Skip to content
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
  • อาคารพญาไท พลาซ่า
  • ชั้น 33 ติด BTS
  • สถานี พญาไท ทางออกที่ 1
รักษานอนกรน ไม่ต้องผ่าตัด
3 วิธีใหม่ Update ล่าสุด
ปี 2025

รักษานอนกรน ไม่ต้องผ่าตัด

3 วิธีใหม่ Update ล่าสุด
ปี 2025
Table of Contents

ปี 2024 ใกล้จะจบลงแล้ว คุณมีของขวัญพิเศษสำหรับตัวเองหรือคนที่คุณรักเตรียมไว้หรือยัง? หลายคนอาจยังลังเลว่าจะเลือกอะไรดีที่จะมีคุณค่ามากพอสำหรับคนที่เราห่วงใย หรือแม้แต่เป็นของขวัญให้กับตัวเอง ซึ่งหากจะพูดถึงของขวัญที่ดีที่สุด คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง” โดยเฉพาะคุณภาพการนอนหลับที่ดี ซึ่งเป็นรากฐานของการมีพลังในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ใครมีปัญหาการนอนกรนบ้าง? ถ้ามี การนอนกรนเป็นสิ่งที่อาจดูเล็กน้อย แต่สิ่งนี้มันส่งผลกระทบไม่เล็กเลย การนอนกรนสามารถทำลายคุณภาพการนอนของคุณได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่าง ๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA), โรคหลอดเลือดหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, และโรคหลอดเลือดสมอง

เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ลองคิดดูว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าหากว่าคุณสามารถมอบของขวัญที่มีคุณค่าอย่าง “การนอนหลับที่ดี” ให้กับตัวเองหรือคนที่คุณรักได้ ด้วยการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสุขภาพการนอนของตัวเองอย่างละเอียดที่สุด และนำไปหาวิธีแก้ไขปัญหาการนอนกรนที่ได้ผลจริง ไม่เพียงแค่การนอนกรน แต่ยังสามารถช่วยวินิจฉัยปัญหาการนอนอื่น ๆ ได้อีก เช่น การนอนกัดฟัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือภาวะผิดปกติของการนอนหลับอื่น ๆ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก 3 วิธีการรักษาการนอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด ที่คุณสามารถเลือกได้ก่อนเข้าสู่ปี 2025 เพื่อมอบสุขภาพการนอนที่ดีให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก

หลายคนอาจคิดว่าการนอนกรนเป็นเพียงเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อเราเหนื่อยล้าหรือหลับลึก แต่ความจริงแล้วการนอนกรนเป็นสัญญาณแรกของปัญหาสุขภาพที่คุณอาจไม่รู้ และอาจบ่งบอกถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ระบบการหายใจของร่างกายมีความแปรปรวนในขณะหลับ และส่งผลต่อการทำงานของหัวใจอย่างหนัก เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ การนอนกรนยังมีผลกระทบต่อคุณภาพการนอน ทำให้คุณตื่นบ่อยตอนกลางคืน นอนไม่เต็มอิ่ม และรู้สึกเหนื่อยล้าในวันถัดไป

สำหรับเด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) อาจรุนแรงกว่าที่เราคิด เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าว สมาธิสั้น หรือปัสสาวะรดที่นอน และยังส่งผลต่อการเรียนอีกด้วย

เลือกวิธีรักษานอนกรนแบบไหนให้เหมาะกับคุณ?

การรักษาปัญหานอนกรนมีหลายวิธี การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยประเมินปัญหานอนกรนอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีการรักษานอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัดกัน

1. เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)

CPAP หรือ Continuous Positive Airway Pressure เป็นเครื่องมือที่ช่วยรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการทำงานของ CPAP คือการผลิตแรงดันลมผ่านหน้ากากที่สวมใส่ครอบจมูกในขณะที่กำลังหลับอยู่ เพื่อเปิดทางเดินหายใจที่แคบหรือถูกปิดกั้น ทำให้คุณหายใจสะดวกขึ้นในขณะหลับ และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

ข้อดีของการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)

  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้ตั้งแต่เริ่มใช้
  • แก้ไขปัญหาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีความรุนแรง
  • คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น ทำให้นอนหลับได้เต็มอิ่มมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
  • ลดอาการง่วงนอนในตอนกลางวัน

