มีโอกาสที่จะตกลงมาที่ด้านล่างเเละอุดกั้นทางเดินหายใจ

การสูบบุหรี่ : หากมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างเป็นประจำ สารเคมีที่มีอยู่ในบุหรี่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองกับเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจ ส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจเกิดการอักเสบ บวม และตีบแคบ

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมในช่วงก่อนนอน มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อภายในช่องคอ เเละทางเดินหายใจ ซึ่งเสี่ยงต่อการนอนกรน

อันตรายจากการนอนกรน

       การนอนกรนอย่างต่อเนื่องเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจในระยะยาว โดยอันตรายของภาวะนอนกรน มักจะเกิดขึ้นจากการที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดขึ้นร่วมด้วย (Obstructive Sleep Apnea: OSA) ซึ่งเป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นร่วมกับการนอนกรน โดยเป็นภาวะที่ทำให้เกิดปัญหาการหายใจที่ลำบากในขณะหลับ หรือ เกิดการหยุดหายใจเป็นช่วงๆพักๆระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบต่างๆภายในร่างกาย ดังนี้

โรคเบาหวาน : การหยุดหายใจขณะหลับ ส่งผลให้ร่างกายเเละสมอง ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้ระดับของออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลต่อร่างกายให้เกิดการปรับตัวต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการดึงน้ำตาลในร่างกายมาใช้งานเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุที่ทำให้ร่างกายเกิดความต้านทานต่ออินซูลินที่สูงขึ้น เเละเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงเกิด “โรคเบาหวาน”

โรคความดันโลหิตสูง : การหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง หัวใจเกิดการทำงานที่หนักมากขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด และส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูงตามมา

โรคหลอดเลือดสมองตีบ,แตก : สมองได้รับออกซิเจนหล่อเลี้ยงลดน้อยลง และมีการขาดช่วงเป็นพักๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือดแดง เสี่ยงเกิดหลอดเลือดสมองตีบตันมากขึ้น

โรคหัวใจวาย : กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนักมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

ปัญหาทางเพศ : สมรรถภาพทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดน้อยลง

ปัญหาทางด้านสุขภาพจิตใจและอารมณ์ : เกิดปัญหาอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย เครียดบ่อย และอาจก่อให้เกิดปัญหาภาวะซึมเศร้า

ระบบสมองเกิดความเสียหาย : ระบบประมวลผลของสมอง (Cognitive skill) เกิดความเสียหาย เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนหล่อเลี้ยงในขณะหลับ ทำให้สมองเกิดการทำงานที่ผิดปกติ ทำงานได้ช้าลง ระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพที่ต่ำลง

นอนกรนเรื้อรัง

นอนกรน รักษายังไงให้หาย

       การนอนกรนเกิดจากการที่อวัยวะกล้ามเนื้อต่างๆภายในช่องคอ และทางเดินหายใจส่วนต้น เกิดการหย่อนคล้อย ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง ซึ่งวิธีการรักษาปัญหาอาการนอนกรนให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดี คือการรักษาปัญหาจากสาเหตุ เเก้ไขปัญหาที่ต้นตอ โดยสามารถแบ่งการรักษาออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้ดังนี้

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

Myofunctional Therapy (การบำบัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าเเละทางเดินหายใจส่วนต้น)

       เป็นการรักษาปัญหาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดขึ้นจากต้นเหตุเพียงวิธีเดียว ซึ่งการบำบัดกล้ามเนื้อจะมีเป้าหมายในการรักษาคือ เสริมสร้างความแข็งแรงและแก้ไขปัญหาการทำงานที่ผิดปกติในส่วนของกล้ามเนื้อโคนลิ้น, ขากรรไกร, เพดานอ่อน, และทางเดินหายใจส่วนต้น ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเดิม และมีความแข็งแรงที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการหย่อนคล้อยตัวลงและอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการกรนและหยุดหายใจขณะหลับ 

Oral Appliance (เครื่องมือทันตกรรมรักษานอนกรน)

       อุปกรณ์ทันตกรรมที่ใช้สำหรับใส่ครอบฟันในขณะหลับ โดยมีหน้าที่สำคัญในการช่วยขยายช่องทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ป้องกันกล้ามเนื้อโคนลิ้นและกล้ามเนื้อภายในช่องคอหย่อนคล้อยตัวลงอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งตัวอุปกรณ์จะช่วยในการจัดตำแหน่งของขากรรไกรและลิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องขณะหลับ ทำให้สามารถหายใจได้สะดวกในขณะหลับ  ลดการนอนกรนและลดอัตราการหยุดหายใจขณะหลับ

       ตัวอุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาการนอนกรนเเละภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่ต้องการเเก้ไขปัญหานอนกรนด้วยวิธีที่มีความสะดวกสบาย เนื่องจากตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถพกพาได้ง่าย ทำให้สามารถใช้ได้ในทุกๆคืน อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน จึงเป็นหนึ่งในวิธีการรักษานอนกรนที่เป็นที่นิยมอย่างมาก

RF (คลื่นความถี่วิทยุแก้อาการนอนกรน)

       เป็นวิธีการรักษานอนกรนด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ ส่งผ่านพลังงานและเปลี่ยนกลายเป็นความร้อนไปยังบริเวณเพดานอ่อน หรือ บริเวณโคนลิ้น เพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจนของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ให้เกิดการยกกระชับตัวที่มากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ

       ซึ่งจะมีผลลัพธ์ในการรักษาที่แตกต่างจากการใช้เลเซอร์แก้นอนกรนคือ การใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF สามารถรักษาได้ทั้งอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ในขณะที่เลเซอร์นอนกรนไม่ได้ช่วยรักษาปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ อีกทั้งการใช้คลื่นความถี่วิทยุ ยังใช้ระยะเวลาในการทำที่น้อยกว่า และมีผลลัพธ์การรักษาที่อยู่ได้นานกว่า

2. การรักษาแบบผ่าตัด

ผ่าตัดตกเเต่งเพดานอ่อน หรือ ลิ้นไก่ ด้วยเลเซอร์

       เป็นวิธีการผ่าตัดรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ โดยจะนำเอาเนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อนและลิ้นไก่ที่มีความหย่อนคล้อยกีดขวางทางเดินหายใจออก  เพื่อเป็นการขยายช่องทางเดินหายใจให้กว้างมากขึ้น เเละสามารถหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้นในขณะหลับ

การผ่าตัดผนังกั้นช่องจมูกคด

       การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผนังกั้นช่องจมูกคด มีความผิดปกติแต่โดยกำเนิด หรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยเเก้ไขปัญหาของช่องจมูกที่คดเเละมีความผิดปกติ ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด เพื่อช่วยให้การหายใจเป็นปกติและลดอาการกรน

ผ่าตัดเลื่อนกระดูกขากรรไกร

       เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาการนอนกรนที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างของใบหน้าขากรรไกรมีลักษณะที่ผิดปกติ เช่น ขากรรไกรล่างถอยไปด้านหลังมากเกินไป หรือ ขากรรไกรล่างมีขนาดที่เล็กและแคบมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ขนาดของช่องทางเดินหายใจส่วนต้นมีขนาดที่เล็กลงตาม การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรจึงจะช่วยให้ทางเดินหายใจส่วนต้นมีขนาดที่กว้างขยายมากขึ้น

สรุป

       การรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุดคือ การรักษาปัญหาจากต้นเหตุของอาการที่เกิดขึ้นของตนเอง ด้วยวิธีการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งสามารถตรวจหาสาเหตุการนอนกรนที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ด้วยการตรวจ Sleep Test

       โดยที่ VitalSleep Clinic เรามีบริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่ส่งตรงถึงบ้าน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทาง หรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการนอนหลับ สามารถตรวจได้จากที่บ้านของตัวเอง ด้วยโปรเเกรม Home Sleep Test โดยมีเเพทย์เฉพาะทางในการรักษาปัญหานอนกรน เป็นผู้อ่านผลตรวจสุขภาพการนอนหลับเพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุของการนอนกรน และใช้เป็นแนวทางการวางแผนรักษาที่เหมาะสมสำหรับอาการที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคล

Related Blogs and Articles
ตรวจการนอนหลับ คืออะไร?

“คุณภาพการนอน” มีผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และแม้แต่ภาวะซึมเศร้าได้