อย่างไรก็ตาม เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ เช่น รุ่น Auto ที่สามารถปรับแรงดันลมได้เองอัตโนมัติ และรุ่น Manual ที่ต้องปรับค่าตามการตั้งค่า แต่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด การใช้งาน CPAP ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้เลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและการนอนของผู้ใช้งาน

2. เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)

อีกหนึ่งวิธีการรักษาการนอนกรนที่ได้รับความนิยม คือการใช้เครื่องมือทันตกรรม หรือ Oral Appliance รู้จักกันในชื่อ เครื่องครอบฟัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สวมใส่ในปากขณะนอนหลับ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ลิ้นหรือเนื้อเยื่อในลำคอหย่อนลงมาปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น อุปกรณ์นี้จะช่วยจัดตำแหน่งของขากรรไกรและลิ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่เปิดทางเดินหายใจได้ดีขึ้น ช่วยลดการนอนกรนและการหยุดหายใจขณะหลับ

การเลือกเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) ให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงและอาการที่เกิดขึ้น ควรอยู่ในการดูแลแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาฟันยางนอนกรนจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น มีความแตกต่างกันจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสะดวกสบายในการใช้งาน

ข้อดี ของเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)

  • ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
  • ใส่ง่ายเพียงแค่ครอบฟันขณะนอนหลับ
  • ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือพลังงานเพิ่มเติม
  • ช่วยลดเสียงกรน และทำให้คู่นอนหลับสบายมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

การใช้เครื่องมือทันตกรรมนี้ควรได้รับการดูแลและคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับฟันและขากรรไกรของผู้ใช้แต่ละคน

3. การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)

การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาการนอนกรนที่ไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกกล้ามเนื้อบริเวณลิ้น ปาก ขากรรไกร และกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนคล้อยลงและปิดกั้นทางเดินหายใจในขณะหลับ

จากงานวิจัยชื่อว่า: Myofunctional Therapy to Treat Obstructive Sleep Apnea: A Systematic Review and Meta-analysis ที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดนี้พบว่า การฝึกกล้ามเนื้อดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ถึง 62% ในวัยเด็ก และ 50% ในวัยผู้ใหญ่

ข้อดี ของการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)

  • เป็นวิธีการรักษาที่ต้นเหตุของการนอนกรน
  • ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยง และเหมาะสำหรับทุกวัย
  • ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
  • สามารถฝึกได้ด้วยตนเองที่บ้าน วันละ 1-2 ชั่วโมง
  • ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ใด ๆ ขณะนอนหลับ หรืออาจสวมใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม Myobrace เพื่อช่วยให้การบำบัดมีผลลัพธ์ออกมาดีมากยิ่งขึ้น

สรุป

การรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) และการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Test) จะเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการวินิจฉัยและประเมินสาเหตุของปัญหา ซึ่งแพทย์เฉพาะทางสามารถนำผลจากการตรวจมาประเมินถึงอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้น สำหรับวางแผนและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับแต่ละบุคคล

Related Blogs and Articles
เครื่องช่วยหายใจนอนกรน เเก้ไขอาการกรน คืออะไร

หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินถึงวิธีการรักษาอาการนอนกรนที่มีหลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรน

CPAP แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง

อาการนอนกรน ถือเป็นปัญหาสุขภาพของใครหลาย ๆ คน ในเฉพาะคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ไม่เพียงแต่ทำให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่ม แต่ยังเป็นสาเหตุของความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง หนึ่งในวิธีการรักษาที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำ คือ การใช้เครื่องช่วยหายใจที่เรียกว่า CPAP ซึ่งย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เครื่อง CPAP เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดรักษาคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ด้วยการส่งแรงดันอากาศอย่างต่อเนื่องผ่านทางหน้ากาก เพื่อเปิดทางเดินหายใจของคุณให้กว้างขึ้น ช่วยลดอาการนอนกรนและป้องกันการหยุดหายใจซ้ำ ๆ ในขณะหลับ ทำให้การนอนหลับทุกคืนของคุณกลับมาเป็นปกติ เครื่อง CPAP ทำงานอย่างไร? เครื่อง CPAP ทำงานโดยการส่งแรงดันอากาศไปยังทางเดินหายใจผ่านหน้ากากที่สวมใส่ขณะนอนหลับ ช่วยป้องกันการปิดตัวของทางเดินหายใจในขณะที่กำลังหายใจเข้า โดยทั่วไปเครื่อง CPAP จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ใครบ้างที่ควรใช้เครื่อง CPAP? เครื่อง CPAP มักจะถูกแนะนำหรือมาใช้รักษาให้กับคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่รุนแรงหรือเพียงเล็กน้อยก็ตาม การใช้ CPAP ช่วยทำให้คนไข้กลับมามีการนอนหลับที่ต่อเนื่องขึ้น ลดเสียงกรน และป้องกันภาวะการหยุดหายใจซ้ำ ๆ โดยรวมแล้ว การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจแก้กรนเป็นทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพกับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการหายใจระหว่างการนอนหลับ และสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณข้อมูลจาก เครื่อง CPAP มีกี่ประเภท? แม้ว่าเครื่อง CPAP จะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่ก็ยังมีเครื่องประเภทอื่น ๆ ที่ทำงานคล้ายกันและมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนี้ ความแตกต่างของเครื่อง CPAP แต่ละยี่ห้อ ข้อดีและข้อเสียของเครื่อง CPAP การเลือกใช้เครื่อง CPAP มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ป่วยควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้ ข้อดี ข้อเสีย การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP ที่ VitalSleep Clinic ที่ VitalSleep Clinic เราให้บริการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ด้วย เครื่อง CPAP เป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการช่วยให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้นขณะนอนหลับ ทำงานโดยการส่งแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ป้องกันการอุดกั้น ลดการหยุดหายใจและเสียงกรน ทำให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอตลอดคืน ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดสมอง ทำไมต้องเลือก CPAP กับ VitalSleep Clinic? หากคุณมีอาการ นอนกรน ง่วงนอนตอนกลางวัน หรือหายใจติดขัดขณะหลับ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาเรื้อรัง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ VitalSleep Clinic เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด

นอนกรนเกิดจากอะไร เช็คด่วน ใครเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับบ้าง

นอนกรนเกิดจากอะไร? เกิดจากการหายใจผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบลงขณะนอนหลับ จากการอุดกั้นของกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในช่องปาก ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณคอ เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ และทอนซิล สั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงกรนในขณะที่นอนหลับอยู่ ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจแคบลง ได้แก่ ระดับความรุนแรงของการนอนกรน อาการนอนกรนสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงของอาการและผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก: ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ? ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากในกลุ่มต่อไปนี้ อันตรายจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การตรวจการนอนหลับที่ VitalSleep Clinic กุญแจสู่การนอนหลับที่ดีขึ้น ข้อดีของการตรวจการนอนหลับกับ VitalSleep Clinic อ่านเพิ่มเติม: วิธีการรักษาอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ จาก VitalSleep Clinic ได้แก่ สรุป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) เป็นภาวะที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ที่ VitalSleep Clinic เรามีแนวทางการรักษาที่ทันสมัยและหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ลดอาการนอนกรน เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ และลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

เสี่ยงตาย! รู้ไหม นอนกรนเกิดจาก ร่างกายหายใจไม่ออก

การนอนกรนเป็นอาการที่หลายคนอาจมองข้าม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยคือการดูแลคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

การหยุดหายใจขณะหลับ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภาวะผิดปกติที่สามารถนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหานอนกรน

ตรวจการนอนหลับ Sleep Test ราคาประหยัด ตรวจได้แม้งบน้อย

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นวิธีการที่สำคัญในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนหลับ เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายหลาย ๆ ด้าน

Sleep Test มีกี่แบบ

Sleep Test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจแบบไหน? การตรวจการนอนหลับ หรือ Sleep test เป็นการตรวจทดสอบเพื่อประเมินสภาพการนอนของเรา ตรวจหาปัญหาการนอนหลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยการทดสอบนี้มีหลายแบบ แบ่งตามมาตรฐานของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับแห่งสหรัฐอเมริกา (AASM) แต่ละแบบมีความซับซ้อนและวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ป่วยรูปแบบการตรวจ Sleep Testระดับที่ 1 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืนการตรวจนี้เป็นการทดสอบการนอนหลับที่ละเอียดและสมบูรณ์ที่สุด โดยมีการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตาและใต้คาง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดลมหายใจ ขณะทดสอบมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูตลอดทั้งคืน มักจะทำในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีห้องตรวจเฉพาะ การตรวจในระดับนี้มีความละเอียดและแม่นยำมาก เหมาะสำหรับคนที่มีอาการนอนหลับผิดปกติอย่างรุนแรงระดับที่ 2 การทดสอบแบบสมบูรณ์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าการทดสอบในระดับนี้จะคล้ายกับระดับที่ 1 ในเรื่องความละเอียดในของการวัดข้อมูล แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืน สามารถทำการตรวจที่บ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมาติดตั้งอุปกรณ์ในตอนเย็นแล้วปล่อยให้ทดสอบเองในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ข้อดี ของการทดสอบระดับที่ 2 นี้คือ ค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าการตรวจในโรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางหรือเสียเวลารอคิวตรวจเป็นเวลานานระดับที่ 3 การทดสอบแบบจำกัดข้อมูลจะมีความละเอียดน้อยกว่าระดับที่ 1 และ 2 โดยวัดเพียงข้อมูลพื้นฐาน เช่น การวัดการหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการตรวจวัดเสียงกรน ในบางครั้งอาจมีการวัดคลื่นหัวใจร่วมด้วย จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่ซับซ้อนหรือแค่นอนกรนอย่างเดียว เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพการนอนหลับได้เต็มที่ เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง อาจไม่ได้รับข้อมูลที่แม่นยำเท่ากับการตรวจระดับที่ 1 และ 2ระดับที่ 4 การทดสอบวัดออกซิเจนในเลือดและลมหายใจเป็นการตรวจการนอนหลับที่พื้นฐานที่สุด วัดเพียงออกซิเจนในเลือดหรือลมหายใจขณะหลับ ข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจนี้มีจำกัดไม่เพียงพอในการวินิจฉัยอาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างแม่นยำอ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกการตรวจที่เหมาะสม การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของปัญหาการนอนหลับของแต่ละคน สำหรับคนที่มีอาการนอนกรนธรรมดา การตรวจในระดับที่ 3 อาจเพียงพอ แต่หากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยไหม ควรพิจารณาการตรวจระดับที่ 1 หรือ 2 ที่มีความละเอียดสูงกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย การเลือกตรวจที่บ้านในระดับที่ 2 เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าทาง VitalSleep Clinic มีให้บริการการตรวจการนอนหลับทั้งระดับที่ 1 และ 2 ซึ่งสามารถทำการตรวจที่บ้านของผู้รับการตรวจได้ โดยให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ปรึกษาการตรวจการนอนหลับฟรี! ขั้นตอนการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ระดับ 1 และ 2 https://www.youtube.com/shorts/dGpk79k46ks เริ่มต้นการทดสอบจะเริ่มในช่วงหัวค่ำ ประมาณ 00 น. หรือตามเวลาที่เหมาะสมของผู้รับการตรวจ เจ้าหน้าที่จะทำการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับ กรอกเอกสารความยินยอม หลังจากนั้นจะอธิบายถึงการใช้อุปกรณ์และวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจการใช้ CPAP สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจรุนแรงหากพบว่าผู้รับการตรวจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรง เจ้าหน้าที่จะทำการทดลองใส่หน้ากาก CPAP เพื่อช่วยในการรักษาในคืนที่ตรวจเลย เมื่อผู้รับการทดสอบการนอนหลับพร้อมที่จะเข้านอนการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดเจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สายวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นกล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจวัดคลื่นหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการวัดลมหายใจและการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดการตรวจวัดระบบหายใจผู้รับการตรวจจะได้รับการวัดการหายใจโดยมีสายวัดติดบริเวณจมูก สายรัดที่หน้าอกและท้อง รวมถึงการวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ในบางกรณีอาจมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ตามความจำเป็นการทดสอบตลอดคืนสำหรับการตรวจระดับที่ 1 จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูในห้องควบคุมเพื่อติดตามการนอนตลอดคืน ในขณะที่การตรวจระดับที่ 2 จะไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้า แต่ผู้รับการตรวจจะนอนหลับอย่างต่อเนื่องตามปกติ คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตรวจสวมเสื้อผ้าที่สบายเหมือนชุดที่ใส่นอนตามปกติทุกคืนหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ตรวจหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงบ่ายในวันที่ตรวจแจ้งเจ้าหน้าที่หากคุณมีการใช้ยารักษาโรคประจำตัวหลังจากการตรวจเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรวจการนอนหลับที่บ้านกับ VitalSleep Clinic สะดวก ปลอดภัย แม่นยำหากคุณมีปัญหานอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือนอนแล้วไม่สดชื่น การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คือทางเลือกที่สะดวกและง่ายที่สุด!ไม่ต้องเดินทางอยู่ที่ไหนก็ตรวจได้ แม้คุณจะอยู่ต่างจังหวัดใช้งานง่ายอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด แค่ติดตั้งก่อนนอนผลแม่นยำวิเคราะห์โดยแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลังรู้ผลไวพร้อมให้คำแนะนำแนวทางการรักษาที่ Vital Sleep Clinic เรามุ่งเน้นการให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำใกล้เคียงกับสภาวะการนอนหลับในชีวิตจริง นอกจากนี้เรายังมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลในทุกขั้นตอนอ่านเพิ่มเติม สรุป การตรวจการนอนหลับ Sleep Test หรือการตรวจสุขภาพการนอนหลับมีทั้งหมด 4 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีความซับซ้อนและวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความจำเป็นของผู้ป่วย โดยการตรวจระดับที่ 1 และ 2 เป็นการตรวจที่ละเอียดและได้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนหลับผิดปกติรุนแรง ในขณะที่การตรวจระดับที่ 3 และ 4 เป็นการตรวจที่จำกัดข้อมูลมากกว่า เหมาะกับผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่ซับซ้อนการเลือกสถานที่ตรวจการนอนหลับ Sleep Test เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึง หากคุณต้องการความสะดวกสบายและต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ การเลือกทำ Sleep Test ที่บ้านเป็นทางเลือกที่ดี การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สะดวกในการเข้ารับการตรวจที่ Vital Sleep Clinic เราให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับที่บ้านของคนที่อยากตรวจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและใกล้เคียงกับการนอนในชีวิตประจำวัน หากคุณสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจการนอนหลับ สามารถติดต่อเราได้ เรายินดีให้บริการและคำแนะนำที่เหมาะสมแก่คุณ สนใจตรวจการนอนหลับ คลิกเลย