BiPAP กับ CPAP ต่างกันยังไง

BiPAP และ CPAP เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้การหายใจขัดข้องในช่วงนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจอุดกั้น ทั้ง BiPAP และ CPAP เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองเครื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของเครื่อง BiPAP และ CPAP รวมถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละเครื่อง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับตัวเอง ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง CPAP CPAP คืออะไร? CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) คือเครื่องช่วยหายใจที่ใช้สำหรับการบำบัดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลักการของ CPAP คือการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่และส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากซึ่งครอบไปที่ปากและจมูกของผู้ใช้ แรงดันนี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและป้องกันไม่ให้เกิดการอุดกั้นระหว่างการนอนหลับ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจ CPAP จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจขณะหลับ หลักการทำงานของ CPAP CPAP ทำงานโดยการสร้างแรงดันอากาศที่คงที่ ส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบปากและจมูก ความดันที่เกิดขึ้นจะช่วยเปิดทางเดินหายใจที่อาจถูกบีบอัดหรืออุดตันในช่วงเวลาที่นอนหลับ แรงดันอากาศนี้จะถูกควบคุมให้คงที่ตลอดคืน ไม่ว่าคนไข้จะหายใจเข้าออกในจังหวะใดก็ตาม สิ่งนี้ทำให้การไหลเวียนของอากาศในระบบทางเดินหายใจเป็นปกติ ช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดหายใจขณะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ใครบ้าง? ที่ควรใช้ CPAP CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนในช่วงเวลาที่หลับ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับทารกที่มีปัญหาปอดพัฒนาไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีภาวะการหายใจไม่เพียงพอระหว่างหลับ CPAP ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คนไข้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานในช่วงกลางวัน รับคำปรึกษา ฟรี! ขนาดและการพกพาของเครื่อง CPAP เครื่อง CPAP มีหลายขนาดให้เลือก สามารถเลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละคนได้เลย หากคุณใช้ที่บ้าน ขนาดของเครื่อง CPAP ที่ใหญ่กว่าอาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย การเลือกเครื่อง CPAP ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ข้อควรรู้ก่อนใช้เครื่อง BiPAP BiPAP คืออะไร? BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ CPAP แต่มีความแตกต่างสำคัญในเรื่องของการปรับแรงดันอากาศระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก BiPAP ถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างแรงดันอากาศที่แตกต่างกันในจังหวะหายใจเข้าและหายใจออก ในขณะที่เครื่อง CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา การทำงานนี้ทำให้ BiPAP เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการแรงดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างหายใจเข้าและออก หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยโรคปอดและโรคทางระบบประสาท หลักการทำงานของ BiPAP เครื่อง BiPAP จะทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศ 2 ระดับระดับหนึ่งสำหรับการหายใจเข้า (IPAP: Inspiratory Positive Airway Pressure)ระดับสำหรับการหายใจออก (EPAP: Expiratory Positive Airway Pressure)ความแตกต่างของแรงดันนี้ช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาหายใจเข้าและออกได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้การหายใจกลับมาเป็นปกติ ใครควรใช้ BiPAP? BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ทำให้การหายใจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจแบบซับซ้อนที่ CPAP ไม่สามารถช่วยได้ BiPAP เป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้การหายใจกลับมาสู่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดและการใช้งานของเครื่อง BiPAP เครื่อง BiPAP มักจะมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับเครื่อง CPAP แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะเน้นที่การทำงานเงียบและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ หลายรุ่นของ BiPAP ยังมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศที่ส่งผ่านท่อหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อเมือกในจมูกแห้ง ทำให้การใช้งานรู้สึกสบายขึ้น ความแตกต่างระหว่าง BiPAP และ CPAP ในขณะที่ CPAP ใช้แรงดันอากาศคงที่ในการช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ BiPAP มีความสามารถในการปรับแรงดันอากาศสองระดับสำหรับการหายใจเข้าและออก ความแตกต่างนี้ทำให้ BiPAP เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะการหายใจที่ซับซ้อนหรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคปอดหรือปัญหาทางระบบประสาทนอกจากนี้ เครื่อง BiPAP ยังมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าซึ่งส่งผลให้ ราคาของ BiPAP มักจะสูงกว่า CPAP อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจรุนแรง ที่ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ CPAP ได้ BiPAP จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้หายใจได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหายใจออกที่ BiPAP จะใช้แรงดันที่น้อยกว่าในช่วงหายใจเข้า สรุป CPAP และ BiPAP ต่างก็เป็นเครื่องช่วยหายใจที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ทั้งสองมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีข้อแตกต่างหลักในเรื่องของแรงดันอากาศที่ใช้ระหว่างการหายใจเข้าและออก CPAP ให้แรงดันคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่ BiPAP สามารถปรับแรงดันอากาศตามความต้องการของผู้ป่วยได้BiPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการหายใจที่ซับซ้อน หรือมีภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วน CPAP เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วไป การเลือกใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย การเลือกเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและลดความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หยุดหายใจขณะหลับ ระวัง

อาการที่ร่างกายหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างการนอนหลับ โดยไม่รู้ตัว ปัญหานี้เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้น

เสียงกรนไม่ใช่แค่เรื่องของผู้ชาย

ผู้หญิงก็มีแนวโน้มที่จะนอนกรนได้ไม่แพ้ผู้ชาย! แม้เสียงกรนอาจเบากว่า หรือพบได้น้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยจากภาวะนี้

อดนอน ทุกวัน

โดยปกติเราควรนอนประมาณ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน แต่หลายคนกลับนอนน้อยกว่านั้นเพราะงาน ไลฟ์สไตล์ หรือแม้กระทั่งติดเล่นโทรศัพท์มือถือ

ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

โรคแทรกซ้อนจากการนอนกรน

การนอนกรนสามารถเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!