Why choose VitalSleep and Wellness
ตรวจคุณภาพการนอนหลับได้จากที่บ้าน

ตรวจการหลับ Sleep Test ที่ VitalSleep and Wellness สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดิน ทาง มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปติดตั้ง ให้ถึงที่บ้าน อ่านผลการตรวจ โดยแพทย์เฉพาะทาง Dental Sleep Medicine

ลดเสียงกรนด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ที่ VitalSleep and Wellness นําเสนอแนวทางการรักษานอนกรน ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ออกแบบ เฉพาะบุคคล รักษาได้ทั้ง แบบไม่ผ่าตัด และแบบผ่าตัด และการรักษาครอบคลุมไปถึงการรักษาอาการนอน กัดฟัน และข้อต่อขากรรไกรอักเสบ

ค้นหา และรักษานอนกรน ที่ต้นเหตุ

เน้นการตรวจเชิงลึกหลายแนวทาง เพื่อค้นหาและวินิจฉัยสาเหตุการรักษาที่แท้จริง มุ่งเน้นรักษาและบําบัดสาเหตุของการกรนที่ต้นเหตุ คือ กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ด้วย Myofunctional Therapy

แนวทางการรักษาแบบองค์รวม ผสมผสาน

นําเสนอการรักษาที่หลากหลาย ออกแบบเฉพาะบุคล เน้นการรักษาแบบผสมผสาน การรักษาหลายอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ครอบคลุมทุกความแตกต่างของแต่ละบุคคล

ทพ. ดร. อมรพงษ์ วชิรมน

Medical Director
แพทย์เฉพาะทางรักษานอนกรน

VitalSleep and Wellness
ดูแลโดย แพทย์เฉพาะทาง และนักกายภาพบําบัดวิชาชีพ
  • Polysomnography - Sleep Test ตรวจการนอนหลับ
  • เครื่องมือทันตกรรม รักษานอนกรน
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก รักษานอนกรน
  • รักษาอาการ นอนกัดฟัน
  • รักษาอาการ ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ขากรรไกรมีเสียงคลิก
  • บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้า และทางเดินหายใจส่วนต้น
  • ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร รักษานอนกรน
…and much more!

Promotion Sleep Test

ตรวจคุณภาพการนอนหลับ

สะดวก ง่าย ทำได้จากที่บ้าน

แพทย์เฉพาะทางอ่านผล

พิเศษ 6,900 บาท

(ปกติ 10,000 บาท)